ออกเดินทาง

2910 Words
หลังจากวันนั้นหรัญญ์ก็ยังมาเที่ยวเล่นที่ป่ารัญจวนบ่อย ๆ เป็นประจำ แต่ก็ไม่พบกับเด็กน้อยอรินดาอีกเลย และผ่านมาเนิ่นนานจนถึงวันนี้ หรัญญ์มีอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์แล้ว และท่านพญาครุฑธาก็คิดว่าธิดาของท่านจะต้องได้รู้เรื่องเมื่อสิบแปดก่อนเสียที นั่นคือวันที่เจ้าเมืองบาดาลมาขอพบท่านนั่นเอง "ไปเรียกหรัญญ์มาพบข้า" ท่านพญาครุฑธาเอ่ยบอกความต้องการกับทหาร หลังจากหายไปเพียงไม่นาน ทหารผู้นั้นก็กลับมาพร้อมกับหรัญญ์ที่มีเหงื่อผุดพรายท่วมกาย  ไม่ต้องเดาก็สามารถรู้ได้ ว่าหรัญญ์คงกำลังฝึกวิทยายุทธอยู่ "ท่านพ่อมีสิ่งใดจะคุยกับข้า" "เจ้าฝึกซ้อมหรืออาบน้ำแล้วไม่เช็ดตัวกันแน่" แทนที่จะตอบคำถามของธิดาแต่ผู้เป็นพ่อกลับถามยอกย้อนเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม "ข้าฝึกวิชาดาบกับท่านอาจารย์อยู่" หรัญญ์ตอบตามความจริง เขากำลังฝึกวิชาเพลงดาบกับท่านอาจารย์ ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ ทหารก็เรียกมาที่นี่เสียก่อน "นั่งลงก่อนสิ" พญาครุฑธาเชื้อเชิญให้ธิดานั่งลงเพื่อที่จะได้คุยกันสะดวก "เจ้าจำองค์นิลนาคแห่งเมืองบาดาลได้หรือไม่" "ข้าจำได้" หรัญญ์ใช้นิ้วโป้งลูบวนเบา ๆ ตรงแหวนรูปพญานาคแล้วตอบบิดาไป "ท่านพ่อไม่ยอมบอกข้าว่าองค์นิลนาคมาเยือนที่นี่เพื่อสิ่งใด" ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่หรัญญ์ก็ไม่ยอมบอกความจริงแก่บิดา "องค์นิลนาคมาเพื่อขอความช่วยเหลือ" "จากท่านพ่อ" "จากเจ้า" หรัญญ์มีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วสินะ "ธิดาขององค์นิลนาคกำเนิดมาตรงตามตำรา" ใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยที่หรัญญ์เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำ "นางต้องอภิเษกกับครุฑ มิเช่นนั้นเมืองบาดาลจะล่มสลาย" "ทำไมต้องเป็นข้า" "เพราะเจ้าเป็นครุฑ และเป็นลูกของข้า" หรัญญ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากไม่ช่วยนาง บ้านเมืองของนางก็จะล่มสลาย และที่สำคัญนาคาทุกตนในเมืองบาดาลจะต้องตาย รวมถึงอรินดาด้วย "ข้าปฏิเสธที่จะช่วยเหลือได้หรือไม่" บุตรแห่งพญาครุฑธามองบิดาด้วยสายตาจริงจัง  "ได้" "..." "แต่เมืองบาดาลและนาคาที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะเหลือแต่ชื่อ และกลายเป็นเพียงตำนาน" ถึงแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่หรัญญ์ก็อดที่จะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอไม่ได้ หากเกิดขึ้นจริง เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เศร้าสลดที่สุดในชีวิตของหรัญญ์ และเขาจะทนให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือ "ท่านแม่ว่าอย่างไรบ้าง" "แม่เจ้าแล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ" "แล้วตอนนี้ท่านแม่อยู่ที่ใด" "ทำอาหารอยู่ในครัว" หรัญญ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อีกครั้ง ในเมื่อผู้เป็นแม่บอกว่าแล้วแต่เขา หรัญญ์ก็จะตัดสินใจเอง หากไม่เห็นด้วยท่านก็คงจะคัดค้านและนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยแล้ว แต่นี่ท่านแม่ไม่อยู่ตรงนี้ นั่นก็แปลว่าท่านไม่ได้คิดจะคัดค้าน และตามแต่เขาจะตัดสินใจจริง ๆ  หรือมิเช่นนั้น ท่านแม่ก็คงเห็นด้วย ท่านคงอยากผูกสัมพันธไมตรีกับเมืองบาดาล "ข้าจะช่วยเมืองบาดาล" หรัญญ์ตัดสินใจแล้ว "พรุ่งนี้เราต้องเตรียมตัวเดินทาง เพราะอีกเพียงไม่กี่วันจะเป็นวันขึ้น 15 เดือน 11 เจ้าต้องหมั้นหมายกับนางในวันนั้น" แต่หรัญญ์ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ "เหตุใดถึงได้รวดเร็วเช่นนี้" "ตอนนี้ธิดาแห่งเมืองบาดาลจะมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ในเร็ววันนี้ เราต้องหมั้นหมายนางให้สมพระเกียรติ" "แต่ท่านพ่อ..." "ตามประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน" หรัญญ์ถอนหายใจอย่างปลงตก เขาขัดประเพณีไม่ได้ เคยปฏิบัติอย่างไรต้องปฏิบัติอย่างนั้น "สั่งทหารเตรียมเครื่องเพชรและทองคำ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปเมืองบาดาล" พญาครุฑธาสั่งความกับทหารด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ท่านแม่จะเสด็จไปด้วยหรือไม่" "แม่เจ้าจะรออรินดาอยู่ที่นี่" "หมายความว่าอย่างไรท่านพ่อ" "เมื่อหมั้นหมายแล้ว ธิดาแห่งเมืองบาดาลจะต้องเดินทางมาอยู่ที่นี่กับเจ้า" "..." "และเมื่อนางอายุ 20 ปีบริบูรณ์ งานอภิเษกสมรสระหว่างครุฑกับนาคจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีที่เมืองบาดาลของนาง" หรัญญ์อ้าปากค้าง เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน มันจะเร็วเกินไปหรือไม่หากจะพานางมาที่นี่ในทันทีที่หมั้นหมาย  อย่าบอกนะว่าตามประเพณีเขาปฏิบัติแบบนี้กัน "ตามประเพณีที่มีมานาน" ว่าแล้วเชียว สุดท้ายหรัญญ์ก็ทำสิ่งใดไม่ได้ นอกเสียจากรอคอยให้ถึงวันพรุ่งนี้ และออกเดินทางไปยังเมืองบาดาล       "อรินดาลูกแม่" ในขณะที่อรินดากำลังเคลิ้มหลับอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยเรียกเบา ๆ พร้อมกับนำมือมาลูบบนเส้นผมดกดำไปมาด้วยความรักใคร่ "ท่านแม่" "ลูกหลับแล้วหรือ" อรินดาลืมตาขึ้นแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ศีรษะเล็กขยับไปนอนหนุนบนตักมารดาทันทีที่ท่านนั่งลงบนเตียงหนานุ่ม "ท่านแม่มีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่เพคะ" ผู้เป็นแม่ทำเพียงแค่ยิ้มให้ลูกสาวเท่านั้น อีกไม่กี่วันจะเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และเมื่อถึงวันนั้นลูกสาวของนางจะต้องหมั้นหมายกับครุฑต่างเมือง เพื่อรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ แม้จะไม่อยากให้ลูกทำเช่นนั้น แต่องค์ไอรินลดาก็เลี่ยงไม่ได้ "เจ้าอายุ 17 ปี" "อีกไม่กี่วันลูกก็จะมีอายุ 18 ปีแล้วท่านแม่" องค์ไอรินลดายิ้มหวานส่งให้ลูกสาวแล้วลูบผมไปมาเบา ๆ  อรินดาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงกับลูกสาวผู้เป็นดั่งดวงใจแล้วสินะ "ลูกรักเมืองบาดาลหรือไม่" "ลูกรักท่านแม่ ท่านพ่อ นาคาทุกตนในเมืองบาดาล และรักเมืองบาดาลเพคะ" อรินดาตอบผู้เป็นแม่แล้วยิ้มเต็มหน้า "อรินดา" "..." "ลูกรู้หรือไม่ว่าไฝที่อยู่กลางกระหม่อมของลูกมีความหมายว่าอย่างไร" ธิดาแห่งเมืองบาดาลดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับรอยยิ้มดีใจอย่างปิดไม่มิด  อรินดาเคยถามท่านพ่อและท่านแม่บ่อยครั้งว่าไฝสีดำเม็ดเล็กที่อยู่กลางกระหม่อมมีความหมายว่าอย่างไร และหากมีความหมาย ตามตำราทำนายไว้ว่าอย่างไรบ้าง แต่ถามกี่ครั้งก็ไม่มีใครบอกความจริงกับเธอเลย "ท่านแม่จะบอกลูกหรือเพคะ" ผู้เป็นแม่พยักหน้าน้อย ๆ  "ไฝกลางกระหม่อมของลูกมีความหมายว่าลูกต้องอภิเษกกับคนชั้นสูงที่บินอยู่เหนือท้องฟ้า" "..." "หากไม่ทำเช่นนั้น เมืองบาดาลจะล่มสลาย" ได้ฟังเพียงเท่านั้นอรินดาก็น้ำตารินไหลในทันที เหตุผลที่ไม่มีใครบอกกับเธอเรื่องความหมายของไฝที่อยู่กลางกระหม่อมคงเป็นเพราะแบบนี้สินะ "อีกไม่กี่วันท่านพญาครุฑธาจะเดินทางมาถึงที่นี่ และหมั้นหมายลูกให้กับธิดาของท่าน" "ธิดาหรือเพคะ" "ในตำราเขียนว่าบุตรของผู้ครองเมืองครุฑ แต่พญาครุฑธาไม่มีบุตรชาย ท่านมีธิดาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และในตำราก็ไม่มีข้อห้ามใด ๆ หากนาคาจะอภิเษกกับครุฑแม้จะเป็นหญิงทั้งคู่" องค์ไอรินลดาเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวแล้วสวมกอดลูกรักเอาไว้ อีกเพียงไม่นานก็ต้องห่างไกลกับดวงใจสุดรักแล้วสินะ "ลูกจะอภิเษกหรือไม่" "หากลูกไม่ทำ เมืองบาดาลของเราจะล่มสลาย" "เมื่อหมั้นหมายแล้ว เจ้าต้องไปอยู่ที่เมืองครุฑ และจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในวันอภิเษก" อรินดาน้ำตาอาบสองแก้มแม้ว่าผู้เป็นแม่จะเพียรเช็ดให้มากเพียงใดก็ตาม เธอเกิดมาเป็นกาลกิณีของบ้านเมือง เหตุใดท่านแม่ไม่ปลิดชีพเธอให้สิ้นลมหายใจตั้งแต่ยังเด็ก "แม่รักลูกมากนะอรินดา" "อรินดาก็รักท่านแม่" "ลูกสาวแม่โตเป็นสาวแล้ว เจ้างดงามเหลือเกินอรินดา กิริยามารยาทก็อ่อนช้อยเรียบร้อย วาจาไพเราะอ่อนหวาน ธิดาแห่งท่านพญาครุฑธาต้องรักลูกสาวแม่ในสักวัน" อรินดาหลับตาลงด้วยหัวใจที่ปวดร้าว แล้วถ้าหากเธอไม่ได้รักครุฑเล่า จะทำเช่นไร "เหตุใดท่านแม่ไม่ปลิดชีพลูก" องค์ไอรินลดาลูบแก้มลูกสาวเบา ๆ อย่างทะนุถนอม  "แม่รักลูกอรินดา รักเกินกว่าที่จะทนเห็นลูกเจ็บปวดได้" มันคงสมเหตุสมผลแล้วสินะ หากท่านแม่ฆ่าเธอทิ้งเสียตั้งแต่ตอนเด็กทุกอย่างคงจบสิ้น เมืองบาดาลก็จะไม่ล่มสลาย แต่ท่านแม่รักเธอมากจึงยอมเสียเธอไปไม่ได้  ท่านพ่อและท่านแม่เลี้ยงดูเธอเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอคือแก้วตาดวงใจ เพื่อที่โตขึ้นเธอจะได้แต่งงานกับครุฑอย่างนั้นหรือ "ตอนลูกยังเด็ก องค์นิลนาคเสด็จไปยังเมืองครุฑ เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านพญาครุฑธา และท่านก็ยอมช่วยโดยไม่หวังสิ่งใดทั้งนั้น" "แต่ครุฑเป็นสัตว์ที่โหดเหี้ยม" "ลูกอ่านตำรา และฟังเรื่องเล่าเยอะไป" องค์ไอรินลดาอมยิ้มพลางส่ายหน้าน้อย ๆ ให้กับลูกสาวที่กำลังซบอยู่ตรงอก  สมัยก่อนในตำราทุกเล่มที่มีอยู่ในเมืองบาดาลล้วนกล่าวหาให้ครุฑเป็นตัวร้ายที่คอยแต่ทำลายและเข่นฆ่านาคา รวมถึงเรื่องเล่าที่มีมานานหลายร้อยปีก็ล้วนแต่ปรักปรำให้ครุฑเป็นผู้ทำลายเมืองทุกเมืองของนาคาเช่นเดียวกัน แต่ในสมัยนี้มีนาคาหลายตนที่มองครุฑเป็นเพื่อน และสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันฉันพี่น้องได้ แต่ก็มีหลายคนที่ยังเชื่อตำราและเรื่องเล่าเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่อรินดาหรือนี่ หากพูดอะไรไปในตอนนี้อรินดาคงไม่เชื่อเป็นแน่ ต้องให้ได้สัมผัสและเรียนรู้ด้วยตัวเองสินะลูกสาวสุดที่รักถึงจะเข้าใจว่าครุฑไม่ได้ร้ายอย่างที่คิด "ลูกคงคิดถึงท่านแม่กับท่านพ่อมาก" เพราะไม่เคยต้องห่างเมืองบาดาลและผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้งในชีวิตทำให้อรินดาคิดหนัก หากต้องเดินทางไปอยู่ที่เมืองครุฑจริง ๆ เธอต้องคิดถึงเมืองบาดาลและนาคาทุกตนที่นี่ทุกวันเป็นแน่ "แม่จะไปเยี่ยมลูกบ่อย ๆ" ผู้เป็นแม่จุมพิตกลางกระหม่อมลูกรักในอ้อมอก อรินดาหลับตาลงช้า ๆ เพื่อเมืองบาดาลและนาคาทุกตนที่นี่ เธอจะปฏิบัติตามคำทำนายและจะรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ให้ได้ "นอนเสียเถิดลูกรัก" ลูบไล้กลุ่มผมดกดำหนานุ่มอยู่เพียงชั่วครู่ลูกรักก็หลับไปในที่สุด ถึงแม้อรินดาจะโตเป็นสาวสะพรั่งแล้วก็ตาม แต่องค์ไอรินลดาก็ยังมองลูกสาวเป็นเพียงเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ อยู่ แม้ไม่อยากให้ห่างจากอ้อมอก แต่เพื่อบ้านเมืองยังไงเสียก็ต้องทำใจให้ได้ "แม่รักลูกมากนะอรินดา" องค์ไอรินลดาจุมพิตหน้าผากนวลเนียนของแก้วตาดวงใจอีกครั้งเพียงแผ่วเบา จากนั้นก็ห่มผ้าให้แล้วเดินออกจากห้องนอนของธิดาไปในที่สุด อีกไม่กี่วันก็จะได้จากกันแล้ว ใจหายเหลือเกิน แต่ท่านหวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์หรัญญ์บุตรแห่งครุฑจะใจดีมีเมตตากับลูกสาวของท่าน  และที่หวังมากที่สุดก็คือหวังให้องค์หรัญญ์ตกหลุมรักอรินดาเข้าในสักวัน   "ตื่นได้แล้วหรัญญ์" ท่านพญาครุฑธาที่แต่งชุดเรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางยืนอยู่หน้าห้องนอนของธิดาแล้วเคาะประตูเรียกเสียงเข้ม ท่านและทหารรวมถึงเครื่องบรรณาธิการต่าง ๆ พร้อมแล้ว เหลือก็แต่หรัญญ์ที่ยังไม่เตรียมตัวสักที และท่านคาดว่าเจ้าของห้องจะยังไม่ตื่นจากการหลับใหลแน่นอน เหลวไหลจริง ๆ  "หรัญญ์" เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง หรัญญ์กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง ใครมาเรียกแต่เช้าตรู่แบบนี้นะ "หรัญญ์" "ตื่นได้แล้ว" หรัญญ์ถอนหายใจพรืดใหญ่ ที่แท้ก็ท่านพ่อเองหรือนี่ เรียกทำไมแต่เช้านะ ฟ้ายังไม่สางเสียด้วยซ้ำไป "หรัญญ์!" "ว่าอย่างไรท่านพ่อ" คนในห้องตะโกนตอบเสียงงัวเงีย "เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ตื่นอีก" ถามมาได้ยังไง ก็มันยังไม่เช้าเลยนะท่านพ่อ หรัญญ์ตอบในใจ ขืนให้เหตุผลท่านพ่อไปแบบนั้นมีหวังเขาได้โดนเขกกบาลเป็นแน่ "มันยังไม่ถึงเวลาตื่นของลูกเลยนะท่านพ่อ" "แต่เราต้องออกเดินทางแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมด เหลือเพียงเจ้า" เหตุใดท่านพ่อถึงไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าจะออกเดินทางในเวลาเช้ามืด จะได้ไม่ต้องนอนให้เสียเวลา "แต่งตัวได้แล้ว อย่าให้คนอื่นต้องรอนาน" เสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปจากห้องนอนของหรัญญ์แล้ว เจ้าของห้องถอนหายใจอีกครั้งแล้วนอนแผ่หราอยู่บนเตียงด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก  ได้เวลาที่ต้องเดินทางแล้วสินะ หรัญญ์ลุกขึ้นนั่งแล้วทึ้งหัวตัวเองไปสองสามที ตอนนี้อรินดาคงรู้แล้วว่าต้องหมั้นหมายกับเขา และคงจะน้อยใจในโชคชะตาอยู่ไม่น้อยที่เกิดมามีตำหนิตรงตามตำรา แต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อไม่มีใครเลือกเกิดได้ "ข้าจะช่วยเมืองบาดาลไว้เอง" ดวงตาสีดำสนิทหรี่ลงอย่างแน่วแน่ คิดเสียว่าทำบุญครั้งใหญ่ด้วยการรักษาชีวิตของนาคาและเมืองบาดาลเอาไว้ก็แล้วกัน   "เดินทางปลอดภัยนะลูกแม่" "ข้าคิดถึงท่านแม่จัง" หรัญญ์วาดแขนโอบกอด 'องค์อรัญญิการ์' ผู้เป็นมารดาเอาไว้แล้วเอ่ยออดอ้อน "เจ้าก็ปากหวานไปเรื่อย" "ข้าพูดความจริงนะท่านแม่ ต้องห่างท่านแม่ตั้งหลายวัน ข้าคงคิดถึงแย่" "เดี๋ยวพอองค์อรินดามาอยู่ที่นี่เจ้าก็คงจะลืมแม่แล้ว" หรัญญ์หัวเราะออกมาน้อย ๆ จะให้เป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร เขาไม่มีทางเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับท่านแม่หรอกนะ "อย่าเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับท่านแม่เลย" "อีกไม่กี่วันองค์อรินดาก็ไม่ใช่คนอื่นสำหรับเจ้าแล้วลูกรัก นางจะเป็นคู่หมั้นของเจ้า" "ข้าทำเพื่อช่วยเหลือเมืองของนางเพียงเท่านั้น" ใบหน้าขาวผ่องตึงเครียดขึ้นมาในทันที หรัญญ์ทำเพื่อเมืองบาดาลเพียงเท่านั้น เหตุใดผู้เป็นแม่ถึงได้คิดว่าเขาจะจริงจังกับอรินดา "อย่าพูดแบบนี้ให้นางได้ยินเป็นอันขาด" "..." "สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่มันทำให้คนฟังเสียใจรู้หรือไม่" หรัญญ์พยักหน้าน้อย ๆ เขาจะพยายามก็แล้วกัน "จะกอดและร่ำลากันอีกนานหรือไม่" ท่านพญาครุฑธาที่ยืนอยู่หน้าขบวนเอ่ยขึ้น สองแม่ลูกยืนกอดกันอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะร่ำลากันเสร็จเลยสักที หากเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้ออกเดินทางกัน "ท่านพ่ออิจฉาข้าแน่เลยที่ได้กอดท่านแม่" หรัญญ์เอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ  "ข้าต้องเดินทางแล้วท่านแม่" ธิดาแห่งพญาครุฑธาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก้มกราบมารดาด้วยความนอบน้อม  "จำไว้นะหรัญญ์ ครุฑน่ะ รักเดียวใจเดียว" องค์อรัญญิการ์ลูบผมธิดาเบา ๆ แล้วเอ่ยบอกอย่างใจเย็น หรัญญ์เกิดเป็นครุฑต้องยึดเอาความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง หากได้รักใครแล้วต้องรักเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และอรินดาคือคู่หมั้นของหรัญญ์ หากหรัญญ์ไม่ได้รักธิดาแห่งเมืองบาดาล ก็คงไม่มีใครบังคับได้ และสุดท้ายเมืองบาดาลก็อาจจะเหลือเพียงชื่อและกลายเป็นตำนานเล่าขานในที่สุด ขบวนออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากต้องขนเพชรนิลจินดาและทองคำมากมายไปด้วยพญาครุฑธาจึงต้องอาศัยม้าในการช่วยขนของและขนคน แม้จะบินได้แต่พญาครุฑธาก็เลือกที่จะนั่งม้าแทน  ครุฑ ม้า และผู้ติดตามกว่าห้าสิบคนเดินทางออกจากเมืองครุฑธาเวสีในเวลาเช้ามืด เป้าหมายคือเมืองบาดาล เพื่อหมั้นหมายธิดาขององค์นิลนาคผู้ครองเมือง และพานางกลับมาที่นี่ เมื่ออรินดาอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ จะมีงานอภิเษกสมรสระหว่างธิดานาคาและธิดาครุฑในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ที่เมืองบาดาล เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ให้อยู่รอดสืบไปชั่วกาลนานนั่นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD