หลังจากวันนั้นหรัญญ์ก็ยังมาเที่ยวเล่นที่ป่ารัญจวนบ่อย ๆ เป็นประจำ แต่ก็ไม่พบกับเด็กน้อยอรินดาอีกเลย และผ่านมาเนิ่นนานจนถึงวันนี้ หรัญญ์มีอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์แล้ว และท่านพญาครุฑธาก็คิดว่าธิดาของท่านจะต้องได้รู้เรื่องเมื่อสิบแปดก่อนเสียที นั่นคือวันที่เจ้าเมืองบาดาลมาขอพบท่านนั่นเอง
"ไปเรียกหรัญญ์มาพบข้า"
ท่านพญาครุฑธาเอ่ยบอกความต้องการกับทหาร หลังจากหายไปเพียงไม่นาน ทหารผู้นั้นก็กลับมาพร้อมกับหรัญญ์ที่มีเหงื่อผุดพรายท่วมกาย
ไม่ต้องเดาก็สามารถรู้ได้ ว่าหรัญญ์คงกำลังฝึกวิทยายุทธอยู่
"ท่านพ่อมีสิ่งใดจะคุยกับข้า"
"เจ้าฝึกซ้อมหรืออาบน้ำแล้วไม่เช็ดตัวกันแน่"
แทนที่จะตอบคำถามของธิดาแต่ผู้เป็นพ่อกลับถามยอกย้อนเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"ข้าฝึกวิชาดาบกับท่านอาจารย์อยู่"
หรัญญ์ตอบตามความจริง เขากำลังฝึกวิชาเพลงดาบกับท่านอาจารย์ ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ ทหารก็เรียกมาที่นี่เสียก่อน
"นั่งลงก่อนสิ"
พญาครุฑธาเชื้อเชิญให้ธิดานั่งลงเพื่อที่จะได้คุยกันสะดวก
"เจ้าจำองค์นิลนาคแห่งเมืองบาดาลได้หรือไม่"
"ข้าจำได้"
หรัญญ์ใช้นิ้วโป้งลูบวนเบา ๆ ตรงแหวนรูปพญานาคแล้วตอบบิดาไป
"ท่านพ่อไม่ยอมบอกข้าว่าองค์นิลนาคมาเยือนที่นี่เพื่อสิ่งใด"
ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่หรัญญ์ก็ไม่ยอมบอกความจริงแก่บิดา
"องค์นิลนาคมาเพื่อขอความช่วยเหลือ"
"จากท่านพ่อ"
"จากเจ้า"
หรัญญ์มีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วสินะ
"ธิดาขององค์นิลนาคกำเนิดมาตรงตามตำรา"
ใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยที่หรัญญ์เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำ
"นางต้องอภิเษกกับครุฑ มิเช่นนั้นเมืองบาดาลจะล่มสลาย"
"ทำไมต้องเป็นข้า"
"เพราะเจ้าเป็นครุฑ และเป็นลูกของข้า"
หรัญญ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากไม่ช่วยนาง บ้านเมืองของนางก็จะล่มสลาย และที่สำคัญนาคาทุกตนในเมืองบาดาลจะต้องตาย รวมถึงอรินดาด้วย
"ข้าปฏิเสธที่จะช่วยเหลือได้หรือไม่"
บุตรแห่งพญาครุฑธามองบิดาด้วยสายตาจริงจัง
"ได้"
"..."
"แต่เมืองบาดาลและนาคาที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะเหลือแต่ชื่อ และกลายเป็นเพียงตำนาน"
ถึงแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่หรัญญ์ก็อดที่จะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอไม่ได้ หากเกิดขึ้นจริง เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เศร้าสลดที่สุดในชีวิตของหรัญญ์ และเขาจะทนให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือ
"ท่านแม่ว่าอย่างไรบ้าง"
"แม่เจ้าแล้วแต่เจ้าจะตัดสินใจ"
"แล้วตอนนี้ท่านแม่อยู่ที่ใด"
"ทำอาหารอยู่ในครัว"
หรัญญ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อีกครั้ง ในเมื่อผู้เป็นแม่บอกว่าแล้วแต่เขา หรัญญ์ก็จะตัดสินใจเอง หากไม่เห็นด้วยท่านก็คงจะคัดค้านและนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยแล้ว
แต่นี่ท่านแม่ไม่อยู่ตรงนี้ นั่นก็แปลว่าท่านไม่ได้คิดจะคัดค้าน และตามแต่เขาจะตัดสินใจจริง ๆ
หรือมิเช่นนั้น ท่านแม่ก็คงเห็นด้วย ท่านคงอยากผูกสัมพันธไมตรีกับเมืองบาดาล
"ข้าจะช่วยเมืองบาดาล"
หรัญญ์ตัดสินใจแล้ว
"พรุ่งนี้เราต้องเตรียมตัวเดินทาง เพราะอีกเพียงไม่กี่วันจะเป็นวันขึ้น 15 เดือน 11 เจ้าต้องหมั้นหมายกับนางในวันนั้น"
แต่หรัญญ์ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้
"เหตุใดถึงได้รวดเร็วเช่นนี้"
"ตอนนี้ธิดาแห่งเมืองบาดาลจะมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ในเร็ววันนี้ เราต้องหมั้นหมายนางให้สมพระเกียรติ"
"แต่ท่านพ่อ..."
"ตามประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน"
หรัญญ์ถอนหายใจอย่างปลงตก เขาขัดประเพณีไม่ได้ เคยปฏิบัติอย่างไรต้องปฏิบัติอย่างนั้น
"สั่งทหารเตรียมเครื่องเพชรและทองคำ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปเมืองบาดาล"
พญาครุฑธาสั่งความกับทหารด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ท่านแม่จะเสด็จไปด้วยหรือไม่"
"แม่เจ้าจะรออรินดาอยู่ที่นี่"
"หมายความว่าอย่างไรท่านพ่อ"
"เมื่อหมั้นหมายแล้ว ธิดาแห่งเมืองบาดาลจะต้องเดินทางมาอยู่ที่นี่กับเจ้า"
"..."
"และเมื่อนางอายุ 20 ปีบริบูรณ์ งานอภิเษกสมรสระหว่างครุฑกับนาคจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีที่เมืองบาดาลของนาง"
หรัญญ์อ้าปากค้าง เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน มันจะเร็วเกินไปหรือไม่หากจะพานางมาที่นี่ในทันทีที่หมั้นหมาย
อย่าบอกนะว่าตามประเพณีเขาปฏิบัติแบบนี้กัน
"ตามประเพณีที่มีมานาน"
ว่าแล้วเชียว สุดท้ายหรัญญ์ก็ทำสิ่งใดไม่ได้ นอกเสียจากรอคอยให้ถึงวันพรุ่งนี้ และออกเดินทางไปยังเมืองบาดาล
"อรินดาลูกแม่"
ในขณะที่อรินดากำลังเคลิ้มหลับอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยเรียกเบา ๆ พร้อมกับนำมือมาลูบบนเส้นผมดกดำไปมาด้วยความรักใคร่
"ท่านแม่"
"ลูกหลับแล้วหรือ"
อรินดาลืมตาขึ้นแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ศีรษะเล็กขยับไปนอนหนุนบนตักมารดาทันทีที่ท่านนั่งลงบนเตียงหนานุ่ม
"ท่านแม่มีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่เพคะ"
ผู้เป็นแม่ทำเพียงแค่ยิ้มให้ลูกสาวเท่านั้น อีกไม่กี่วันจะเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และเมื่อถึงวันนั้นลูกสาวของนางจะต้องหมั้นหมายกับครุฑต่างเมือง เพื่อรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ แม้จะไม่อยากให้ลูกทำเช่นนั้น แต่องค์ไอรินลดาก็เลี่ยงไม่ได้
"เจ้าอายุ 17 ปี"
"อีกไม่กี่วันลูกก็จะมีอายุ 18 ปีแล้วท่านแม่"
องค์ไอรินลดายิ้มหวานส่งให้ลูกสาวแล้วลูบผมไปมาเบา ๆ
อรินดาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงกับลูกสาวผู้เป็นดั่งดวงใจแล้วสินะ
"ลูกรักเมืองบาดาลหรือไม่"
"ลูกรักท่านแม่ ท่านพ่อ นาคาทุกตนในเมืองบาดาล และรักเมืองบาดาลเพคะ"
อรินดาตอบผู้เป็นแม่แล้วยิ้มเต็มหน้า
"อรินดา"
"..."
"ลูกรู้หรือไม่ว่าไฝที่อยู่กลางกระหม่อมของลูกมีความหมายว่าอย่างไร"
ธิดาแห่งเมืองบาดาลดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับรอยยิ้มดีใจอย่างปิดไม่มิด
อรินดาเคยถามท่านพ่อและท่านแม่บ่อยครั้งว่าไฝสีดำเม็ดเล็กที่อยู่กลางกระหม่อมมีความหมายว่าอย่างไร และหากมีความหมาย ตามตำราทำนายไว้ว่าอย่างไรบ้าง แต่ถามกี่ครั้งก็ไม่มีใครบอกความจริงกับเธอเลย
"ท่านแม่จะบอกลูกหรือเพคะ"
ผู้เป็นแม่พยักหน้าน้อย ๆ
"ไฝกลางกระหม่อมของลูกมีความหมายว่าลูกต้องอภิเษกกับคนชั้นสูงที่บินอยู่เหนือท้องฟ้า"
"..."
"หากไม่ทำเช่นนั้น เมืองบาดาลจะล่มสลาย"
ได้ฟังเพียงเท่านั้นอรินดาก็น้ำตารินไหลในทันที เหตุผลที่ไม่มีใครบอกกับเธอเรื่องความหมายของไฝที่อยู่กลางกระหม่อมคงเป็นเพราะแบบนี้สินะ
"อีกไม่กี่วันท่านพญาครุฑธาจะเดินทางมาถึงที่นี่ และหมั้นหมายลูกให้กับธิดาของท่าน"
"ธิดาหรือเพคะ"
"ในตำราเขียนว่าบุตรของผู้ครองเมืองครุฑ แต่พญาครุฑธาไม่มีบุตรชาย ท่านมีธิดาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และในตำราก็ไม่มีข้อห้ามใด ๆ หากนาคาจะอภิเษกกับครุฑแม้จะเป็นหญิงทั้งคู่"
องค์ไอรินลดาเช็ดน้ำตาให้ลูกสาวแล้วสวมกอดลูกรักเอาไว้ อีกเพียงไม่นานก็ต้องห่างไกลกับดวงใจสุดรักแล้วสินะ
"ลูกจะอภิเษกหรือไม่"
"หากลูกไม่ทำ เมืองบาดาลของเราจะล่มสลาย"
"เมื่อหมั้นหมายแล้ว เจ้าต้องไปอยู่ที่เมืองครุฑ และจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในวันอภิเษก"
อรินดาน้ำตาอาบสองแก้มแม้ว่าผู้เป็นแม่จะเพียรเช็ดให้มากเพียงใดก็ตาม เธอเกิดมาเป็นกาลกิณีของบ้านเมือง เหตุใดท่านแม่ไม่ปลิดชีพเธอให้สิ้นลมหายใจตั้งแต่ยังเด็ก
"แม่รักลูกมากนะอรินดา"
"อรินดาก็รักท่านแม่"
"ลูกสาวแม่โตเป็นสาวแล้ว เจ้างดงามเหลือเกินอรินดา กิริยามารยาทก็อ่อนช้อยเรียบร้อย วาจาไพเราะอ่อนหวาน ธิดาแห่งท่านพญาครุฑธาต้องรักลูกสาวแม่ในสักวัน"
อรินดาหลับตาลงด้วยหัวใจที่ปวดร้าว แล้วถ้าหากเธอไม่ได้รักครุฑเล่า จะทำเช่นไร
"เหตุใดท่านแม่ไม่ปลิดชีพลูก"
องค์ไอรินลดาลูบแก้มลูกสาวเบา ๆ อย่างทะนุถนอม
"แม่รักลูกอรินดา รักเกินกว่าที่จะทนเห็นลูกเจ็บปวดได้"
มันคงสมเหตุสมผลแล้วสินะ หากท่านแม่ฆ่าเธอทิ้งเสียตั้งแต่ตอนเด็กทุกอย่างคงจบสิ้น เมืองบาดาลก็จะไม่ล่มสลาย แต่ท่านแม่รักเธอมากจึงยอมเสียเธอไปไม่ได้
ท่านพ่อและท่านแม่เลี้ยงดูเธอเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอคือแก้วตาดวงใจ เพื่อที่โตขึ้นเธอจะได้แต่งงานกับครุฑอย่างนั้นหรือ
"ตอนลูกยังเด็ก องค์นิลนาคเสด็จไปยังเมืองครุฑ เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านพญาครุฑธา และท่านก็ยอมช่วยโดยไม่หวังสิ่งใดทั้งนั้น"
"แต่ครุฑเป็นสัตว์ที่โหดเหี้ยม"
"ลูกอ่านตำรา และฟังเรื่องเล่าเยอะไป"
องค์ไอรินลดาอมยิ้มพลางส่ายหน้าน้อย ๆ ให้กับลูกสาวที่กำลังซบอยู่ตรงอก
สมัยก่อนในตำราทุกเล่มที่มีอยู่ในเมืองบาดาลล้วนกล่าวหาให้ครุฑเป็นตัวร้ายที่คอยแต่ทำลายและเข่นฆ่านาคา รวมถึงเรื่องเล่าที่มีมานานหลายร้อยปีก็ล้วนแต่ปรักปรำให้ครุฑเป็นผู้ทำลายเมืองทุกเมืองของนาคาเช่นเดียวกัน
แต่ในสมัยนี้มีนาคาหลายตนที่มองครุฑเป็นเพื่อน และสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันฉันพี่น้องได้ แต่ก็มีหลายคนที่ยังเชื่อตำราและเรื่องเล่าเช่นเดียวกัน
ไม่เว้นแม้แต่อรินดาหรือนี่
หากพูดอะไรไปในตอนนี้อรินดาคงไม่เชื่อเป็นแน่ ต้องให้ได้สัมผัสและเรียนรู้ด้วยตัวเองสินะลูกสาวสุดที่รักถึงจะเข้าใจว่าครุฑไม่ได้ร้ายอย่างที่คิด
"ลูกคงคิดถึงท่านแม่กับท่านพ่อมาก"
เพราะไม่เคยต้องห่างเมืองบาดาลและผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้งในชีวิตทำให้อรินดาคิดหนัก หากต้องเดินทางไปอยู่ที่เมืองครุฑจริง ๆ เธอต้องคิดถึงเมืองบาดาลและนาคาทุกตนที่นี่ทุกวันเป็นแน่
"แม่จะไปเยี่ยมลูกบ่อย ๆ"
ผู้เป็นแม่จุมพิตกลางกระหม่อมลูกรักในอ้อมอก
อรินดาหลับตาลงช้า ๆ เพื่อเมืองบาดาลและนาคาทุกตนที่นี่ เธอจะปฏิบัติตามคำทำนายและจะรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ให้ได้
"นอนเสียเถิดลูกรัก"
ลูบไล้กลุ่มผมดกดำหนานุ่มอยู่เพียงชั่วครู่ลูกรักก็หลับไปในที่สุด ถึงแม้อรินดาจะโตเป็นสาวสะพรั่งแล้วก็ตาม แต่องค์ไอรินลดาก็ยังมองลูกสาวเป็นเพียงเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ อยู่ แม้ไม่อยากให้ห่างจากอ้อมอก แต่เพื่อบ้านเมืองยังไงเสียก็ต้องทำใจให้ได้
"แม่รักลูกมากนะอรินดา"
องค์ไอรินลดาจุมพิตหน้าผากนวลเนียนของแก้วตาดวงใจอีกครั้งเพียงแผ่วเบา จากนั้นก็ห่มผ้าให้แล้วเดินออกจากห้องนอนของธิดาไปในที่สุด อีกไม่กี่วันก็จะได้จากกันแล้ว ใจหายเหลือเกิน แต่ท่านหวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์หรัญญ์บุตรแห่งครุฑจะใจดีมีเมตตากับลูกสาวของท่าน
และที่หวังมากที่สุดก็คือหวังให้องค์หรัญญ์ตกหลุมรักอรินดาเข้าในสักวัน
"ตื่นได้แล้วหรัญญ์"
ท่านพญาครุฑธาที่แต่งชุดเรียบร้อยเตรียมพร้อมสำหรับเดินทางยืนอยู่หน้าห้องนอนของธิดาแล้วเคาะประตูเรียกเสียงเข้ม ท่านและทหารรวมถึงเครื่องบรรณาธิการต่าง ๆ พร้อมแล้ว เหลือก็แต่หรัญญ์ที่ยังไม่เตรียมตัวสักที
และท่านคาดว่าเจ้าของห้องจะยังไม่ตื่นจากการหลับใหลแน่นอน
เหลวไหลจริง ๆ
"หรัญญ์"
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง หรัญญ์กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง
ใครมาเรียกแต่เช้าตรู่แบบนี้นะ
"หรัญญ์"
"ตื่นได้แล้ว"
หรัญญ์ถอนหายใจพรืดใหญ่ ที่แท้ก็ท่านพ่อเองหรือนี่ เรียกทำไมแต่เช้านะ ฟ้ายังไม่สางเสียด้วยซ้ำไป
"หรัญญ์!"
"ว่าอย่างไรท่านพ่อ"
คนในห้องตะโกนตอบเสียงงัวเงีย
"เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ตื่นอีก"
ถามมาได้ยังไง ก็มันยังไม่เช้าเลยนะท่านพ่อ หรัญญ์ตอบในใจ ขืนให้เหตุผลท่านพ่อไปแบบนั้นมีหวังเขาได้โดนเขกกบาลเป็นแน่
"มันยังไม่ถึงเวลาตื่นของลูกเลยนะท่านพ่อ"
"แต่เราต้องออกเดินทางแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมหมด เหลือเพียงเจ้า"
เหตุใดท่านพ่อถึงไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าจะออกเดินทางในเวลาเช้ามืด จะได้ไม่ต้องนอนให้เสียเวลา
"แต่งตัวได้แล้ว อย่าให้คนอื่นต้องรอนาน"
เสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปจากห้องนอนของหรัญญ์แล้ว เจ้าของห้องถอนหายใจอีกครั้งแล้วนอนแผ่หราอยู่บนเตียงด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
ได้เวลาที่ต้องเดินทางแล้วสินะ
หรัญญ์ลุกขึ้นนั่งแล้วทึ้งหัวตัวเองไปสองสามที ตอนนี้อรินดาคงรู้แล้วว่าต้องหมั้นหมายกับเขา และคงจะน้อยใจในโชคชะตาอยู่ไม่น้อยที่เกิดมามีตำหนิตรงตามตำรา แต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อไม่มีใครเลือกเกิดได้
"ข้าจะช่วยเมืองบาดาลไว้เอง"
ดวงตาสีดำสนิทหรี่ลงอย่างแน่วแน่ คิดเสียว่าทำบุญครั้งใหญ่ด้วยการรักษาชีวิตของนาคาและเมืองบาดาลเอาไว้ก็แล้วกัน
"เดินทางปลอดภัยนะลูกแม่"
"ข้าคิดถึงท่านแม่จัง"
หรัญญ์วาดแขนโอบกอด 'องค์อรัญญิการ์' ผู้เป็นมารดาเอาไว้แล้วเอ่ยออดอ้อน
"เจ้าก็ปากหวานไปเรื่อย"
"ข้าพูดความจริงนะท่านแม่ ต้องห่างท่านแม่ตั้งหลายวัน ข้าคงคิดถึงแย่"
"เดี๋ยวพอองค์อรินดามาอยู่ที่นี่เจ้าก็คงจะลืมแม่แล้ว"
หรัญญ์หัวเราะออกมาน้อย ๆ จะให้เป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร เขาไม่มีทางเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับท่านแม่หรอกนะ
"อย่าเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับท่านแม่เลย"
"อีกไม่กี่วันองค์อรินดาก็ไม่ใช่คนอื่นสำหรับเจ้าแล้วลูกรัก นางจะเป็นคู่หมั้นของเจ้า"
"ข้าทำเพื่อช่วยเหลือเมืองของนางเพียงเท่านั้น"
ใบหน้าขาวผ่องตึงเครียดขึ้นมาในทันที หรัญญ์ทำเพื่อเมืองบาดาลเพียงเท่านั้น เหตุใดผู้เป็นแม่ถึงได้คิดว่าเขาจะจริงจังกับอรินดา
"อย่าพูดแบบนี้ให้นางได้ยินเป็นอันขาด"
"..."
"สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่มันทำให้คนฟังเสียใจรู้หรือไม่"
หรัญญ์พยักหน้าน้อย ๆ เขาจะพยายามก็แล้วกัน
"จะกอดและร่ำลากันอีกนานหรือไม่"
ท่านพญาครุฑธาที่ยืนอยู่หน้าขบวนเอ่ยขึ้น สองแม่ลูกยืนกอดกันอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะร่ำลากันเสร็จเลยสักที หากเป็นแบบนี้เมื่อไหร่จะได้ออกเดินทางกัน
"ท่านพ่ออิจฉาข้าแน่เลยที่ได้กอดท่านแม่"
หรัญญ์เอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ
"ข้าต้องเดินทางแล้วท่านแม่"
ธิดาแห่งพญาครุฑธาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก้มกราบมารดาด้วยความนอบน้อม
"จำไว้นะหรัญญ์ ครุฑน่ะ รักเดียวใจเดียว"
องค์อรัญญิการ์ลูบผมธิดาเบา ๆ แล้วเอ่ยบอกอย่างใจเย็น หรัญญ์เกิดเป็นครุฑต้องยึดเอาความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง หากได้รักใครแล้วต้องรักเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และอรินดาคือคู่หมั้นของหรัญญ์ หากหรัญญ์ไม่ได้รักธิดาแห่งเมืองบาดาล ก็คงไม่มีใครบังคับได้ และสุดท้ายเมืองบาดาลก็อาจจะเหลือเพียงชื่อและกลายเป็นตำนานเล่าขานในที่สุด
ขบวนออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากต้องขนเพชรนิลจินดาและทองคำมากมายไปด้วยพญาครุฑธาจึงต้องอาศัยม้าในการช่วยขนของและขนคน แม้จะบินได้แต่พญาครุฑธาก็เลือกที่จะนั่งม้าแทน
ครุฑ ม้า และผู้ติดตามกว่าห้าสิบคนเดินทางออกจากเมืองครุฑธาเวสีในเวลาเช้ามืด เป้าหมายคือเมืองบาดาล เพื่อหมั้นหมายธิดาขององค์นิลนาคผู้ครองเมือง และพานางกลับมาที่นี่ เมื่ออรินดาอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ จะมีงานอภิเษกสมรสระหว่างธิดานาคาและธิดาครุฑในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ที่เมืองบาดาล
เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ให้อยู่รอดสืบไปชั่วกาลนานนั่นเอง