พบเจอแต่ไม่รู้จัก

3286 Words
สิบปีต่อมา... องค์อรินดาถูกเลี้ยงดูฟูมฟักมาด้วยความรักใคร่ของบุพการรีและนาคาทุกตนในเมืองบาดาลแห่งนี้ เด็กหญิงเป็นนาคาที่น่ารักเรียบร้อยอ่อนหวานและร่าเริงแจ่มใส ทุกวันอรินดาจะร้อยมาลัย ฝึกทำอาหาร และท่องตำราเรียน เป็นเช่นนี้จนเกิดความเคยชิน  "ท่านเคยขึ้นไปจากเมืองบาดาลหรือไม่" ในขณะที่กำลังร้อยมาลัยอยู่เพื่อนรุ่นพี่ที่ร่ำเรียนอยู่กับอรินดามาเป็นเวลานานก็เอ่ยขึ้น เพื่อนคนนี้ทำหน้าที่ไม่ต่างจากพี่เลี้ยงของอรินดาสักเท่าไหร่ อรินดาเป็นเด็กเพียงคนเดียวในเมืองบาดาลที่มีอายุสิบขวบ จึงทำให้ไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันเลยแม้สักคนเดียวในเมืองบาดาลแห่งนี้ "ข้าไม่เคย" "บนนั้นมีป่า สรรพสัตว์ และมีที่เที่ยวเล่นมากมาย" เพื่อนรุ่นพี่คนนั้นพูดต่อ อรินดาถูกประคบประหงมมาอย่างดี ไม่เคยได้ไปที่ไหนนอกเสียจากอยู่ในเมืองบาดาลแห่งนี้ "ท่านอยากไปหรือไม่องค์อรินดา" อรินดาส่ายหน้า "หากท่านพ่อกับท่านแม่รู้เข้า ข้าต้องโดนดุเป็นแน่" "บ่ายนี้ข้ากับเพื่อนนัดกันไว้ว่าจะไปเที่ยวเล่นที่น้ำตกในป่ารัญจวน ที่แห่งนั้นมีสัตว์มากมาย หมู่มวลมัจฉาแหวกว่ายไปมาในน้ำสีใส สดชื่นจนข้าติดใจและชอบไปที่นั่นบ่อย ๆ" เพื่อนคนนั้นพรรณนาให้อรินดาได้ฟัง เพียงแค่คิดภาพตามหัวใจก็เป็นสุขแล้ว "บ่ายนี้องค์นิลนาคมีแขกมาขอเข้าเฝ้า องค์ไอรินลดาก็คงจะอยู่ด้วย ไม่มีเวลามาสนใจท่านหรอก ไปกับข้านะ ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านอย่างดี" "เหตุใดพี่เขียวถึงอยากให้ข้าไปด้วย" เด็กน้อยอรินดาเอียงคอถามด้วยความสงสัย "ข้าเห็นท่านอยู่แต่ในเมือง อยากพาไปเที่ยวเล่นบ้าง" "..." "ไปกับข้านะ" เพื่อนรุ่นพี่เอ่ยชักชวนอีกครั้งด้วยดวงตาเป็นประกาย  "ไปเพียงครู่เดียวเท่านั้นนะพี่เขียว" ทั้งคู่รีบร้อยมาลัยให้เสร็จสรรพ เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระใหญ่จึงต้องร้อยมาลัยเยอะเป็นพิเศษ เพราะพวกผู้ใหญ่จะนำไปถวายแด่องค์พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบาดาลและทำพิธีสวดมนต์บูชา อรินดาและเพื่อนรุ่นพี่จึงต้องร้อยมาลัยเยอะกว่าวันอื่น และกว่าจะร้อยเสร็จก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว อรินดาแปลงกายเป็นนาคาสีเขียวมรกตงดงาม เกล็ดสีเขียวระยิบระยับสะท้อนแสงราวกับทองคำแท้และเพชรล้ำค่าเมื่อถูกแสงไฟหรือถูกแสงของดวงอาทิตย์สาดส่อง และที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งเห็นจะเป็นหงอนสีแดงฉานที่มีมงกุฎทองคำคล้องอยู่บนนั้น นาคาตัวน้อยลอยขึ้นมาจากเมืองบาดาลได้ด้วยความช่วยเหลือของนาคารุ่นพี่ "แปลงกายสิอรินดา" รุ่นพี่เตือนสติเมื่อขึ้นมาถึงพื้นดินแล้วแต่องค์อรินดาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแปลงกายตนเองให้เป็นมนุษย์  เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามอรินดาจึงลืมไปเสียสิ้นว่าตอนนี้กายของตนเองยังเป็นนาคาอยู่ ต้นไม้และผลไม้สีสันสวยงามอวดโฉมอยู่ตรงหน้า ดอกไม้นานาพรรณส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ สัตว์น้อยใหญ่หากินตามประสา และลูกกวางน้อยก็ดูเหมือนว่าจะสนใจอรินดาเป็นพิเศษเนื่องจากมองมาที่เธอตาแป๋ว "ที่นี่คือป่ารัญจวน เป็นป่าที่มีเขตติดต่อกับป่าหิมพานต์ของเมืองครุฑ" "ข้าเคยเห็นครุฑแค่ในตำรา" "วันนี้ถ้าพวกครุฑมาที่นี่ ท่านจะได้เห็นตัวเป็น ๆ" เพื่อนรุ่นพี่เอ่ยบอกตาเป็นประกายแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในป่า เสียงน้ำตกและเสียงเจี๊ยวจ๊าวของสรรพสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออรินดาเดินเข้ามาใกล้น้ำตก  มีผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเล่นน้ำและกินผลไม้อยู่ตรงน้ำตก น้ำสีใสไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันด้านบน อรินดามองตามขึ้นไปก็เห็นกับนกยักษ์หลายตัวที่กำลังบินร่อนถลาอยู่ "นั่นครุฑ" อรินดาอ้าปากค้าง นี่หรือคือครุฑ ปีกที่สยายกว้าง กรงเล็บแหลมคมที่น่าเกรงขามนั่นช่างน่ากลัวยิ่งนัก "พวกเขาจะทำร้ายเราหรือไม่พี่เขียว" ตามตำราที่เคยอ่านมานั้น ครุฑกับนาคาเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด และเมื่อเกิดการสู้รบกันฝ่ายที่พ่ายแพ้จะเป็นนาคาเสมอ ภาพในตำราปรากฏชัดเจนว่าครุฑใช้กรงเล็บฉีกทึ้งเนื้อหนังของนาคาออกเป็นชิ้น ๆ อย่างน่าสยดสยอง นั่นเป็นภาพจำของอรินดาเกี่ยวกับครุฑ "พวกเขาจะไม่ทำร้ายเรา" "แต่ในตำรา..." "ตามตำราน่ะมันเก่าแล้วอรินดา" "..." "พวกครุฑเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขามีกฎห้ามทำร้ายคนอื่นก่อน หากทำจะถูกลงโทษและถือเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต" อรินดาพยักหน้าเข้าใจ แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกเกรงกลัวอยู่ดี "ข้าจะพาท่านลงไปว่ายน้ำดูปลา" เบื้องล่างมีนาคาหลายตัวกำลังแหวกว่ายไปมา และมองจากที่ตรงนี้   อรินดาก็ยังสามารถเห็นปลาน้อยใหญ่สีสันสวยงามหลายตัวที่กำลังอวดโฉมอยู่ใต้น้ำได้ "ไปกันเลยพี่เขียว" ทั้งคู่แปลงกายและลงน้ำไปในที่สุด อรินดาสนุกกับการว่ายน้ำจนลืมสังเกตไปว่ามีบุคคลหนึ่งกำลังมองมาที่ตนอยู่ตลอดเวลาด้วยแววตาเป็นประกาย "นั่นองค์อรินดา" อิฐนะมองดูนาคาน้อยที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำแล้วยิ้มมุมปาก อิฐนะเป็นบุตรของเจ้าเมืองโขธารามซึ่งเป็นเมืองนาคาอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองบาดาลไม่ไกลมากนัก "คู่หมายของข้า" นาคาต่างเมืองแย้มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ท่านพ่อบอกเสมอว่าเมื่อโตขึ้นจะให้หมั้นหมายและอภิเษกกับธิดาแห่งเมืองบาดาลนั่นก็คือองค์อรินดา เพื่อที่อิฐนะนั้นจะได้ครอบครองทั้งสองเมือง นั่นก็คือเมืองโขธารามและเมืองบาดาล และได้เป็นใหญ่หาใครเทียบในเผ่าพันธุ์นาคาในที่สุด "เหนื่อยจังเลยพี่เขียว" เมื่อแหวกว่ายชมหมู่มัจฉาจนพอใจอรินดาก็ขึ้นมานั่งพักผ่อนบนโขดหิน ตอนนี้ชักจะกระหายน้ำเสียแล้วสิ  "เดี๋ยวข้าจะไปตักน้ำมาให้ท่านดื่มแก้กระหาย" เพื่อนรุ่นพี่หายไปในน้ำอีกครั้ง อรินดาเดาว่าพี่เขียวคงจะไปตักน้ำที่กำลังไหลลงมาจากด้านบนหุบเขามาให้ เนื่องจากพื้นที่ด้านล่างนี้มีนาคาหลายตนกำลังว่ายเล่นอยู่ พี่เขียวคงจะคิดว่าน้ำตรงนี้ยังไม่สะอาดพอ "น้ำเย็น ๆ กับผลไม้หวาน ๆ จ้ะน้องอรินดา" อิฐนะยื่นน้ำในกระบอกไม้ไผ่พร้อมกับผลไม้ให้คนตรงหน้า  "ท่านคือผู้ใด" อรินดาเอ่ยถามด้วยท่าทีหวาดกลัว เธอไม่เคยพบเห็นนาคาตรงหน้ามาก่อน และไม่ทราบว่าเขามาดีหรือมาร้าย หากมีพี่เขียวอยู่ด้วยก็คงจะช่วยตัดสินใจได้เป็นอย่างดี "ข้าชื่ออิฐนะ เป็นบุตรชายเพียงองค์เดียวของผู้ครองเมืองโขธาราม เมื่อข้าอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ข้าจะได้ครองเมืองต่อจากพ่อของข้า" นาคาตรงหน้าสาธยาย "เมื่อนั้นข้าจะมาสู่ขอท่านไปเป็นพระมเหสีของข้า องค์อรินดา" อิฐนะพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ จากนั้นก็ยื่นกระบอกไม้ไผ่และผลไม้มาให้อีกครั้ง "ข้าไม่ดื่ม" "ข้าคงเสียใจเป็นแน่หากท่านไม่รับน้ำใจจากข้า" อรินดาหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนรุ่นพี่ แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ จึงตัดสินใจยืนขึ้นเพื่อที่จะได้ไปรออยู่ตรงที่อื่น และเพื่อที่จะหลีกหนีจากนาคาตนนี้สักที เพราะอรินดารู้สึกไม่ชอบเขาเอาเสียเลย "ข้าขอตัวก่อนนะ" "เดี๋ยวสิอรินดา" นาคาตนนั้นคว้าจับข้อมือของเด็กหญิงเอาไว้ ทั้งที่แสดงชัดเจนว่าไม่ชอบ และเด็กผู้นั้นก็ขัดขืนไม่อยากให้นาคาอันธพาลแตะต้องตัว แต่เจ้านั่นก็ยังไม่ยอมปล่อยหรือนี่ ขัดใจยิ่งนัก หรัญญ์ที่สังเกตการณ์อยู่รีบโฉบลงมาจากเบื้องบนของน้ำตกในทันที เขาและผองเพื่อนชอบมาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อย ๆ เป็นเวลาหลายปีแล้ว สาเหตุที่หรัญญ์รู้จักที่นี่เป็นเพราะเขาแอบตามองค์นิลนาคออกมาจากเมืองครุฑเมื่อสิบปีก่อนและได้เจอกับป่ารัญจวนเข้า หลังจากที่แอบมาบ่อย ๆ ท่านพ่อก็จับได้ แต่ท่านไม่ได้ทำโทษหรือโกรธเคือง บอกเพียงว่าให้มาที่นี่หลังจากว่างเว้นจากการศึกษาตำราและฝึกต่อสู้เท่านั้น เนื่องจากเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามเหล่าครุฑและพญานาคจึงชอบมาอาบน้ำและว่ายน้ำเล่นที่นี่เป็นประจำ "ปล่อยนาง" อรินดาขนลุกซู่เมื่อได้ยินเสียงที่เอ่ยขึ้นด้านหลัง เสียงนั้นเย็นยะเยือกและน่าเกรงขามจนทำเอาตัวเธอสั่นน้อย ๆ "เหตุใดข้าถึงต้องปล่อย" "นางไม่ชอบเจ้า และเจ้ากำลังแตะเนื้อต้องตัวนาง" หรัญญ์เอ่ยกับนาคาตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ข้าไม่ปล่อย" "ปล่อยข้า" หลังจากเป็นฝ่ายฟังอยู่นานอรินดาก็เอ่ยขึ้นบ้าง  หรัญญ์ก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวของอรินดา มือข้างขวาจับหมับเข้าที่แขนของอิฐนะและบีบอย่างแรงเพื่อให้นาคาอันธพาลตนนี้ปล่อยแขนเด็กหญิงเสียที "ท่านเป็นชายชาตรี เหตุใดถึงรังแกเด็ก" "ในอนาคตนางจะเป็นเมียของข้า" "ข้าไม่มีทางเป็น" อรินดาปฏิเสธและเตรียมจะร้องไห้ หากไม่เถลไถลออกมาเล่นนอกเมืองคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ น่าจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของมารดาที่ว่าข้างนอกเมืองนั้นเต็มไปด้วยอันตราย "ปล่อยนาง" หรัญญ์เพิ่มแรงในการบีบและฝังกรงเล็บแหลมคมลงในเนื้อของอิฐนะทันที ในเมื่อพูดกันดี ๆ แล้วไม่รู้เรื่อง เห็นทีคงต้องใช้กำลังเสียแล้ว "โอ๊ยยยยย" อิฐนะร้องลั่นป่า เลือดสีแดงสดซึมออกมาตามเนื้อตรงแขนอย่างน่ากลัว "เจ้าทำร้ายข้า" "กับคนที่ชอบรังแกคนอื่นแบบท่านแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ" "ฝากไว้ก่อนหรัญญ์" เนื่องจากมาตัวคนเดียวอิฐนะจึงรีบแปลงกายเป็นนาคาแล้วพาตัวเองเลื้อยหายเข้าไปในป่าทันที "เจ้าเจ็บที่ใดหรือไม่" อรินดาทำเพียงแค่ส่ายหน้าช้า ๆ เท่านั้น เธอไม่เจ็บตรงที่ใดเลยสักนิดเพียงแต่ตกใจเท่านั้น "ขอบคุณท่านที่ช่วยข้า" "อิฐนะเป็นอันธพาลประจำป่านี้" หรัญญ์อธิบายอย่างใจเย็น เขาไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อน "เจ้าคงมาที่นี่เป็นครั้งแรก" อรินดาพยักหน้าอีกครั้ง "กระหายน้ำใช่หรือไม่ มากับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปดื่มน้ำเย็น ๆ ให้ชื่นใจ" โดยที่ไม่รีรอให้อรินดาอนุญาต หรัญญ์กระพือปีกแล้วอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กขึ้นสู่วงแขน เป้าหมายของเขาคือพื้นที่ด้านบนหุบเขา ตรงที่น้ำกำลังไหลลงมา ที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่น้ำเย็นที่สุดและสะอาดที่สุด อรินดาเกาะคอครุฑเอาไว้แน่นและหลับตาปี๋เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะตกลงมา น่าแปลกที่เธอไม่ได้นึกกลัวครุฑตนนี้เลย อาจเป็นเพราะเขาช่วยเธอเอาไว้ อรินดาจึงค่อนข้างไว้ใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอดังเช่นที่เคยเห็นในตำรา "ลืมตาสิ" หรัญญ์เอ่ยบอกเมื่อขึ้นมาบนหุบเขาได้สำเร็จ ภาพเบื้องล่างเป็นภาพที่สุดแสนจะสวยงาม และเขาอยากให้เด็กน้อยได้เห็นมัน อรินดาลืมตาตามคำบอกของครุฑ ภาพที่เห็นเมื่อลืมตาคือเหล่านาคากำลังแหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำขนาดใหญ่เบื้องล่าง มีสัตว์น้อยใหญ่แวะเวียนมาดื่มน้ำหลายฝูง ผีเสื้อและนกน้อยบินวนอยู่รอบ ๆ ช่างเป็นภาพที่สวยงามเสียนี่กระไร "สวยจังเลย" ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะคือป่ารัญจวน อรินดาคิดว่าชื่อนี้ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก หากจะให้เหมาะสมต้องตั้งชื่อป่าแห่งนี้ว่าป่าแห่งสวรรค์ หลังจากบินอยู่บนฟ้านานหลายนาทีเพื่อให้เด็กน้อยได้ชมความงามของป่าจนพอใจ หรัญญ์ก็ปล่อยเด็กลงตรงโขดหินเพื่อให้นางได้ดื่มน้ำเย็น ๆ ให้ชื่นใจ เขาเองก็ลืมไปเสียสนิทว่าเด็กน้อยผู้นี้กระหายน้ำ และนางเองก็คงจะลืมไม้แพ้กัน เพราะทันทีที่หรัญญ์ปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ เด็กน้อยก็รีบกอบโกยน้ำเข้าปากอย่างหิวกระหายทันที "ชมพู่" หรัญญ์ยื่นผลไม้สีแดงสดน่ารับประทานให้ น่าแปลกที่อรินดายอมรับจากมือเขามากัดกินทันที ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะไว้ใจคนแปลกเสียแล้ว "ขอบคุณจ้ะพี่ครุฑ" "ข้าชื่อหรัญญ์" หรัญญ์แนะนำชื่อตัวเองทันที เขามีชื่อเสียงเรียงนามที่ไพเราะเพราะพริ้ง เด็กคนนี้มาเรียกว่าครุฑได้อย่างไร ขัดใจเสียจริง "ชื่อท่านน่าเกรงขามเหมือนตัวท่านเลย" เพราะอีกคนมีรูปร่างสูงใหญ่ตามเผ่าพันธุ์ครุฑ ซึ่งแตกต่างจากสตรีที่อรินดาเคยเห็นเธอจึงมองว่าเขาช่างน่าเกรงขาม "เจ้ายังเด็ก เลยตัวเล็กเองหรือเปล่า" "ข้าสิบขวบแล้ว" หรัญญ์หลุดหัวเราะด้วยท่าทางขบขัน สิบขวบแล้วงั้นหรือ เด็กน้อยคนนี้คงคิดว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วงั้นสิ "ข้าสิบเจ็ดขวบ" ผู้พี่เอ่ยบอกยิ้ม ๆ  "โตกว่าข้าตั้งหลายปี มิน่าล่ะท่านถึงได้ตัวโตนัก" อรินดากัดกินชมพู่จนหมดลูกแล้วมองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกสู่พื้นดินด้วยแววตาเป็นประกาย อยู่ในเมืองบาดาลไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์ตอนกำลังจะตกดินเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยได้เห็นและอรินดาก็ชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก  "สวยจัง" "ถ้าสวยก็มาดูบ่อย ๆ สิ" "ในเมืองบาดาลไม่มีแบบนี้" หรัญญ์มองเด็กหญิงข้างกายอย่างสนใจ "เจ้ามาจากเมืองบาดาลงั้นหรือ" "ใช่ พี่เขียวพาข้าขึ้นมา" "พ่อกับแม่รู้หรือไม่ว่าเจ้ามา" อรินดาเงียบไปในที่สุด ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ นี่ก็เป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้ว ป่านนี้ที่เมืองบาดาลคงกำลังวุ่นวายและออกตามหาองค์อรินดาอยู่เป็นแน่ "กลับเมืองเจ้าเดี๋ยวนี้" หรัญญ์เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ ลูกน้อยแอบมาเล่นที่ป่ารัญจวนโดยที่พ่อและแม่ไม่รู้เห็น สุดท้ายพวกท่านก็เป็นห่วงและจะออกตามหาอย่างน่าสงสารในที่สุด "ข้าขอดูดวงอาทิตย์ตกดินก่อนได้หรือไม่" ครุฑตัวโตถอนหายใจ เด็กหนอเด็ก ดื้อด้านเสียจริง ป่านนี้พ่อกับแม่นางคงเป็นห่วงแทบแย่แล้ว แต่สุดท้ายหรัญญ์ก็ตามใจและนั่งดูดวงอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนนาคาเด็กจนความมืดเริ่มปกคลุม "พี่ครุฑมาที่นี่บ่อยหรือไม่" "บ่อย" ขณะอุ้มเด็กน้อยลงมาจากด้านบนหุบเขาอรินดาก็เจื้อยแจ้วถามเขาไม่หยุด "ขอบคุณนะจ๊ะพี่ครุฑ" เมื่อวางร่างแน่งน้อยลงสู่พื้นดินได้สำเร็จเด็กหญิงตัวเล็กเบาหวิวก็เอ่ยขอบคุณเขาทันที "องค์อรินดา!" "พี่เขียว" "ข้าตามหาท่านแทบแย่" "ข้าขึ้นไปด้านบนโน้นกับพี่ครุฑ" อรินดาชี้ให้รุ่นพี่ดูหุบเขาด้านบนที่ธารน้ำกำลังไหลเชี่ยว และขณะนี้บนนั้นก็มีดวงดาวปรากฏให้เห็นประปราย "ท่านหรัญญ์" เพื่อนรุ่นพี่ของอรินดาค้อมหัวให้กับพี่ครุฑของเธอเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ เพราะทราบดีว่าครุฑตนนี้เป็นใครมาจากไหน "ข้าต้องไปแล้ว รีบพานางกลับ ก่อนที่ท่านจะถูกลงโทษ" พูดจบหรัญญ์ก็พาตัวเองบินหายไปในความมืดมิดทันที อรินดาออกจากป่ารัญจวนและรีบกลับลงไปยังเมืองบาดาลในทันทีเพราะนี่ก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว หวังว่ากลับลงไปถึงเมืองบาดาลจะไม่ถูกลงโทษนะ "อรินดา" ในความมืดมิดหรัญญ์ปรากฏกายบนท้องฟ้า เขามองดูนาคาสองตัวที่เลื้อยลงน้ำไปอยู่เงียบ ๆ นี่หรือคือองค์อรินดาธิดาแห่งเมืองบาดาล คือผู้ที่เขาจะต้องอภิเษกด้วยเพื่อรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ให้คงอยู่ หรัญญ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนป่านนี้ผู้เป็นพ่อยังไม่ยอมบอกเรื่องที่เจ้าเมืองบาดาลไปพบเมื่อสิบปีก่อนให้เขาได้รับรู้ คงคิดว่าเขาจะไม่รู้สินะว่าพวกท่านเจรจาสิ่งใดกันบ้าง แหวนทองคำรูปพญานาคที่สวมใส่อยู่นิ้วกลางข้างขวาถูกยกขึ้นมาพิศมองด้วยความรู้สึกที่สับสน หรัญญ์ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถช่วยปกป้องรักษาเมืองบาดาลได้หรือไม่ "องค์อรินดา" เด็กหญิงตัวน้อยเดินก้มหน้าเข้ามาหาผู้เป็นแม่ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจที่แอบลักลอบหนีไปเที่ยวเล่นจนทำให้ท่านเป็นห่วงอย่างนี้ "เที่ยวเล่นสนุกหรือไม่" องค์นิลนาคเอ่ยถามธิดาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ลูกขอโทษเพคะท่านพ่อ" "พ่อถามว่าเที่ยวเล่นสนุกหรือไม่" อรินดาน้ำตารินไหลในที่สุด เด็กน้อยสะอื้นเบา ๆ และกอดมารดาเอาไว้แน่น "ท่านพี่" องค์ไอรินลดาเอ่ยปรามสามีด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ความจริงองค์นิลนาครู้ตั้งแต่ที่ลูกน้อยออกจากเมืองบาดาลไปแล้วเพราะมีทหารที่เฝ้าประตูเมืองมาแจ้งข่าวให้ทราบ ท่านให้ทหารออกติดตามและคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ จึงไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวจนว้าวุ่นใจ แต่ที่ทำน้ำเสียงนิ่ง ๆ แบบนั้นก็เป็นเพราะว่าอยากสั่งสอนให้ลูกน้อยรู้จักระวังตัว  "อรินดายังเด็ก ยังปกป้องดูแลตัวเองไม่ได้" "องค์อิฐนะจากเมืองโขธารามรังแกพ่ะย่ะค่ะ" ทหารที่เฝ้าติดตามเอ่ยทูล  "ข้ากำลังจะเข้าไปช่วย แต่องค์หรัญญ์จากเมืองครุฑช่วยไว้เสียก่อน" "องค์หรัญญ์อย่างนั้นหรือ" นิลนาคมองภรรยาที่นั่งกอดลูกน้อยอยู่ข้างกายพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ องค์หรัญญ์ช่วยธิดาของท่านเอาไว้หรอกหรือนี่ เป็นที่รู้กันดีว่าองค์หรัญญ์คือใคร แต่ที่ไม่รู้เห็นทีจะเป็นอรินดาที่ยังสะอื้นน้อย ๆ อยู่กับอกของมารดาเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ "ต่อไปนี้พ่อขอสั่งห้ามไม่ให้อรินดาขึ้นไปด้านบนอีก จนกว่าจะถึงเวลา" เจ้าเมืองบาดาลขอใจร้ายกับธิดาในดวงใจเพื่อรักษาความปลอดภัยเอาไว้ก่อน เพราะอรินดายังเด็กและยังปกป้องตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่อรินดาจะได้รู้จัก หรัญญ์ แม้ทั้งคู่จะเจอกันแล้วก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD