"ไปบอกองค์นิลนาคให้ทราบ ว่าพวกข้ามาถึงแล้ว"
ทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมืองมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเหตุเพราะรู้แก่ใจดีว่าผู้มาเยือนเป็นใคร
ตอนนี้องค์นิลนาคไม่ได้อยู่ที่เมืองบาดาล ท่านและทหารอีกส่วนหนึ่งขึ้นไปรอต้อนรับท่านพญาครุฑธาอยู่ที่เขตป่ารัญจวนซึ่งเป็นป่าที่มีอาณาเขตติดต่อกับป่าหิมพานต์ของเมืองครุฑธาเวสี
เนื่องจากระยะทางจากเบื้องบนลงมาสู่เมืองบาดาลไกลพอสมควร และครุฑไม่สามารถกลั้นหายใจได้นานองค์นิลนาคจึงต้องขึ้นไปต้อนรับด้วยตัวเอง จากนั้นก็จะเป่ามนตร์คาถาให้ครุฑที่จะลงมายังเมืองบาดาลสามารถหายใจได้อย่างสะดวกตลอดเวลาที่เดินทางลงมายังเมืองบาดาลแห่งนี้
"พวกท่านมาที่นี่ได้ส่งสาส์นมาแจ้งองค์นิลนาคก่อนหรือไม่"
"สิ่งนั้นไม่จำเป็นอยู่แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อหมั้นหมายองค์อรินดาให้กับบุตรของข้า เรื่องนี้ต้องสู่ขอกันต่อหน้าเท่านั้น"
ทหารมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกอีกครั้ง นาคาทั่วทั้งเมืองบาดาลรู้ดีว่าองค์อรินดาต้องอภิเษกกับครุฑเพียงเท่านั้น หากองค์นครอินทร์ผู้ครองเมืองโขธารามเสด็จมาพร้อมกับบุตรและผู้ติดตามอีกมากมายเช่นนี้ เห็นทีว่าอีกไม่นานคงเกิดความไม่สงบขึ้นอย่างแน่นอน
เนื่องจากพญาครุฑธาก็เสด็จมาถึงในวันนี้เช่นเดียวกัน เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันขึ้น 15 เดือน 11 หากจะหมั้นหมายกับองค์อรินดาต้องทำในวันนี้เท่านั้น
"ไม่ได้ยินสิ่งที่พ่อข้าบอกหรือ"
อิฐนะเอ่ยถามกับทหารผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมือง มีแขกต่างเมืองมาเยือน แต่ทหารพวกนี้กลับนิ่งเฉย เมืองบาดาลไม่ต้อนรับแขกหรืออย่างไรกัน
"องค์นิลนาคไม่อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ"
แขกผู้มาเยือนขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย เหตุใดองค์นิลนาคถึงไม่อยู่ที่นี่
"องค์นิลนาคเสด็จไปที่ใด"
"องค์นิลนาคเสด็จไปยังป่ารัญจวนพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพระองค์ก็ชอบไปเที่ยวเล่นที่ป่ารัญจวนเช่นกัน"
ทหารนิ่งฟังอยู่อย่างนั้น หากบอกความจริงว่าองค์นิลนาคไม่ได้ไปเที่ยวเล่น แต่เสด็จไปรอท่านพญาครุฑธาและธิดา องค์นครอินทร์คงเกรี้ยวกราด
"พาพวกข้าเข้าไปพักสิ เมืองบาดาลช่างไร้มารยาทเสียจริง มีแขกมาเยือนถึงถิ่นแต่นาคาเมืองนี้กลับไม่ต้อนรับ"
องค์นครอินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงติดจะเย้ยหยันเล็กน้อย ฝ่ายทหารได้แต่มองหน้ากันแล้วเชื้อเชิญให้ขบวนนาคาจากต่างเมืองเข้าไปพักให้สบายใจเสียก่อน
คงต้องรอให้องค์นิลนาคกลับมาแล้วค่อยจัดการกับเรื่องวุ่นวายที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนี้
"ท่านพญาครุฑธาเดินทางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
องค์นิลนาคแย้มยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่ทหารทูลบอก ดวงตาสีนิลมองผ่านป่ารัญจวนเข้าไปก็เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินแหวกแมกไม้แล้วตรงมาทางนี้
"มาถึงแล้วสินะ"
วันนี้องค์นิลนาคขึ้นมาจากเมืองบาดาลเพื่อมารอรับขบวนของท่านพญาครุฑธาที่ได้ส่งสาส์นมาแจ้งข่าวเมื่อหลายวันก่อนว่าจะเดินทางมาถึงในช่วงบ่ายของวันนี้ และขบวนครุฑก็มาถึงจริง ๆ
องค์นิลนาคมารอรับครุฑด้วยตนเอง เนื่องจากครุฑนั้นกลั้นหายใจใต้น้ำไม่ได้นาน และระยะทางจากชายป่าแห่งนี้ลงไปถึงเมืองบาดาลก็ไกลพอสมควร ต้องใช้เวลานานหลายนาทีจึงจะไปถึงได้
ครุฑทุกตนต้องถวายดอกไม้ให้แก่ผู้ครองเมืองบาดาลเสียก่อน จากนั้นผู้ครองเมืองซึ่งก็คือองค์นิลนาคจะเป็นผู้ร่ายคาถาและเป่ามนตร์ ผลที่ตามมาก็คือครุฑทุกตนจะสามารถหายใจใต้น้ำได้เป็นปกติ
"สวัสดีท่านพญาครุฑธา"
องค์นิลนาคค้อมหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงออกถึงความเคารพผู้มาเยือน
"สวัสดีองค์นิลนาค ไม่เจอกันตั้งนานท่านยังหล่อเหลาเช่นเดิม"
ท่านพญาครุฑธาแย้มยิ้มอย่างจริงใจ องค์นิลนาคยังเป็นเช่นเดิม ทั้งรูปร่างและหน้าตาไม่ผิดแผกไปจากสิบแปดปีที่แล้วเลยสักนิดเดียว เคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่
"ท่านเปลี่ยนไปนิดเดียว แต่ธิดาน้อยของท่านเปลี่ยนไปจนข้าแทบจะจำไม่ได้"
เด็กเมื่อสิบแปดปีก่อนเติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนเยอะมาก เคยสูงชะลูดแต่บัดนี้หากจะเปรียบว่าหรัญญ์กำยำล่ำสันคงจะไม่ผิดมากนัก เพราะนางเป็นแบบนั้นจริง ๆ
เมื่อคราวก่อนโน้นหรัญญ์ยังตัวสูงไม่เท่าท่านเลย มาถึงตอนนี้องค์นิลนาคกลับได้แหงนหน้ามองคนที่อายุน้อยกว่าเสียแล้ว
หรัญญ์ทำความเคารพองค์นิลนาคอย่างนอบน้อม เหมือนที่ท่านพ่อพูดไม่มีผิด องค์นิลนาคยังเหมือนเดิมทุกอย่างแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี นี่เป็นผลของการบำเพ็ญศีลภาวนาหรือเปล่านะ
"ข้าอยากเห็นเมืองบาดาลของท่านแล้ว เคยได้ยินคำเล่าขานว่างดงามเลอค่ายิ่งนัก"
"เมืองบาดาลยินดีต้อนรับทุกท่าน"
หลังจากที่คุยกันเพียงครู่เดียวทหารผู้รับใช้ใกล้ชิดก็บอกให้เหล่าครุฑทั้งหลายเตรียมดอกไม้มาถวายบูชาแก่องค์นิลนาคเพื่อที่จะได้เดินทางลงไปยังเมืองบาดาลสักที เพราะนี่ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
เพชรนิลจินดาและทองคำถูกนำลงไปยังเมืองบาดาลทั้งหมด ท่านพญาครุฑธาสั่งให้ทหารที่ติดตามมาเฝ้าม้าอยู่ที่ชายป่ากลุ่มหนึ่ง และอีกกลุ่มหนึ่งให้ติดตามท่านลงไปยังเมืองบาดาล เมื่อพิธีหมั้นหมายในวันพรุ่งนี้เสร็จสมบูรณ์ วันมะรืนครุฑทุกตนจะกลับขึ้นมาและเดินทางกลับเมืองครุฑธาเวสีทันที รวมถึงองค์อรินดาด้วย
"องค์นครอินทร์แห่งเมืองโขธารามเสด็จมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ"
ทันทีที่พาแขกเดินทางลงมาถึงเมืองบาดาล ทหารก็รีบมากระซิบบอกทันที องค์นครอินทร์เสด็จมาที่นี่อย่างนั้นหรือ ไม่ต้องเดาให้ยากว่าผู้ครองเมืองโขธารามมาที่นี่เพื่อสิ่งใด ในวันพรุ่งนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 องค์นครอินทร์คงหวังจะมาขอเจรจาหมั้นหมายธิดาของท่านให้แก่บุตรตนเองสินะ
แต่นาคาทุกตนในเมืองนี้รู้ดีว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ อรินดาต้องหมั้นหมายและอภิเษกกับครุฑเท่านั้น
หรัญญ์แอบชื่นชมความงดงามของเมืองบาดาลอยู่ในใจเงียบ ๆ จากชายฝั่งลงมาถึงที่นี่แม้จะเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลแต่ก็ใช้เวลา
เดินทางผ่านน้ำลงมาเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น นึกว่าเมืองบาดาลจะเต็มไปด้วยน้ำเสียอีก แต่เมื่อได้ลงมาเห็นเมืองบาดาลกลับไม่เป็นเหมือนที่หรัญญ์จินตนาการเอาไว้ สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้มีรูปร่างเหมือนกันทุกประการกับบนพื้นดิน ประติมากรรมรูปนาคาน่าเกรงขามแต่ก็แฝงความอ่อนน้อมเอาไว้ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกที่
นาคาในเมืองบาดาลคงเคร่งครัดเรื่องศาสนาและการปฏิบัติธรรมอยู่ไม่น้อย เพราะหรัญญ์สังเกตเห็นพระพุทธรูปแกะสลักที่ทำจากอัญมณีองค์ใหญ่ตั้งอยู่ที่ลานกลางเมือง ลานนี้คงมีไว้เพื่อปฏิบัติธรรมและทำพิธีหลายอย่างเป็นแน่
เมืองบาดาลงดงานสมคำร่ำลือ เสาสีทองส่องประกายระยิบระยับ กระเบื้องหลังคารูปเกล็ดนาค และพื้นถูกปูด้วยหินอ่อนทั้งหมด
น่าชื่นชมบรรพบุรุษของนาคาเสียจริงที่สามารถสร้างเมืองให้สวยสดงดงามได้ขนาดนี้ หากปล่อยให้ล่มสลายไปคงเสียดายแย่
"ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือไม่องค์นิลนาค"
หรัญญ์หลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังก้องกังวานไปทั่ว เดาจากน้ำเสียงแล้วผู้พูดคงกำลังโกรธาอยู่มากโข
"หรัญญ์"
คนถูกเรียกชื่อละสายตาจากกรงเหล็กทองคำรูปพญานาคราชที่ติดอยู่ตรงบานหน้าต่างแล้วหันหน้ามามองคนที่เรียกเขาด้วยแววตาเรียบนิ่ง
"เจ้ารู้จักนาคาตนนี้หรือหรัญญ์"
"อิฐนะ อันธพาลประจำป่ารัญจวน"
หรัญญ์เอ่ยตอบบิดา
"เหตุใดท่านจึงได้พาครุฑลงมายังเมืองบาดาล"
องค์นครอินทร์เอ่ยถามเจ้าเมืองอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดตามเดิม เป็นที่รู้กันอยู่ว่าครุฑเป็นสัตว์ร้ายจิตใจเหี้ยมโหด องค์นิลนาคกำลังคิดสิ่งใดอยู่จึงได้นำครุฑหลายตนลงมายังเมืองบาดาลแห่งนี้ หรือคิดจะทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมืองอื่น
เลยคิดจะวางแผนกับครุฑงั้นหรือ คำร่ำลือที่ว่าองค์นิลนาคเป็นนาคาผู้มีจิตใจเมตตาและมีคุณธรรมคงเป็นเรื่องเท็จสินะ
"ท่านมาที่นี่เหตุใดไม่ส่งสาส์นมาแจ้งข้าก่อนองค์นครอินทร์"
องค์นิลนาคเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับแขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ
"หากข้าส่งสาส์นมา ข้าก็คงไม่มาเห็นว่าท่านคิดชั่วจะร่วมมือกับครุฑเพื่อทำสงครามล่าอาณานิคมนาคาหรอก"
"ท่านคิดไปเองหรือไม่"
หรัญญ์ที่ยืนฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น นาคาตนนี้คิดได้อย่างไรกันว่าองค์นิลนาคอยากทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ตนเอง องค์นิลนาคยังไม่ได้เอ่ยอธิบายสิ่งใดให้กระจ่างด้วยซ้ำ มาถึงนาคาตนนี้ก็พูดเองเออเองคนเดียวเป็นตุเป็นตะ นี่หรือนาคาผู้ครองเมืองนครอินทร์ เหตุใดถึงได้มีอารมณ์เกรี้ยวกราดและไม่ยอมฟังผู้อื่นเช่นนี้
ไม่แปลกใจเลยที่อิฐนะจะเป็นอันธพาลระรานคนอื่นไปทั่ว ได้เชื้อพ่อมานี่เอง
"หุบปากไปเลยครุฑ พวกเจ้ามันสัตว์ชั้นต่ำ"
"ระวังคำพูดของเจ้าด้วยอิฐนะ"
องค์นิลนาคเอ่ยปรามเมื่ออิฐนะเอ่ยจาบจ้วงแขกของท่านด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ
ยังไม่ทันได้พาเหล่าครุฑไปนั่งพักให้หายเหนื่อยด้วยซ้ำ นาคาสองพ่อลูกและผู้อีกกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาทักทายเสียแล้ว กลายเป็นว่าในตอนนี้องค์นิลนาคและแขกที่ได้รับเชิญและไม่ได้รับเชิญกำลังยืนคุยกันอยู่ที่ลานพิธีกรรมกลางเมืองนั่นเอง
"บอกข้ามาองค์นิลนาคว่าเหตุใดท่านถึงได้พาครุฑลงมายังเมืองบาดาล"
"พรุ่งนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ท่านรู้ดีว่าหากอรินดาธิดาของข้าจะหมั้นหมาย ต้องทำในวันนี้เพียงเท่านั้น และข้าจะให้อรินดาหมั้นหมายกับหรัญญ์ธิดาของท่านพญาครุฑธา"
เหล่านาคาทั้งหลายจากเมืองโขธารามพร้อมใจกันเบิกตากว้างอย่างมิได้นัดหมาย ครุฑกับนาคจะหมั้นหมายกันได้อย่างไร
"ท่านทำแบบนั้นไม่ได้นะองค์นิลนาค ครุฑกับนาคอยู่ร่วมกันไม่ได้"
"ใจเย็นก่อนองค์นครอินทร์ ข้าทนฟังท่านดูถูกเหยียดหยามเผ่าพันธุ์ครุฑของเรามานานแล้ว คราวนี้ท่านต้องหยุดและฟังเราบ้าง"
ท่านพญาครุฑธาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เหตุใดนาคาตนนี้ถึงไม่ยอมฟังเหตุผลของผู้อื่นเลย สักแต่จะพูดเพียงอย่างเดียว นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีของผู้ครองเมือง
"องค์อรินดาต้องอภิเษกกับครุฑเพียงเท่านั้น"
ขณะที่พูดพญาครุฑธาก็มองหน้าองค์นิลนาคไปด้วยเพื่อขอความเห็นว่าเรื่องนี้ท่านสามารถพูดให้คนอื่นฟังได้หรือไม่ และองค์นิลนาคก็พยักหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงอนุญาตตอบกลับมา
"เหลวไหลสิ้นดี องค์อรินดาต้องอภิเษกกับนาคและต้องเป็นอิฐนะลูกชายของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น"
"..."
"เป็นเรื่องเพ้อฝันหากจะอภิเษกกับครุฑ และครุฑตนนั้นก็เป็นสตรียิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พวกท่านกำลังแต่งนิทานหลอกเด็กอยู่หรืออย่างไรกัน"
องค์นครอินทร์และลูกชายหัวเราะเสียงดังก้องอย่างชอบอกชอบใจ
"ไม่มีตำราเล่มไหนห้ามให้หญิงอภิเษกกับหญิง"
องค์นิลนาคอธิบายอย่างใจเย็นตามนิสัย
"นี่ท่านเห็นดีเห็นงามกับครุฑอย่างนั้นหรือองค์นิลนาค"
"เจ้าลองฟังข้าสักครั้งองค์นครอินทร์ อรินดาลูกข้าต้องอภิเษกกับครุฑเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วเมืองบาดาลของข้าจะล่มสลายเมื่ออรินดาอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์"
นาคาผู้มาเยือนขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม เป็นแบบนี้เองหรอกหรือ แสดงว่าธิดาขององค์นิลนาคเกิดมามีตำหนิต้องตามตำราสินะถึงต้องอภิเษกกับครุฑเช่นนี้
อรินดาเป็นกาลกินี แบบนี้ความตั้งใจที่ว่าท่านจะให้อิฐนะอภิเษกกับอรินดาเพื่อที่อิฐนะจะได้ครอบครองเมืองบาดาลในอนาคตคงต้องล้มเลิกในวันนี้
"ธิดาของท่านเป็นกาลกินีหรือนี่"
อรินดาที่ยืนแอบฟังอยู่นานเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นตัวกาลกินีของเมืองบาดาล และท่านพ่อก็รู้ แต่ท่านก็ยังเก็บเธอเอาไว้อยู่ เหตุใดถึงไม่ปลิดชีพเธอให้สิ้นตั้งแต่ในวันที่รู้เรื่องไปเลย ท่านพ่อจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายเหมือนวันนี้ และที่สำคัญเมืองบาดาลก็จะคงอยู่ตลอดไป
ธิดานาคาจำชื่อหรัญญ์ได้ขึ้นใจ เพราะเขาคือครุฑที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้และพาขึ้นไปดูความสวยงามของป่ารัญจวนอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลานานเมื่อหลายปีก่อน แต่พี่ครุฑในตอนนั้นแม้รูปร่างจะค่อนข้างสูงใหญ่กว่าเธอหลายเท่า แต่เขาก็ไม่ได้มีร่างกายกำยำล่ำสันน่าเกรงขามขนาดนี้
หรัญญ์มองนาคาสาวที่ยืนหลบอยู่หลังเสาด้วยแววตาเป็นห่วง คนตรงนั้นคงเป็นอรินดาธิดาขององค์นิลนาค
แม้ยังไม่เห็นใบหน้าแต่เครื่องประดับสีเขียวมรกตที่สวมอยู่ตรงแขนก็บ่งบอกถึงฐานันดรศักดิ์ได้เป็นอย่างดี หากเป็นตัวเขาเองที่ได้ยินเช่นนั้นก็คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย
"ธิดาของข้าคือผู้ที่จะปกป้องและรักษาเมืองบาดาลให้คงอยู่ มิใช่กาลกินีอย่างที่ท่านปรามาส"
องค์นิลนาคกัดฟันกรอด นาคาจากเมืองโขธารามไร้มารยาทสิ้นดี บุกมาถึงที่นี่เพื่อดูถูกเหยียดหยามคนอื่นเพียงเท่านี้หรือ แม้จะรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงขององค์นครอินทร์คืออะไร แต่รู้อย่างนี้แล้วองค์นิลนาคไม่มีทางให้โอกาสนาคาต่างเมืองแน่นอน
"เชิญพวกท่านกลับไปได้แล้ว"
องค์นครอินทร์มองเจ้าเมืองบาดาลด้วยดวงตาวาวโรจน์ องค์นิลนาคเห็นดีเห็นงามกับครุฑ และไล่เผ่าพันธุ์เดียวกันออกไปให้พ้นเมืองอย่างนั้นหรือ ช่างน่าขันยิ่งนักที่เมืองบาดาลจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีหญิงได้อภิเษกกับหญิงเลยสักครั้ง องค์นิลนาคท้าทายบรรพบุรุษ และเห็นด้วยกับเรื่องเหนือธรรมชาติ เพราะฉะนั้นอีกไม่นานเมืองบาดาลคงถึงคราล่มสลายเป็นแน่
"ข้ากลับแน่นอน"
"ท่านพ่อ"
อิฐนะร้องเรียกบิดาด้วยแววตาตื่นตระหนก ท่านพ่อจะยอมแพ้ครุฑอย่างนั้นหรือ
"ท่านทำเรื่องเหนือธรรมชาติและท้าทายบรรพบุรุษองค์นิลนาค เมืองบาดาลของท่านจะล่มสลายในไม่ช้า"
นาคาผู้มาเยือนพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หลังจากพูดจบองค์นครอินทร์ก็หันหลังกลับและเดินตรงไปยังประตูเมืองพร้อมกับเหล่านาคาทั้งหลายที่เดินทางมาด้วย เหลือเพียงแต่อิฐนะที่ยืนกัดฟันกำหมัดแน่นและมองมายังหรัญญ์ด้วยดวงตาแข็งกร้าว
"เห็นนี่หรือไม่หรัญญ์"
หรัญญ์มองดูแขนขององค์อิฐนะที่มีรอยแผลเป็นนูนเด่นปรากฏให้เห็นด้วยแววตาเรียบนิ่งดังเช่นเคย
"นี่คือแผลเป็นจากกรงเล็บของท่านในวันนั้นที่ป่ารัญจวน"
ความทรงจำในวันที่หรัญญ์เข้าไปช่วยเหลืออรินดาไม่ให้ถูกอิฐนะรังแกเด่นชัดขึ้นมาในหัว นี่คงเป็นรอยเล็บที่เขาจิกลงกับแขนของอิฐนะในวันนั้นสินะ ช่วยไม่ได้นี่ ในเมื่ออิฐนะรังแกคนอื่นก่อน และวันนั้นหรัญญ์ก็ยังแปลงกายเป็นครุฑอยู่ในขณะที่เข้าไปห้ามไม่ให้อิฐนะแตะเนื้อต้องตัวของเด็กน้อยที่ชื่ออรินดา
"ข้าจะตามเอาคืนเจ้า และเมื่อนั้นเจ้าจะไม่ได้มีเพียงรอยแผลเป็น แต่จะไม่มีโอกาสได้หายใจต่อ"
องค์อิฐนะพูดจบก็รีบจ้ำอ้าวตามบิดาไปในทันที เจ็บใจยิ่งนักเจอกับ หรัญญ์ทีไรเป็นต้องได้หนีทุกครา แต่ไม่เป็นไรหรอก หลังจากนี้อิฐนะจะเป็นฝ่ายไล่ต้อนให้หรัญญ์ต้องเป็นฝ่ายหนีเอง
"เหตุใดท่านพ่อถึงได้ยอมแพ้ง่าย ๆ"
ในขณะที่กำลังเดินทางจากเมืองบาดาลขึ้นไปยังชายฝั่ง อิฐนะก็เอ่ยถามบิดาในทันทีด้วยความคับแค้นใจ
"เจ้าไม่ได้ยินหรือไรอิฐนะว่าอรินดาเป็นตัวกาลกินี และเมืองบาดาลกำลังจะล่มสลายในไม่ช้า"
องค์นครอินทร์อธิบายอย่างใจเย็นแล้วยิ้มร้ายออกมา ท่านไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก เจ็บใจยิ่งนักที่ถูกองค์นิลนาคหักหน้าต่อหน้าครุฑเดรัจฉานพวกนั้น
"ไหน ๆ เมืองบาดาลก็จะล่มสลายแล้ว คงไม่เป็นไรหากจะล่มสลายและนาคาทุกตนในเมืองบาดาลจะตายก่อนเวลาอันควร"
"ท่านพ่อคิดจะทำสิ่งใด"
"เราจะกลับไปที่เมืองโขธาราม รวบรวมกำลังพลทหารนาคาและกลับมาบุกเมืองบาดาล ทำลายเมืองนี้ให้สิ้นซากและขนของมีค่าทั้งหมดกลับเมืองของเรา"
เพราะอย่างไรเสีย เหตุที่อยากให้อิฐนะหมั้นหมายกับธิดาแห่งเมืองบาดาลก็เพราะอยากครอบครองเมืองนี้อยู่แล้ว เจรจาด้วยดีองค์นิลนาคกลับขับไล่และหักหน้า คงไม่เป็นไรหากจะใช้ความรุนแรงเข้าเจรจาแทน องค์นครอินทร์คิดด้วยความคับแค้นเคืองใจ
"เมื่อเรายึดเมืองบาดาลได้สำเร็จ เราจะมีอำนาจ"
"เมื่อนั้นเราจะบุกฆ่าครุฑทุกตนให้สิ้นซาก"
สองพ่อลูกมองหน้ากันแล้วยิ้มร้าย องค์นิลนาคชอบความสงบและสันติคงเป็นเพียงคำร่ำลือเท่านั้น หากชอบความรุนแรงองค์นครอินทร์แห่งเมืองโขธารามจะจัดให้อย่างถึงใจ
"ท่านพ่อดูนั่น"
เมื่อขึ้นมาถึงชายป่ารัญจวนอิฐนะก็ชี้ชวนให้ผู้เป็นบิดามองดูมนุษย์กลุ่มหนึ่งและม้าอีกหลายตัวที่กำลังก่อไฟให้แสงสว่างและความอบอุ่นแก่กันอยู่
"นั่นคงเป็นเหล่าทหารครุฑสินะ"
องค์นครอินทร์ยิ้มร้ายแล้วสาวเท้าเดินตรงไปหาครุฑกลุ่มนั้นทันที
"ท่านมาจากเมืองครุฑธาเวสีใช่หรือไม่"
เมื่อเดินมาถึงองค์นครอินทร์ก็เอ่ยถามพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ส่งไปให้กับทหารครุฑเหล่านั้นเพื่อให้พวกเขาไว้วางไจ
"ข้าเป็นทหารจากเมืองบาดาล ท่านพญาครุฑธาและองค์นิลนาคให้พวกข้าขึ้นมาเชิญพวกท่านลงไปยังเมืองบาดาล"
"แล้วม้าของพวกข้าเล่า"
ทหารครุฑตนหนึ่งเอ่ยถาม
"พวกข้าจะดูแลให้เอง"
อิฐนะค้อมหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงออกถึงความอ่อนน้อมให้เหล่าครุฑตายใจและยอมเชื่อ
"มาเถิด เดี๋ยวจะมืดค่ำกว่านี้ พวกท่านจะมองไม่เห็นทางนะ"
"ไปหมดทุกตนหรือไม่"
ครุฑยังสงสัย
"ทุกตน"
องค์นครอินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เหล่าครุฑมองหน้ากันแล้วเดินตามนาคาไปในที่สุด แม้จะเอะใจอยู่ไม่น้อยว่าเหตุใดถึงไม่มีการบูชานาคาด้วยดอกไม้เสียก่อนดังเช่นที่พญาครุฑธาบูชาองค์นิลนาค แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถามสิ่งใดออกมา
จนเมื่อเหล่าครุฑทุกตนดำน้ำลงไปถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติ เมื่อนาคาที่อ้างว่ามาจากเมืองบาดาลเหล่านั้นพร้อมใจกันแปลงกายเป็นพญานาคตัวใหญ่ แม้ในน้ำจะมองไม่ชัดแต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่านาคาเหล่านั้นน่ากลัวเพียงใด หงอนสีแดงส่ายไปมา ลำตัวสีเขียวเลี้ยวเลาะและรัดเอาครุฑทุกตนดึงลงใต้น้ำลึกโดยที่ไม่ทันใต้ตั้งตัวและไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ แม้ร้องเรียกให้คนช่วยแต่กลับไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา มีเพียงน้ำเท่านั้นที่เข้าปากและจมูก และในท้ายที่สุดทหารครุฑทุกตนก็สิ้นใจตายทุกตน