หมั้นหมาย

2953 Words
หลังจากที่เรื่องวุ่นวายทั้งหลายจบสิ้นลง ครุฑที่เดินทางมายังเมืองบาดาลก็ถูกเชิญเข้าที่พัก หรัญญ์อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ในทันที อีกไม่นานคงมีนาคามาเรียกให้ไปร่วมวงรับประทานอาหารที่องค์นิลนาคจัดเตรียมไว้ต้อนรับ ได้ยินเหล่านาคาพูดกันว่าองค์ไอรินลดาและธิดาของท่านลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง หวังว่าอาหารคงจะถูกปากนะ  "องค์หรัญญ์ช่างมีรูปร่างที่แข็งแกร่ง" ขณะที่กำลังนั่งร่วมวงรับประทานอาหารค่ำที่ทางเมืองบาดาลเตรียมเอาไว้ต้อนรับ องค์ไอรินลดาก็เอ่ยชมหรัญญ์ขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจ และแววตาชื่นชม เหตุใดหญิงแห่งเมืองบาดาลถึงได้มีกิริยาอ่อนช้อยยิ่งนัก "ท่านพ่อสอนข้าว่าเกิดเป็นครุฑอย่าอ่อนแอ" หรัญญ์อธิบายด้วยความใจเย็น ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ที่นี่เขาลอบสังเกตธิดาแห่งเมืองบาดาลอยู่บ่อยครั้ง อรินดาไม่เหมือนเด็กน้อยเมื่อแปดปีก่อน ตอนนี้นางโตเป็นสาวแล้ว และสวยสะพรั่งเสียด้วยสิ แต่ที่หรัญญ์สงสัยมากเป็นพิเศษก็คือ ธิดาเมืองบาดาลพูดได้หรือไม่ เขากลืนอาหารคาวหวานรสชาติถูกปากลงท้องจนจะหมดทั้งโต๊ะอยู่แล้ว แต่อรินดาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดปากพูดเลยแม้แต่คำเดียว ช่างแตกต่างจากเด็กน้อยที่ชอบเจื้อยแจ้วเมื่อคราที่อยู่ในป่ารัญจวนยิ่งนัก หรือว่าอรินดากลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากหรืออย่างไรกัน "มิน่าล่ะท่านถึงได้ดูแข็งแกร่งยิ่งนัก" องค์ไอรินลดาเอ่ยชมอีกครั้ง "ข้าว่าครุฑอย่างข้าไม่แข็งแกร่งเท่านาคาอย่างท่านนะองค์ไอรินลดา" "เหตุใดท่านถึงได้คิดเช่นนั้น" อรินดานั่งฟังบทสนทนาอยู่เงียบ ๆ ท่านแม่คงจะชอบเจรจากับครุฑมาก เพราะตลอดเวลาที่นั่งอยู่ที่นี่ท่านแม่เอาแต่คุยกับคนโน้นทีคนนี้ที เหมือนว่ากำลังสนุกนักหนา หรือนี่จะเป็นมารยาทในการต้อนรับแขกกันนะ "ดูอย่างไข่เจียวในจานสิ" ทุกคนบนโต๊ะมองดูจานไข่เจียวที่หรัญญ์เชื้อเชิญให้ดูอย่างพร้อมหน้า ไม่เว้นแม้แต่อรินดา "หากจะเจียวไข่ต้องใช้น้ำมันใช่หรือไม่" "ถูกต้องต้องแล้วองค์หรัญญ์" "ข้าไม่มีทางทำเช่นนี้ได้แน่นอน เพราะข้าอ่อนแอยิ่งนัก หากถูกน้ำมันกระเด็นใส่ข้าคงต้องได้ร้องไห้เป็นแน่" อรินดามองดูผู้เป็นพ่อที่กำลังหัวเราะร่วน คงชอบใจมากสินะถึงได้ดูมีความสุขขนาดนั้น "ด้วยเหตุนี้ครุฑอย่างข้าถึงได้อ่อนแอกว่านาคาเช่นท่าน" หรัญญ์ขยายความต่อ "แต่ท่านไม่เกรงกลัวคมหอกคมดาบ" "แต่ข้าก็กลัวน้ำมันกระเด็นใส่นะองค์ไอรินลดา คงแสบน่าดู" องค์ไอรินลดามองสตรีตรงหน้าอย่างชื่นชม หรัญญ์มีไหวพริบดี รู้จักพูดและรู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ เห็นเพียงเท่านี้อาจจะสรุปไม่ได้ว่าหรัญญ์เป็นคนจิตใจดี แต่องค์ไอรินลดามั่นใจ ว่าท่านจะฝากดวงใจของท่านไว้กับหรัญญ์ได้ "ข้าขอบคุณองค์หรัญญ์เป็นอย่างสูงที่ช่วยธิดาของข้าไว้เมื่อแปดปีก่อน ในป่ารัญจวน" ถึงแม้จะจดจำชื่อและใบหน้าของครุฑตนนั้นได้ แต่อรินดาก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะใช่ครุฑตนเดียวกันกับที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ตอนที่อยู่ในป่ารัญจวนหรือไม่ เพราะในตอนนั้นครุฑที่ช่วยเธอเอาไว้ไม่ได้ดูแข็งแกร่งจนน่าเกรงขามขนาดนี้ และในตอนนั้นใบหน้าของพี่ครุฑก็ยังละอ่อนอยู่  "ท่านพ่อทรงรู้" นี่เป็นประโยคแรกที่หรัญญ์ได้ยินเสียงของอรินดาหลังจากที่ไม่ได้ยินมาเป็นเวลาเกือบสิบปี "พ่อรู้ตั้งแต่ตอนที่ลูกออกจากเขตเมืองไปแล้วอรินดา พ่อให้ทหารตามไปคอยสังเกตการณ์และช่วยเหลือลูกหากมีสิ่งใดมารังแก แต่ก็ช้ากว่าองค์หรัญญ์" หรัญญ์สรุปเอาเองในใจเงียบ ๆ ว่าเหตุที่หลังจากวันนั้นเขาไม่ได้เจอกับอรินดาที่ป่ารัญจวนอีกคงเป็นเพราะว่าองค์นิลนาคสั่งห้ามเอาไว้ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะอรินดายังไม่สามารถปกป้องตนเองจากอันตรายได้ กอปรกับอรินดาเป็นธิดาแห่งเมืองบาดาล นาคาจากต่างเมืองย่อมสนใจและใคร่อยากรู้จักเป็นพิเศษอยู่แล้ว "ขอบคุณองค์หรัญญ์หรือยังอรินดา" อรินดาพยักหน้าน้อย ๆ แม้จะจำได้ลาง ๆ ว่าขอบคุณพี่ครุฑไปแล้ว แต่เมื่อพบกันอีกครั้งอรินดาก็ยังอยากขอบคุณเขาอยู่ดี เพราะเธออ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องตัวเองจากอิฐนะได้ในเวลานั้น หรือแม้แต่เวลานี้อรินดาก็ยังคิดว่าตัวเองอ่อนแออยู่ดี "ขอบคุณองค์หรัญญ์เพคะที่ช่วยเหลือข้าในวันนั้น" "พูดกับข้าตามปกติเถอะ" หรัญญ์แนะนำ เขาไม่ชอบความเป็นพิธีรีตองเท่าไหร่ อีกอย่างการพูดกันด้วยภาษาที่ปกติน่าจะช่วยให้เขากับอรินดาสนิทกันได้เร็วกว่า "ข้าว่าได้เวลาสมควรแก่การพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำพิธี" พรุ่งนี้จะเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 องค์นิลนาคได้ให้โหรหลวงไปนิมนต์พระธุดงค์จำนวนสิบแปดรูปมาจากเมืองมนุษย์ เพื่อที่จะนำท่านลงมายังเมืองบาดาล และทำบุญตักบาตรในตอนเช้า หลังจากนั้นก็จะทำการถวายอาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ และพิธีหมั้นหมายจะถูกจัดขึ้นในตอนเย็น เมื่อทำพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว รุ่งเช้าอรินดาจะต้องเดินทางออกจากเมืองบาดาลไปสู่เมืองครุฑตามประเพณี "นอนไม่หลับหรืออรินดา" อรินดาสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อกำลังเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่เพียงลำพัง จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่ดังขึ้นด้านหลัง แต่เงาทะมึนที่ปรากฏขึ้นข้างกายก็ทำให้ทราบได้ในทันทีว่าเป็นเสียงของผู้ใด "องค์หรัญญ์" "เจ้าคิดสิ่งใดอยู่" เหตุใดเธอต้องบอกสิ่งที่กำลังคิดให้คนแปลกหน้ารู้ด้วยเล่า "กำลังคิดมากเรื่องของเราอยู่ใช่หรือไม่" "..." อรินดากระชับผ้าคลุมไหล่ให้แน่นขึ้นเมื่อพระพายพัดผ่านเพียงบางเบาแต่กลับหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ  "ข้าคือกาลกินีของเมืองบาดาล หากไปอยู่ที่เมืองท่านก็คงจะไม่ต่างกันเท่าใดนัก" หรัญญ์ผินหน้ามามองคนข้างกายอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดอรินดาถึงได้ดูถูกตัวเองเช่นนี้ เพราะต่างที่และต่างบ้านต่างเมืองหรัญญ์จึงนอนไม่หลับ หรัญญ์นึกเพียงแค่ว่าอยากออกมาเดินเล่นรับลมเย็น ๆ เพียงครู่แล้วค่อยกลับไปนอน แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอธิดาแห่งเมืองบาดาลที่นี่ และหรัญญ์คิดว่าอรินดาเองก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกันถึงได้ออกมายืนอยู่ได้ต้นไม้ในเวลาดึกดื่นแบบนี้คนเดียว "อย่าดูถูกตัวเองสิอรินดา ทุกคนมีความดีความชั่วคนละแบบ" "แต่ข้าเกิดมาเพื่อทำให้เมืองบาดาลล่มสลาย" "เจ้ารักษาและปกป้องเมืองบาดาลเอาไว้ได้ หากแต่งงานกับข้า" "..." "เว้นเสียแต่ว่าเจ้าอยากให้เมืองบาดาลกลายเป็นเพียงตำนานที่เหลือแต่ชื่อ" หรัญญ์จงใจมองใบหน้าสวยสดงดงามของอรินดาด้วยแววตาจริงจัง หากปัญหาเกิดก็ต้องแก้ไขไปตามแนวทางมิใช่หรือ เว้นเสียแต่ว่าอรินดาจะไม่อยากแก้ไขปัญหานั้น "ครุฑคือสัตว์ที่ดุร้าย" "ที่นี่คงมีแต่ตำราพวกนี้สินะ" ในเมืองบาดาลคงมีตำราเกี่ยวกับครุฑอยู่หลายเล่ม และทุกเล่มก็คงจะกล่าวหาว่าครุฑเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและคอยแต่จะตามเข่นฆ่านาคา อรินดาถึงได้แสดงท่าทีหนักใจขนาดนี้หากต้องได้ไปอยู่ที่เมืองครุฑ "ข้ายินดีที่จะช่วยรักษาเมืองบาดาลของเจ้าเอาไว้อรินดา และเมืองครุฑธาเวสีของข้าก็ยินดีต้อนรับเจ้า" "..." "รู้เพียงเท่านี้ก็พอ" หรัญญ์กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้วหันหลังให้อรินดาทันที เขาแค่อยากให้อรินดาเข้าใจว่าครุฑไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ธิดาเมืองบาดาลเคยอ่านในตำรา และเมืองครุฑธาเวสีก็ยินดีต้อนรับอรินดาเสมอ ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่อรินดาเข้าใจเลยสักนิด อรินดามองตามร่างสูงที่หายลับไปในความมืดด้วยแววตาสับสน เธอยินดีที่จะปกป้องและรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ด้วยชีวิต แต่ไม่กล้าการันตีว่าเธอจะอยู่กับหรัญญ์ไปจนตลอดชีวิตได้หรือไม่     เช้าของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 อรินดาตื่นแต่เช้าเพื่อมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้ครบชุดตามวัฒนธรรมของเมืองบาดาล ผ้าไหมสีเขียวเข้มถูกสวมใส่ลงบนตัวของธิดาแห่งเมืองบาดาลด้วยความประณีต กำไลทองคำและมรกตส่องประกายระยิบระยับขับให้อรินดาดูสวยสดงดงามปานนางฟ้าธิดาสวรรค์ หรัญญ์เองก็สวมใส่ชุดสีทองที่ทำจากขนเหยี่ยวเช่นเดียวกัน เพชรเม็ดงามประดับประดาอยู่ทั่วชุด ผมยาวดกดำถูกเกล้าขึ้นไว้บนศีรษะ คล้องด้วยมงกุฎเพชรที่ตรงกลางมีพลอยสีชมพูติดอยู่ยิ่งทำให้หรัญญ์ดูโดดเด่นสวยงามไม่แพ้กันกับธิดาเมืองบาดาลเลยสักนิดเดียว พระธุดงค์จำนวนสิบแปดรูปที่ปักกลดอยู่ตามริมแม่น้ำถูกโหรหลวงประจำเมืองบาดาลนิมนต์ลงมาที่นี่ และในตอนนี้ท่านทั้งหลายก็นั่งเรียงรายอยู่ตรงลานพิธีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเช้าอรินดาและหรัญญ์ต้องทำพิธีตักบาตรถวายดอกไม้แด่พระสงฆ์และให้ท่านประพรมน้ำมนต์ให้เสียก่อน พิธีหมั้นหมายในช่วงเช้าจึงจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์  "จับมืออรินดาสิหรัญญ์" พญาครุฑธาเอ่ยบอกเมื่ออรินดากำลังจะตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่ในบาตรของพระธุดงค์แล้วแต่หรัญญ์ก็ยังยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ที่เดิม "จับมือข้า หรือจะแตะข้อศอกข้าก็ได้" อรินดาเอ่ยเบา ๆ เมื่อหรัญญ์ยังนิ่งอยู่ เธอกำลังจะตักข้าวใส่ในบาตรแล้วแต่หรัญญ์ยังไม่ยอมมีส่วนร่วมด้วยอรินดาจึงชะงักมือไว้ก่อน และดีที่ท่านพญาครุฑธามองเห็นจึงได้เอ่ยเตือนสติธิดาของท่าน แต่หรัญญ์ก็ยังนิ่งอยู่จนอรินดาต้องเอ่ยอีกครั้งเขาจึงได้ยกมือมากอบกุมมือของเธอเอาไว้ ที่เมืองครุฑไม่เคยทำบุญหรืออย่างไร เหตุใดองค์หรัญญ์ถึงได้มีท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ขนาดนี้  "ข้าแค่ตื่นเต้น" หรัญญ์เอ่ยบอกตามความเป็นจริง เกิดมาเพิ่งเคยได้ตักบาตรร่วมกันกับคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรก หนำซ้ำในตอนนี้หรัญญ์ยังยืนชิดกับอรินดาจนเกินไปจึงทำให้เขาตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย อรินดาตัวเล็กเพียงนิดเดียว นางตัวสูงเท่าคางเขาเท่านั้น และตอนนี้หรัญญ์ก็ยืนซ้อนหลังนางอยู่ ไม่แน่ใจว่ากลิ่นหอมที่เขาสูดดมอยู่ในตอนนี้เป็นกลิ่นของธิดาเมืองบาดาลหรือกลิ่นของดอกไม้ที่มีไว้ถวายพระกันแน่ ทั้งคู่จับมือและตักบาตรจนมาถึงพระรูปสุดท้าย อรินดาวางดอกไม้ไว้บนฝาบาตรโดยที่มีมือของหรัญญ์คอยกอบกุมมือของเธอเอาไว้ไม่ปล่อย นี่สินะที่เรียกว่าทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน "ปล่อยมือข้าได้แล้ว" อรินดาเอ่ยเบา ๆ เมื่อตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องนั่งพับเพียบเรียบร้อยเพื่อรับพรจากพระธุดงค์แล้ว แต่หรัญญ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือสักที "ข้าลืมไป" หรัญญ์ส่งยิ้มให้แล้วปล่อยมืออรินดาให้เป็นอิสระ จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งพับเพียบลงแล้วพนมมือขึ้นเพื่อที่พระธุดงค์จะได้ให้พร และประพรมน้ำมนต์ให้เป็นอันเสร็จพิธีในช่วงเช้า   ดวงไฟทุกดวงในเมืองบาดาลถูกจุดให้สว่างไสว เนื่องจากวันนี้มีงานมงคลนั่นก็คืองานหมั้นหมายระหว่างธิดาแห่งเมืองบาดาลและธิดาแห่งเมืองครุฑ พื้นที่ใต้น้ำซึ่งถูกเรียกว่าเมืองบาดาลจึงครึกครื้นเป็นพิเศษ  "แหวนของท่าน" หรัญญ์ถอดแหวนออกจากนิ้วกลางข้างขวาของตนเองเพื่อคืนให้แก่เจ้าของของมันซึ่งก็คือองค์นิลนาค หรัญญ์รู้ดีแก่ใจว่าแหวนวงนี้สำคัญกับผู้ครองเมืองบาดาลเขาจึงได้เก็บรักษาไว้กับตัวและดูแลเป็นอย่างดี บัดนี้หรัญญ์กำลังจะได้สวมแหวนวงใหม่ แม้จะอยู่คนละนิ้ว แต่หรัญญ์ก็อยากให้นิ้วมือของเขามีแหวนเพียงวงเดียวเท่านั้น นั่นก็คือแหวนหมั้นจากอรินดา "เหตุใดท่านถึงไม่เก็บเอาไว้" "มันเป็นของสำคัญของท่าน ตอนเด็กข้าอาจจะซนไปหน่อย" ธิดาจากเมืองครุฑธาเวสียื่นแหวนคืนให้และองค์นิลนาคก็รับแหวนทองวงนั้นมาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายดังเดิม คงเป็นโชคชะตาสินะ องค์นิลนาคได้แหวนคืนหลังจากมอบแหวนวงนี้ให้แก่ครุฑเป็นเวลากว่าสิบแปดปี ท่านได้แหวนคืนแต่ท่านกำลังจะเสียดวงใจที่อายุสิแปดปีให้กับครุฑเช่นเดิม "หวังว่าท่านจะดูแลอรินดาให้ดีกว่าแหวนของข้านะหรัญญ์" หรัญญ์ค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการรับคำ  "แหวนนี้ข้ารับคืน แต่ธิดาของข้าหากข้ามอบนางให้กับท่านแล้วข้าไม่รับคืนโดยเด็ดขาด" "ข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดี นอกจากข้าแล้วจะไม่มีสิ่งใดได้แตะต้องตัวอรินดา" "..." "แม้แต่ปลายเส้นผม" กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และทุกคำที่พูดหรัญญ์ก็มองเพียงอรินดาเท่านั้น หากพิธีหมั้นหมายเสร็จสิ้นอรินดาจะอยู่ในความปกครองของเขา และหรัญญ์จะดูแลอรินดาให้ดีที่สุด อรินดาก็มองตอบองค์หรัญญ์เช่นเดียวกัน เขาให้สัญญาต่อหน้าท่านพ่อและท่านแม่ว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี อย่างน้อยอรินดาก็ยังดีใจที่องค์หรัญญ์กล้าสัญญาต่อหน้าท่านทั้งสอง เพราะนั่นมันแปลว่าเขาจะปฏิบัติกับเธออย่างที่พูดจริง ๆ  ท่านพญาครุฑธายื่นแหวนเพรชน้ำดีประจำเมืองครุฑให้แก่ธิดาเมื่อถึงเวลาแล้ว ตอนนี้จันทร์เต็มดวงกำลังลอยเด่นขึ้นสู่ท้องฟ้าเสมือนว่ามาเพื่อเป็นพยานในการหมั้นหมายระหว่างครุฑและนาคในครั้งนี้ "ได้เวลาสวมแหวนแล้ว" หรัญญ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกสติ เมืองบาดาลสวยงามสมคำร่ำลือ นาคาทุกตนล้วนเป็นมิตรและจริงใจ นี่คงเป็นชะตาที่ลิขิตเอาไว้ว่าเขาต้องช่วยปกป้องรักษาเมืองบาดาลเอาไว้ให้นานที่สุด หรัญญ์จับมืออรินดาเอาไว้และสวมแหวนลงกับนิ้วนางข้างซ้ายของธิดาแห่งเมืองบาดาล น่าแปลกที่แหวนจากเมืองครุฑสามารถเข้ากับนิ้วของนางได้พอดิบพอดี แหวนเพชรวงนี้เป็นแหวนที่ใช้สำหรับพิธีหมั้นหมายมาตั้งแต่บรรพบุรุษครุฑ อรินดาคือผู้ถูกเลือกให้เป็นคู่ชีวิตของเขาใช่หรือไม่แหวนวงนี้ถึงพอดิบพอดีกับนิ้วของนางอย่างน่าอัศจรรย์ "ข้าสัญญาว่าจะปกป้องเมืองบาดาล และอรินดาเท่าชีวิต" "..." "ทุกภพ ทุกชาติ" เหมือนมีบางอย่างฉุดให้หรัญญ์พูดประโยคสุดท้ายออกมา ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่ แต่เมื่อได้พูดออกไปแล้วก็ไม่สามารถคืนคำได้ คราวนี้เป็นฝ่ายอรินดาที่ต้องสวมแหวนประจำตัวของนางให้แก่หรัญญ์นั่นก็คือแหวนมรกตที่ถูกแกะสลักเป็นรูปพญานาคงดงาม อรินดาเกิดอาการสั่นน้อย ๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต่อจากนี้และตลอดไปเธอต้องตามองค์หรัญญ์ไปอาศัยอยู่ที่เมืองครุฑธาเวสี ซึ่งที่นั่นเธอไม่เคยไปมาก่อนและสถานที่แห่งนั้นจะถูกเรียกว่าต่างบ้านต่างเมืองในเวลานี้ แต่กระนั้นอรินดาก็มั่นใจว่าหรัญญ์จะดูแลเธออย่างดีและช่วยรักษาเมืองบาดาลของเธอเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไปตามที่เขาให้สัจจะ "ข้าจะเป็นคู่ชีวิตของท่าน" "..." "ทุกภพ ทุกชาติ" หรัญญ์ยิ้มเต็มหน้าเมื่ออรินดากล่าวจบ ร่างสูงของครุฑวาดแขนเรียวยาวโอบกอดธิดานาคาเอาไว้ตามสัญชาตญาณ "ปล่อยดวงไฟ" องค์นิลนาคเองก็มองภาพเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหรัญญ์จะรักษาสัจจะและรักษาซึ่งเมืองบาดาลเอาไว้ให้คงอยู่สืบไป ดวงไฟหลายร้อยดวงจากเมืองบาดาลถูกปล่อยขึ้นมาเหนือน้ำ ทั้งสีส้ม เหลืองและแดง ลอยจากผืนน้ำขึ้นสู่อากาศอย่างสวยงาม บัดนี้พิธีหมั้นหมายระหว่างครุฑและนาคได้เสร็จสิ้นลงแล้ว พรุ่งนี้เช้าอรินดาต้องเดินทางออกจากเมืองบาดาลเพื่อที่จะได้ตามคู่หมั้นไปอยู่ยังเมืองครุฑ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์อรินดาจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่ออภิเษกสมรสกับองค์หรัญญ์แห่งเมืองครุฑธาเวสี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD