"แม่ขอให้ลูกเดินทางปลอดภัย"
เช้าตรู่ของวันต่อมาเป็นเวลาที่ครุฑจะเดินทางกลับเมืองครุฑธาเวสีพร้อมกับสมาชิกคนใหม่แล้ว องค์ไอรินลดาลูบกลุ่มผมนุ่มสลวยดำขลับของธิดาด้วยความรักใคร่ ถึงเวลาที่ลูกน้อยจะออกจากอ้อมอกแล้วสินะ
"แม่รักลูกนะอรินดา"
"ลูกก็รักท่านแม่เพคะ"
ทุกสายตามองดูสองแม่ลูกที่ยืนกอดกันอยู่เงียบ ๆ องค์ไอรินลดาคงจะเป็นห่วงธิดาของท่านมาก เนื่องจากตั้งแต่เกิดมาทั้งคู่ไม่เคยได้ห่างไกลกันเลย และวันนี้จะต้องได้ห่างกันแล้วท่านก็คงจะใจหายอยู่ไม่น้อย
หากหรัญญ์ต้องห่างกับมารดาก็คงจะรู้สึกใจหายไม่ต่างกัน
"ข้าจะดูแลอรินดาเป็นอย่างดี"
หรัญญ์เอ่ยตอกย้ำกับองค์ไอรินดาให้เข้าใจอีกครั้งหนึ่ง
"ท่านไม่ต้องเป็นห่วง"
อรินดาน้ำตาคลอเมื่อผู้เป็นแม่คลายอ้อมกอดออก ไม่อยากห่างแต่จำใจจากมันเป็นแบบนี้เองสินะ
"เดินทางปลอดภัยนะลูกรัก"
องค์นิลนาคส่งยิ้มให้กับธิดา ถึงแม้จะแอบใจหายเพียงใดแต่ท่านก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ ตามธรรมเนียมโบราณที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เมื่อหมั้นหมายแล้วฝ่ายหญิงจะต้องตามไปอยู่กับฝ่ายชาย แต่นี่ทั้งคู่เป็นหญิงและองค์นิลนาคเป็นฝ่ายไปขอความช่วยเหลือจากครุฑ เพราะฉะนั้นธิดาจากเมืองบาดาลต้องเป็นฝ่ายเดินทางไปอยู่ที่เมืองครุฑ
แม้จะอยากไปส่งถึงชายป่ารัญจวน แต่พญาครุฑธาก็ห้ามปรามไว้เสียก่อน หากให้องค์นิลนาคและองค์ไอรินลดาตามขึ้นไปส่งถึงตรงนั้น สองแม่ลูกคงร่ำลากันนานกว่านี้เป็นแน่
"ได้เวลาเดินทางแล้ว"
"ลูกต้องไปแล้ว"
อรินดาส่งยิ้มให้บุพการีทั้งสอง ขอบคุณที่ท่านเลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างดี และเพราะรักท่านจึงไม่ปลิดชีพเธอตั้งแต่ยังเด็ก
หรัญญ์กอบกุมมืออรินดาเอาไว้ในขณะที่กำลังออกจากเขตพื้นที่เมืองบาดาล เขาเพียงแค่อยากให้ธิดาจากเมืองบาดาลมั่นใจว่าเมืองครุฑของเขาจะปลอดภัยสำหรับนาง
"ข้าเชื่อว่าอรินดาจะอยู่เมืองครุฑธาเวสีอย่างมีความสุข"
องค์นิลนาครวบกอดคู่ชีวิตเอาไว้แล้วมองตามหลังเหล่าครุฑที่กำลังเดินทางออกจากเมืองบาดาลด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยองค์นิลนาคก็มั่นใจว่าหรัญญ์จะดูแลธิดาของท่านได้เป็นอย่างดี
"ทหารกับม้าหายไปไหนกันหมด"
พญาครุฑธาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเดินทางขึ้นมาจากเมืองบาดาลแล้วไม่เห็นเหล่าทหารครุฑที่ท่านสั่งให้อยู่ที่นี่เลยสักตน รวมถึงม้าสักตัวก็ไม่เห็น
"ปุยฝ้าย"
หรัญญ์ร้องเรียกหาม้าสีขาวประจำตัวทันที เรื่องนี้ชักไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว ที่นี่มีร่องรอยของกองไฟและสัมภาระของเหล่าทหาร แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตปรากฏให้เห็น
"ข้าจะขึ้นไปสำรวจบนท้องฟ้า"
ทหารครุฑผู้ติดตามทูลบอก เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเรื่องนี้ก็ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เพราะทหารครุฑไม่มีทางกลับเมืองครุฑธาเวสีก่อนเวลาแน่นอน
รอเพียงครู่เดียวทหารครุฑตนนั้นก็กลับมาพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของทหารครุฑที่ร่างกายยังเป็นมนุษย์อยู่
อรินดาหลับตาลงเมื่อมองเห็นไกล ๆ ว่าครุฑที่กำลังกระพือปีกผ่านอากาศมานั้นอุ้มร่างไร้วิญญาณของมนุษย์มาด้วย เมื่อเห็นดังนั้นหรัญญ์จึงขยับเข้ามาใกล้ ๆ แล้วพลิกร่างเล็กของอรินดาเข้าหาตัวจากนั้นก็รวบกอดและกดศีรษะเล็ก ๆ ของธิดานาคาเอาไว้กับไหล่ของตน เขาไม่อยากให้อรินดามีภาพติดตาและฝันร้าย
"ข้ามั่นใจว่าเป็นมือขององค์นครอินทร์กับพวก"
"สารเลวยิ่งนัก"
"ตอนนี้เมืองบาดาลไม่ปลอดภัยแล้ว ข้าจะล่วงหน้ากลับเมืองครุฑธาเวสีเพื่อสั่งให้ทหารครุฑนำกำลังมาลาดตระเวนอยู่ที่นี่ หากมีสิ่งใดผิดปกติจะได้แก้ไขทัน"
พญาครุฑธาเอ่ยบอกกับธิดา องค์นครอินทร์ปลิดชีพทหารของท่านไม่เหลือแม้แต่คนเดียว นั่นเท่ากับว่าเมืองโขธารามกำลังประกาศศึกกับเมืองครุฑธาเวสี และสงครามระหว่างครุฑกับนาคกำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์อยู่อย่างสงบสุขมาเป็นเวลานาน
"ข้าคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดใช่หรือไม่"
อรินดาเอ่ยถามด้วยความสงสัยถึงแม้จะมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเธอเป็นต้นเหตุก็ตาม หากไม่เกิดมาทั้งครุฑและนาคคงไม่ต้องวุ่นวายเช่นนี้
"เจ้าอย่าโทษตัวเองเลยองค์อรินดา นาคาจากเมืองโขธารามต่างหากที่เป็นต้นเหตุ"
ท่านพญาครุฑธาเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วแปลงกายเป็นนกยักษ์ทันที ปีกขนาดใหญ่สยายเต็มแผ่นหลัง กรงเล็บและจะงอยปากแหลมคมน่ากลัว ดวงตาสีเพลิงนั้นจ้องมองไร้จุดหมายอย่างน่ากลัว
"ข้าจะกลับเมืองครุฑธาเวสีกับเหล่าทหาร ส่วนเจ้าหรัญญ์ ในเมื่อตอนนี้ม้าเราหายไปหมดแล้วเจ้าต้องเดินกลับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น"
หรัญญ์อ้าปากค้าง จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร หากให้เดินกลับต้องใช้เวลานานหลายวันเป็นแน่ เหตุใดท่านพ่อถึงไม่ให้เขาแปลงกายและอุ้มอรินดาบินกลับ แบบนั้นจะไม่เร็วกว่าหรือ
"เจ้าต้องปฏิบัติตามประเพณี"
เหตุใดประเพณีถึงได้ให้ปฏิบัติลำบากนักนะ หรัญญ์มีปีกสามารถบินได้ แต่ประเพณีโบราณกลับอยากให้เดินงั้นหรือ ช่างน่าขันสิ้นดี
"เจ้าต้องพาอรินดากลับเมืองครุฑธาเวสีด้วยการเดินเท้าเพียงเท่านั้น"
"..."
"และไปเพียงสองคน"
หรัญญ์ถอนหายใจอย่างปลงตก ยังไงเสีย เขาก็ขัดประเพณีไม่ได้อยู่แล้ว
"ดูแลตัวเจ้าเองให้ดี และดูแลคู่หมั้นของเจ้าเท่าชีวิต"
พญาครุฑธากระพือปีกแล้วบินจากไปพร้อมกับทหารครุฑ ทิ้งให้หรัญญ์และอรินดายืนมองอยู่อย่างนั้น
"ได้ยินหรือไม่"
หรัญญ์หันมาเอ่ยถามคนข้างกาย และอรินดาก็ทำเพียงพยักหน้าน้อย ๆ เท่านั้น ใช่ว่าจะไม่รู้เส้นทางไปเมืองครุฑธาเวสี หรัญญ์รู้จักดีเพราะบินผ่านเส้นทางนี้บ่อย แต่ทุกครั้งหรัญญ์ใช้ปีกในการช่วยเดินทาง แต่ครั้งนี้เขาต้องใช้เท้าเดินหรัญญ์จึงคิดหนักเป็นพิเศษ
"เราขัดประเพณีไม่ได้"
ไม่มีเสบียงอาหาร ไม่มีผู้ติดตาม หรัญญ์ต้องเดินกลับเมืองครุฑธาเวสีเพียงสองคนกับอรินดา และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้เวลากี่วันจึงจะเดินทางถึง
เมืองครุฑธาเวสีและเมืองบาดาลอยู่ห่างไกลกันพอสมควร ต้องใช้เวลาในการเดินทางสามวันจึงจะสามารถไปถึงกันได้ หากต้องเดินทางเพียงคนเดียวหรัญญ์ไม่ได้นึกเกรงกลัวอยู่แล้ว แต่นี่เขาต้องเดินทางพร้อมกับคู่หมั้นที่ชื่ออรินดา
หรัญญ์ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเดินทางกี่วัน และระหว่างทางหรัญญ์ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง เท่าที่เขารู้คือต้องดูแลชีวิตตัวเองให้ดี และต้องดูแลอรินดาเท่าชีวิต
"หิวหรือไม่"
อรินดาพยักหน้าน้อย ๆ อีกครั้ง เป็นแบบนี้มาตลอดทางที่หรัญญ์พยายามจะถามและพูดคุยด้วยแต่อรินดาก็เอาแต่พยักหน้าและส่ายหน้ามาโดยตลอด
"ทำไมตอนเป็นเด็กเจ้าถึงพูดเก่งนัก"
"เพราะข้าไม่รู้ว่าโตขึ้นข้าจะได้เป็นคู่หมั้นของท่าน"
คราวนี้หรัญญ์เป็นฝ่ายพยักหน้าบ้าง หมายถึงหากอรินดารู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเขาคือครุฑที่พอโตขึ้นนางจะได้หมั้นหมายด้วย นาคาเด็กตนนั้นคงจะไม่พูดกับเขาสินะ
"ชะตาของเรามีส่วนเกี่ยวข้องกันอรินดา"
"แต่ในตำราครุฑกับนาคอยู่ร่วมกันไม่ได้"
"..."
"รวมถึงเรื่องเล่าที่ข้าเคยได้ยินมา ครุฑล้วนใจร้าย"
อรินดาคงเชื่อเรื่องเล่ามากไปจริง ๆ นั่นแหละ
"แล้วข้าใจร้ายหรือไม่"
"ท่านเป็นครุฑ"
"ข้าถามว่าข้าใจร้ายหรือไม่"
หรัญญ์หยุดเดินแล้วเอ่ยถามกับอรินดาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยังไม่ทันได้รู้จักกันดี อรินดาก็จะด่วนตัดสินเขาแล้วหรือนี่
"ข้าไม่รู้"
อรินดาก้มหน้าตอบ เหตุใดต้องทำน้ำเสียงจริงจังเช่นนี้ด้วยเล่า แถมครุฑข้างกายยังมองมาด้วยแววตาจริงจังอีกต่างหาก
"ตามตำราทำนายว่าเจ้าต้องอภิเษกกับครุฑใช่หรือไม่"
หรัญญ์ลอบผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ เมื่ออรินดาเอาแต่พยักหน้าอีกครั้ง นี่เป็นวิธีบริหารคอของนาคาสินะ พยักหน้าหงึกหงักอยู่ได้ ร่างสูงแอบค่อนขอดในใจ
"ข้าเชื่อคำทำนาย แต่ข้าไม่เชื่อเรื่องเล่า"
มือเรียวคว้าจับข้อมือของนาคาแล้วออกเดินทางต่อ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว คืนนี้คงต้องพักที่นี่ หรัญญ์คิดว่าจะหาที่ที่เหมาะสำหรับพักค้างคืนและค่อนข้างที่จะใกล้บริเวณแหล่งน้ำสักหน่อยเพื่อที่จะได้สะดวกแก่การอาบน้ำ
"คืนนี้เราจะพักที่นี่"
หรัญญ์เอ่ยบอกแล้วนั่งลงบนตอไม้ผุพัง ขณะนี้ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดินและท้องฟ้ายังไม่มืดมิด ยังเหลือเวลาอีกเล็กน้อยในการหาใบไม้มาปูทับบนพื้นดินเพื่อทำเป็นที่นอน และจุดไฟให้แสงสว่างและไล่แมลงรวมถึงสัตว์ร้ายที่อาจจะมีอยู่ในป่าแห่งนี้ด้วย
เหตุใดต้องมาลำบากแบบนี้หรัญญ์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
"รออยู่ที่นี่ ข้าจะไปหาใบไม้มาเป็นที่นอน"
อรินดาส่ายหน้าแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ครุฑมากขึ้น จะให้เธอรออยู่ในป่าแห่งนี้เพียงคนเดียวงั้นหรือ เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัยอรินดาจึงขอตามเขาไปด้วย
"ข้าจะไปกับท่าน"
หรัญญ์ยอมแพ้ในที่สุดและอนุญาตให้อรินดาตามเขาไปหาใบไม้เพื่อนำมาปูเป็นเบาะนอน หากอรินดาไม่เหนื่อยเขาก็ยินดีให้เธอตามไป
สุดท้ายหรัญญ์ก็ได้กล้วยสุกมาเป็นอาหารค่ำ เศษเส้นใยต้นไม้แห้งสำหรับจุดไฟ และใบไม้สำหรับทำเป็นเบาะนอนกลับมา โดยที่อรินดาไม่ได้ช่วยถืออะไรเลย ธิดานาคาทำเพียงเดินตามเขาเงียบ ๆ เท่านั้น
"กล้วยหอมสุก"
หรัญญ์ยื่นกล้วยสุกในมือให้กับอรินดา และก็เช่นเดิมที่เธอส่ายหน้าน้อย ๆ กลับมาแทนคำพูดปฏิเสธ
"ไม่กินจริงหรือ"
อรินดาส่ายหน้าอีกครั้ง เธอกินแอบเปิลที่เขาหามาให้ไปแล้วหลายลูกเมื่อตอนบ่าย และจนถึงตอนนี้ก็ยังอิ่มอยู่
"จริงนะ"
สงสัยองค์หรัญญ์แห่งเมืองครุฑธาจะหูหนวก
"ข้าพูดจริง"
อรินดาเอ่ยย้ำอีกครั้ง
"เอาไว้ตอนดึก ๆ หากเจ้าหิวค่อยตื่นมากินก็ได้"
หรัญญ์วางกล้วยหอมสุกหวีนั้นไว้ข้าง ๆ เหล่าใบไม้ที่เขาปูไว้เป็นเบาะนอนเรียบร้อยแล้ว ต่อไปคงต้องจุดไฟเพราะในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มจะมืดมิดแล้ว ในป่าย่อมมืดเร็วกว่าภายนอกเป็นปกติอยู่แล้ว
"ไปอาบน้ำสิ ทางนั้นมีลำธารอยู่ใกล้ ๆ"
อรินดาส่ายหน้า ธิดาจากเมืองบาดาลไม่เคยอาบน้ำในป่ามาก่อนจะให้ทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน ถึงไม่มีใครเห็นเรือนร่าง แต่อรินดาก็อายเจ้าป่าเจ้าเขาอยู่ดี
"ลุกขึ้นอรินดา"
หรัญญ์เอ่ยเสียงเข้มเมื่อเขาจุดไฟเสร็จ อรินดาไม่คิดจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดกับเขาเลยหรืออย่างไร เอาแต่ส่ายหน้าไปมาอยู่แบบนี้ทั้งวัน
"ท่านจะพาข้าไปที่ใด"
อรินดาก้าวเท้าเดินตามร่างสูงของครุฑมาแล้วเอ่ยถามเสียงเบาหวิว เธอไม่อยากบอกหรัญญ์ว่าตอนนี้กำลังเจ็บข้อมือตรงตำแหน่งที่มือของเขาจับอยู่
"ไปอาบน้ำ"
"แต่ข้าไม่อยากอาบ"
"ข้าไม่คิดเลยว่าธิดาจากเมืองบาดาลจะดื้อด้านขนาดนี้"
ถึงแม้จะเป็นคนใจเย็น แต่เจอแบบนี้หรัญญ์ก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยากเหมือนกัน อรินดาไม่พูดกับเขา เอาแต่แสดงท่าทางภาษากาย
แล้วยิ่งต้องมาเดินอยู่ในป่าสองคนแบบนี้อีกมันยิ่งทำให้หรัญญ์เกิดอาการหงุดหงิด
"ปล่อยข้า"
"เจ้าต้องอาบน้ำอรินดา"
"ท่านต้องปล่อยข้าก่อน"
อรินดาขืนตัวไม่เดินตามเขาเมื่อมาถึงลำธารเล็ก ๆ ที่น้ำใสสะอาดกำลังไหลเอื่อยเฉื่อยอย่างใจเย็น ผิดกับเธอที่กำลังร้อนรุ่มเพราะเกิดความรู้สึกโมโหองค์หรัญญ์แห่งเมืองครฑธาเวสีเข้าให้แล้ว ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน และนี่ไม่ใช่นิสัยส่วนตัวของเธอเลย
"ครุฑก็ใจร้ายจริง ๆ นั่นแหละ"
หรัญญ์ผินหน้ามามองนาคาตัวเล็กจ้อย เหตุใดอรินดาถึงได้เชื่อตำราและเรื่องเล่านั้นนักหนา
"ปล่อยข้าเถิดองค์หรัญญ์"
"..."
"ข้าเจ็บ"
หรัญญ์ได้สติเมื่อละสายตาจากใบหน้าสวยหวานนั่นแล้วมองลงมาตรงตำแหน่งแขนขาว ๆ ของอรินดาที่มีมือของเขาเกาะกุมอยู่
"อรินดา ข้าขอ...."
"ข้าจะอาบน้ำ ท่านโปรดรอข้าอยู่ตรงพุ่มไม้นั่นได้หรือไม่"
อรินดาเปลี่ยนเรื่องในทันที เธอไม่มีสิทธิ์ต่อว่าเขาสิ่งนี้อรินดารู้ดี หรัญญ์คือผู้มีพระคุณของเธอและเมืองบาดาล นี่คือคำที่ท่านแม่กระซิบบอกในตอนที่กอดเธอเอาไว้ก่อนออกจากเมืองบาดาลมา
"และโปรดหันหลังให้ข้า"
หรัญญ์ถอนหายใจแล้วเดินไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ภายในใจสั่งให้เขาหันไปมองนาคาในลำธารว่านางกำลังทำอะไรอยู่ แต่เพราะเป็นครุฑที่ซื่อสัตย์หรัญญ์จึงได้แต่นั่งนิ่ง ๆ แล้วเงี่ยหูฟังเสียงเพียงเท่านั้น
อรินดาไม่ได้เปลื้องผ้า และไม่ได้อาบน้ำอย่างที่บอกกับเขา ธิดาแห่งเมืองบาดาลทำเพียงแค่ใช้มือเล็ก ๆ วักน้ำล้างหน้าเพียงเท่านั้น แค่นี้ก็รู้สึกสดชื่นแล้ว อรินดาไม่เคยอาบน้ำในป่าจึงทำให้รู้สึกกลัวและอาย หวังว่าองค์หรัญญ์จะไม่บ่นว่าเหม็นเหงื่อของเธอหรอกนะ
"ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว"
อรินดาเดินกลับมาหาหรัญญ์ที่นั่งหลังตรงอยู่หลังพุ่มไม้แล้วเอ่ยบอกกับเขาทันทีว่าเธออาบน้ำเสร็จแล้ว และทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอรินดาไม่ได้อาบน้ำแต่หรัญญ์ก็พยักหน้ารับทราบอยู่ดี
ในป่าในเขาแบบนี้คงไม่มีใครกล้าเปลื้องผ้าอาบน้ำหรอกนะ แม้แต่ตัว หรัญญ์เองก็ยังไม่กล้าเช่นเดียวกัน
"รอข้าอยู่ที่นี่"
หรัญญ์เดินตรงไปยังลำธารและวักน้ำใส ๆ นั่นล้างหน้าล้างตาให้สะอาด เพียงครู่เดียวก็เดินกลับมาหาอรินดา
"ท่านไม่ได้อาบน้ำ"
"เจ้าเองก็เช่นกัน"
ร่างสูงส่งยิ้มให้เมื่ออรินดาเม้มปากแน่นและผินหน้าหนีจากคนรู้ทัน คงไม่คาดคิดว่าเขาจะล่วงรู้ความลับที่เธอยังไม่ได้อาบสินะ คงคิดว่าจะโกหกเขาได้งั้นสิ
"ท่านแอบดูข้างั้นหรือ"
"ไม่เลยอรินดา เจ้าอาบน้ำเพียงครู่เดียว ถ้าเป็นในยามปกติก็คงจะยังไม่ได้ถอดกางเกงในเสียด้วยซ้ำไป"
"ความคิดท่านช่างทุเรศสิ้นดี"
อรินดาค่อนขอดครุฑแล้วเดินกลับไปยังที่พักโดยที่ไม่เหลียวหลังมามองหรัญญ์เลยสักนิดเดียว
"ข้าพูดความจริงนะอรินดา"
หรัญญ์เดินตามหลังมาช้า ๆ ขืนก้าวเท้ายาวกว่านี้มีหวังเขาได้เดินนำหน้าของอรินดาอย่างแน่นอน ธิดาแห่งเมืองนาคาคงคิดว่าตัวเองเดินเร็วแล้วสินะ
"เจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอก"
มือเรียวยาวของครุฑคว้าจับที่แขนของอรินดาเอาไว้ ส่งผลให้ร่างเล็กหยุดชะงักในทันที เหตุเพราะเจ็บตรงตำแหน่งที่หรัญญ์จับมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว แต่จะให้ร้องโอดโอยอรินดาก็คิดว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดีในตอนนี้ เธอไม่อยากให้หรัญญ์รู้ว่ากำลังเจ็บอยู่
"ขออภัยที่ทำให้เจ้าเจ็บ"
หรัญญ์ลูบเบา ๆ ตรงรอยแดงที่ข้อมือขาวของนาคาสาว เขาคงเผลอจับเธอแรงไปหน่อยจึงทำให้ข้อมือของอรินดาปรากฏรอยแดงเป็นปื้นขึ้นมา ถือเสียว่าเป็นบทเรียน ต่อไปหากได้จับอรินดาอีกหรัญญ์จะได้ทะนุถนอมเธอให้มากกว่านี้ เพราะครุฑมีพลังมากกว่ามนุษย์ธรรมดาเวลาแตะต้องอรินดาหรัญญ์จึงต้องเบามือเป็นพิเศษ
ใบหน้าคมคายของครุฑก้มต่ำลงช้า ๆ หรัญญ์บ่นพึมพำอยู่เพียงชั่วครู่แล้วพ่นลมหายใจเบา ๆ แต่กลับร้อนฉ่าใส่รอยแดงบนผิวขาวนั่น เพียงเท่านั้นรอยแดงก็หายไปและอรินดาก็หายเจ็บในที่สุดราวกับว่าเธอไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน ครุฑมีมนตร์คาถาแบบนี้ด้วยหรือนี่
"หายเจ็บแล้วใช่หรือไม่"
อรินดาช้อนสายตามองร่างสูงแล้วพยักหน้าเบา ๆ เธอหายเจ็บแล้ว หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว
"อภัยให้ข้าด้วยอรินดา ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บอีก"
หรัญญ์คุกเข่าลงบนพื้นหญ้าแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอโทษอรินดา เขาช่างโง่เขลายิ่งนัก หวังว่าความผิดพลาดในครั้งนี้อรินดาจะให้อภัย
"ท่านหรัญญ์"
อรินดาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างสูงของครุฑคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ความจริงแล้วหรัญญ์ไม่จำเป็นต้องขอโทษเธอก็ได้ เพราะเขาไม่ได้ผิดเลยสักนิด อรินดาคิดว่าเธอต่างหากที่อ่อนแอจนเกินไป
"ลุกขึ้นเถิดท่านหรัญญ์"
"เจ้าต้องอภัยให้ข้าก่อน"
ธิดานาคาถอนหายใจ สองมือน้อยยื่นไปจับไหล่แกร่งของหรัญญ์ทั้งสองข้างแล้วรั้งให้เขายืนขึ้น แต่หรัญญ์ก็ยังนั่งนิ่งราวก้อนหินอยู่ที่เดิม
"ข้าอภัยให้ท่าน"
"แล้วโกรธข้าหรือไม่"
อรินดาส่ายหน้าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน
"ข้าเองต่างหากที่อ่อนแอ"
"ข้าผิดที่ไม่ถนอมเจ้า จากนี้ไปเจ้าจะไม่เจ็บตัวเพราะข้าอีก"
หรัญญ์ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทั้งที่เขามีหน้าที่ดูแลและปกป้องอรินดาแต่เหตุไฉนต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดของอรินดาถึงได้เป็นตัวเขาเองเล่า
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อย ๆ เพราะป่าที่ค่อนข้างมีใบไม้หนาทึบทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้ ขณะนี้จึงมีเพียงกองไฟเท่านั้นที่ให้แสงสว่างและความอบอุ่น ครุฑและนาคนั่งอยู่ตรงข้ามกันโดยมี
กองไฟอยู่ตรงกลาง อรินดาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดและหรัญญ์เองก็เช่นกัน ทั้งคู่ทำเพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ และมองเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนเท่านั้น
อรินดากำลังคิดถึงเมืองบาดาลเพราะนี่เป็นวันแรกที่เธอเพิ่งจากมา ธิดานาคาไม่ได้คิดถึงความสะดวกสบายที่เคยได้รับครั้งยังอยู่ใต้น้ำ แต่อรินดาคิดถึงท่านพ่อและท่านแม่ต่างหาก ป่านนี้ท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง จะกินอิ่มและนอนหลับดีหรือไม่ เพียงแค่คิดน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ ก็หยดแหมะและไหลรินมาสัมผัสแก้มเนียน อรินดายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวก ๆ หวังว่าครุฑคงจะไม่ทันได้มองเห็นความอ่อนแอของเธอหรอกนะ
แต่ธิดานาคาคงคิดผิด เพราะหรัญญ์มองเห็นทุกอย่าง แม้แต่ตอนที่นาคาน้ำตาไหลริน อรินดาคงคิดถึงเมืองบาดาลและพ่อแม่ หากหรัญญ์เป็นอรินดาเขาก็คงจะมีอาการแบบนาง แล้วจะทำเช่นใดให้อรินดาวางใจเขา และคิดว่าเมืองครุฑธาเวสีก็เปรียบเสมือนบ้านเมืองนางอีกที่หนึ่ง หรือต้องรอเวลาให้อรินดาคุ้นเคยกับเขางั้นหรือ แล้วต้องใช้เวลาและรอนานเท่าใดกันเล่า