เดตแรก

1312 Words
วิชชุดา รู้ดีว่าเธอต้องเร่งให้ลูกชายกับมาลาแก้วรู้จักกัน ถ้าโชคดีเด็กทั้งสองคนรักกันขึ้นมาได้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เธอจึงพยายามหาเวลาให้ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกันนอกเหนือจากการเผชิญหน้าโดยมีผู้ใหญ่เป็นผู้นัดหมาย วันนี้เธอจึงได้นัดให้เด็กทั้งสองคนไปทานข้าวและเดินเที่ยวด้วยกัน “ชุดมันดูเรียบร้อยเกินไปหรือเปล่าแก้ว อย่างกับจะไปวัดเลยลูก” กันยาภรณ์บอกกับลูกสาวของเธอ มาลาแก้วไม่ได้พูดอะไรตอบ เธอเพียงแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะหมุนตัวหันไปมองที่กระจกเธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าคนที่เลือกชุดนี้ให้เธอก็คือแม่ของเธอนั่นแหละ “แม่ว่าลองชุดนี้ดีกว่าลูก” คนเป็นแม่หยิบอีกชุดหนึ่งออกมาจากราว แล้วยื่นให้กับลูกสาว เหมือนกับกำลังเล่นเกมแต่งตัวตุ๊กตา มาลาแก้วก็ทำได้แค่รับชุดนั้นมาจากมือของแม่ตัวเอง แล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น อะไรอยู่แล้ว จะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกเอง "อืมชุดนี้ค่อยยังชั่วหน่อย แต่แม่ว่าคอมันโล่งไปนะ เอาสร้อยเส้นนี้ไปใส่หน่อยดีไหม" "แก้วไม่ใส่ได้ไหมคะคุณแม่ แก้วใส่สร้อยแล้วมันมักจะคัน" หญิงสาวเผลอพูดปฏิเสธ และมันก็ทำให้แม่ของเธอแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทันที "แม่บอกให้เพราะหวังดี สร้อยในห้องนี้ไม่มีของเก๊ จะใส่แล้วคันได้ยังไง ใส่ซะอย่าได้คิดแต่งตัวแบบนี้ออกจากบ้านเชียว" สุดท้ายมาลาแก้วก็ต้องยอมรับสร้อยเส้นนั้นแล้วเอามาใส่ตามคำสั่งของแม่ เมื่อแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สองแม่ลูกก็พากันลงมานั่งรอที่ห้องรับแขก เมื่อถึงเวลาชนะศึกก็มารับมาลาแก้วที่บ้าน ตามนัดหมายวันนี้ทั้งสองคนจะไปเดตเพื่อทำความรู้จักกันใหม่มากขึ้น ซึ่งตามที่วิชุดาบอกเอาไว้ ก็คือจะไปทานข้าวมื้อกลางวันด้วยกันก่อน แล้วถึงจะไปงานนิทรรศการหนังสือ เพราะชนะศึกเป็นคนชอบหนังสือมาก "สวัสดีครับ" "อ้าว สวัสดีจ้ะ นี่ยังไม่ถึงเวลานัดเลย มาถึงเร็วนะ" กันยาภรณ์พูดก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกา "พอดีผมมีธุระแถวนี้ด้วย แล้วธุระเสร็จเร็วก็เลยมาเลยครับ รบกวนหรือเปล่า" "ไม่เลยจ้ะ แก้วเขาก็แต่งตัวเสร็จแล้วพอดี" กันยาภรณ์พูดก่อนจะกันไปมองลูกสาว และแอบมองว่าที่คอยังสวมสร้อยอยู่หรือเปล่า "ถ้าอย่างนั้นไปกันเลยดีไหมครับ แถวนั้นรถติดด้วย กว่าจะถึงคงพอดีเวลาที่จองเอาไว้" ชนะศึกออกความเห็น "ไปเลยก็ได้จ้ะ แก้วเขาไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ววันนี้" สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มสังเกตได้ก็คือ มาลาแก้วคนนี้แทบจะไม่ได้พูดอะไรเป็นแม่ของเธอเสียมากกว่า ที่เป็นฝ่ายพูดโต้ตอบกับเขา เธอเอาแต่นั่งก้มหน้าเหมือนกับวันที่นัดทานข้าวกันครั้งแรก แค่เห็นเขาก็รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน เธอดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเหมือนเป็นหุ่นเชิดคุณหญิงกันยาภรณ์ เป็นคนเชิดให้ทำนั่นทำนี่ ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เธอยอมแต่งงานกับเขาง่ายๆ และดูจะไม่คัดค้านอะไรเลย "คุณอยากไปหรือเปล่า" เขาแอบถามขึ้นมา ขณะที่กำลังขับรถออกมาจากบ้านของมาลาแก้ว หญิงสาวหันไปมองคนถามด้วยความประหลาดใจในคำถามของเขา "คะ?" "สีหน้าของคุณดูเหมือนคนไม่เต็มใจไปน่ะ" คนขับพูดต่อ เมื่อเธอเหมือนจะฟังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด "สีหน้าของแก้วมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถ้าทำให้คุณรู้สึกไม่ดี" เธอตอบด้วยเสียงแผ่วเบา ทีแรกเขาตั้งใจว่า หากเธอตอบว่าไม่อยากไป ก็จะไปส่งเธอที่อื่นแทนการไปทานข้าวด้วยกัน แต่เหมือนว่าเธอคงจะทำตามคำสั่งของแม่เธอ และหากเขาชวนให้ล่มกิจกรรมวันนี้ คนหัวอ่อนอย่างเธอก็คงไม่ทำแน่ ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะจำใจไปเดตกับเธอ ตามความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ตลอดทางคนทั้งทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลย ไร้ซึ่งเสียงบทสนทนาบนรถตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงซึ่งมันช่างเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดเสียจริง สำหรับมาลาแก้วแล้วอาจจะไม่เป็นปัญหา เพราะเธอเติบโตมากับความกดดัน แต่สำหรับชนะศึกเขารู้สึกอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาเหลือเกิน เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย "จองเอาไว้ครับ ชื่อวิชุดา" เมื่อมาถึงที่ร้านชนะศึกก็เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อแจ้งการจองก่อนที่พนักงานจะพาคุณทั้งสองไปที่โต๊ะ ต่างฝ่ายต่างสั่งอาหารโดยไม่ได้พูดอะไรกันราวกับว่าไม่ได้มาด้วยกัน “เท่านี้นะคะ” พนักงานทวนเมนูที่สั่งอีกครั้งโดยส่วนใหญ่คนสั่งเป็นมาลาแก้ว เพราะชนะศึกไม่อยากจะสั่ง อะไรให้มันมากมาย เขารู้ดีว่าวันนี้ตัวเองจะต้องเป็นเจ้ามือ และสถานะทางการเงินของบ้านเขา ก็ค่อนข้างสวนทางกับราคาของอาหารในร้านนี้ด้วย แถมแต่ละจานที่มาลาแก้วสั่งมา ก็มีแต่จานท็อปของร้านที่ราคาฉีกกระเป๋าจนเขาไม่กล้าสั่งอะไรเพิ่ม "ค่ะ คุณวินไม่สั่งอะไรเพิ่มเหรอคะ" มาลาแก้วหันไปถาม "ไม่ล่ะครับ ผมกินง่ายอยู่ง่าย" เขาตอบเหน็บหญิงสาวเล็กๆ ซึ่งมาลาแก้วก็รู้สึกได้ "รับน้ำอะไรดีคะ" "น้ำเปล่าครับ" "น้ำส้มแล้วกันค่ะ" พอถูกอีกฝ่ายแอบต่อว่า มาลาแก้วจึงไม่กล้าสั่งอะไรที่มันเกินตัวอีก และเธอตั้งใจว่าจะจ่ายค่าอาหารในมื้อนี้เอง เพราะทุกจานที่สั่งมาล้วนแต่เป็นเธอที่สั่งทั้งนั้น "คุณวินไม่ชอบอาหารสไตล์นี้เหรอคะ" เมื่อเห็นว่าพนักงานเดินออกไปแล้ว มาลาแก้วจึงได้ถามขึ้น เธอหวังจะสร้างบทสนทนากับอีกฝ่าย เพื่อคลายความเครียดลง "ครับ ราคามันแพงเกินไป" หญิงสาวพยักหน้ารับเล็กๆ และแอบแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ เพราะคนที่เลือกร้านอาหารนี้เป็นฝ่ายเขา แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าคนที่เลือก คงจะเป็นวิชุดาแม่ของเขา ไม่แน่ชีวิตของชนะศึกก็อาจจะเหมือนกันกับเธอ ที่มีแม่คอยขีดเส้นให้เดินตามทุกก้าว ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเธอก็หวังว่าชีวิตหลังแต่งงานจะราบรื่น หวังเหลือเกินว่าหลังแต่งงานจะไม่ถูกผู้ใหญ่เข้ามาแทรกแซง ไม่ว่าจากทางฝ่ายเธอ หรือจากทางชนะศึกก็ตาม เธอหวังอีกว่าชีวิตหลังแต่งงานจะได้อิสระขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกพูดกรอกหูให้เลิกคบกับเพื่อนสนิททั้งสองคน ไม่ต้องทนฟังแม่ตัวเองนินทาเพื่อนสนิท และความหวังสุดท้ายของเธอ หากต้องแต่งงานกับชนะศึกจริงๆ เธอก็หวังว่าเขาจะเป็นสามีที่ดี เป็นที่พึ่งพาให้กับเธอได้ อย่างน้อยก็ช่วยทำให้เธอกลับมามีความมั่นใจบ้าง เพราะที่ผ่านมาเธอถูกแม่ของตัวเองพรากเอาความมั่นใจไปเสียจนแทบไม่เหลือแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD