หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้ออาหารด้วยกัน ชนะศึกและมาลาแก้วก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น ทั้งสองคนพูดคุยกันเรื่องหนังสือและงานอดิเรกของกันและกัน
“เดี๋ยววันนี้แก้วจ่ายเองนะคะ เพราะส่วนใหญ่แก้วเป็นคนสั่ง” หญิงสาวพูดขึ้น
“ไม่เป็นไร ผมจ่ายเองดีกว่า ผมเป็นผู้ชาย คงไม่เหมาะถ้าให้คุณจ่าย” เขาพูดก่อนจะหันไปยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงาน
“สักครู่นะคะ” พนักงานเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อชำระเงิน
“ปกติคุณเคยไปนิทรรศการหนังสือบ้างไหม” ระหว่างรอพนักงาน ชนะศึกก็พูดขึ้นมา
“ไม่เคยไปเลยค่ะ อย่างที่แก้วบอก แก้วไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปไหน วันว่างๆ ก็จะนัดเจอกับเพื่อน แต่ส่วนใหญ่จะไปออกงานกับคุณแม่” ชนะศึกรู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่กับคำตอบ มาลาแก้วดูเหมือนพวกไม่อ่านหนังสืออยู่แล้วในสายตาของเขา
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า บัตรของคุณลูกค้ารูดไม่ได้ค่ะ” พนักงานร้านคนเดิมเดินเข้ามาแจ้งกับชนะศึก พร้อมกับยื่นบัตรเครดิตคืนให้กับเขา ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้ามาก และเขาก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่าบัตรเครดิตของตัวเองใช้งานไม่ได้แล้ว
“เช็กดีแล้วเหรอ” เขาถามเสียงเข้ม
“ค่ะ ลองหลายรอบแล้วก็ไม่ได้”
“ถ้างั้นจ่ายเป็นเงินสดก็แล้วกันค่ะ” มาลาแก้วพูดก่อนจะยื่นเงินสดของเธอให้กับพนักงานไป
“มื้อนี้แก้วขอเป็นคนเลี้ยงก็แล้วกันนะคะ” ถึงจะอยากปฏิเสธแต่ชนะศึกก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีเงินติดตัวมามากพอที่จะจ่ายไหว จึงทำได้แค่ฝืนยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
เมื่อออกจากร้านอาหารมาแล้ว ทั้งคู่ก็พากันมุ่งหน้าไปที่งานนิทรรศการหนังสือทันที งานจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใจกลางเมือง บรรยากาศภายในงานค่อนข้างคึกคักมาลาแก้วก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับงานนี้พอสมควร เธอเดินเลือกดูหนังสือและตัดสินใจซื้อไปหลายเล่ม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังสือนิยายรักหวานแหวว ที่ชนะศึกมองว่ามันเพ้อเจ้อ
“รู้มาว่าคุณวินชอบเขียนนิยายไม่ใช่เหรอคะ มีผลงานตีพิมพ์บ้างแล้วหรือยัง” มาลาแก้วหันไปถาม แต่กลับกลายเป็นคำถามนี้จี้ใจดำของเขาอย่างจัง จนชายหนุ่มแสดงความไม่พอใจออกมาทางสายตาชัดเจน
“ยังหรอกครับ นิยายของผมมันเป็นนิยายนอกกระแส ไม่ใช่นิยายน้ำเน่าเล่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่างที่คนชอบกัน พวกสำนักพิมพ์เห็นแก่เงินก็เลยไม่สนใจ” คำตอบที่เขาตอบกลับมานั้น ทำให้มาลาแก้วหน้าชาจนพูดอะไรต่อไม่ได้ เธอรู้สึกผิดที่ไปถามเขาแบบนั้น จึงเลือกที่จะหันไปสนใจหนังสือแทน และไม่กล้าพูดอะไรกับเขาอีก
คำตอบของชนะศึกทำให้มาลาแก้วรับรู้ว่านิยายของเขายังไม่เคยถูกตีพิมพ์ และเขาก็ดูจะเจ็บปวดกับเรื่องนี้ เพราะคำตอบของเขามันเหมือนว่าเขาพูดขึ้นมาเพื่อสร้างกำแพงปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดนั้น
เมื่อเดินกันอยู่สักพักชนะศึกเริ่มอารมณ์เย็นลง เขาทบทวนตัวเองและเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองพูดกับมาลาแก้วไม่ดีเลย เมื่อก่อนหน้านี้
“ผมขอโทษนะ” เขาพูดขึ้นขณะที่หญิงสาวกำลังเลือกหนังสืออยู่
“คะ?” มาลาแก้วไม่เข้าใจว่าเขาขอโทษเรื่องอะไร เพราะเธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เขาพูดไม่ดีกับเธอก่อนหน้านี้
“ก็ ที่ผมพูดไม่ดีใส่คุณเมื่อสักครู่นี้ไง”
“อ๋อ แก้วไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ แก้วเองก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ถามขึ้นมา”
“คุณไม่ผิดหรอก ก็คุณไม่รู้นี่”
“แต่แก้วหวังว่าจะได้อ่านผลงานของคุณนะคะ” เธอพูดก่อนจะยิ้มให้กับคนตรงหน้า ชนะศึกรู้สึกดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้รับกำลังใจจากใครมาก่อนเลย นอกจากพ่อที่จากไปแล้ว
“ขอบคุณครับ” ทั้งสองคนเดินเล่นในนิทรรศการกันต่อ มาลาแก้วได้หนังสือกลับบ้านไปหลายเล่ม แต่ชนะศึกนั้นไม่ได้ซื้อหนังสือกลับมาแม้แต่เล่มเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากได้แต่เพราะไม่มีเงิน และรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายได้ จึงทำได้แค่จับๆ วางๆ แล้วเดินออกมามือเปล่า
“ไม่เคยซื้อหนังสือเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ ไม่รู้จะอ่านหมดหรือเปล่า” มาลาแก้พูดขึ้นขณะที่กำลังนั่งดูใบเสร็จทั้งหมด ที่เธอจ่ายไปในวันนี้
“ดูคุณจะชอบนิยายรักนะครับ” คนขับรถพูดขึ้น
“ค่ะ แต่บางเล่มก็ไม่ค่อยเข้าใจ”
“ทำไมละครับ”
“แก้วไม่เคยมีความรักมั้งคะ” เธอตอบอย่างไม่อาย
“คุณไม่เคยมีแฟนเลยเหรอ” ชนะศึกถามอย่างไม่เชื่อ ถึงแม้ว่ามาลาแก้วจะดูอ่อนต่อโลกไปสักหน่อย แต่เธอก็ไม่ใช่คนขี้เหร่ จริงๆ ค่อนไปทางสวยด้วยซ้ำ ทางบ้านก็ฐานะดี จะไม่มีคนเข้ามาจีบเธอบ้างเชียวหรือ
“ไม่เคยค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโต แม้ขอเอาไว้ว่าไม่ให้รีบมี”
“แล้วอยู่ๆ ก็บังคับให้คุณแต่งงานน่ะเหรอ” ชนะสึกถามอย่างประหลาดใจ มาลาแก้วดูไม่อึดอัดกับคำสั่งของแม่เลยสักนิด ทั้งที่เขาเองก็โดนบังคับเหมือนกันและยอมด้วยภาวะจำยอมไม่ได้เต็มใจ
“ค่ะ ทำไมละคะ คุณไม่เต็มใจเหรอ”
“คงงั้นมั้งครับ” พอเขาตอบก็ทำให้มาลาแก้วช็อกไปอีกรอบ เธอนิ่งและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เอ่อ ผมหมายถึงไม่เต็มใจถูกบังคับแต่ง กับคนที่ไม่รู้จัก คือ คุณก็ไม่ใช่คนแรกที่แม่ของผมพามาดูตัว” มาลาแก้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ตกใจหมดเลยค่ะ นึกว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว ก็เลยไม่เต็มใจ” คราวนี้เป็นทางฝ่ายของชนะศึกบ้าง ที่ตัวชาไปทั้งตัว เมื่อมาลาแก้วพูดอย่างนั้น
“จริงๆ ผมก็ไม่ถึงกับไม่เคยมีแฟนหรอกครับ แต่มีแล้วแม่ไม่ชอบ สุดท้ายก็เลยไปกันไม่รอด”
“แล้วตอนนี้ละคะ” มาลาแก้วตัดสินใจถามตรงๆ เธอเองก็ไม่ได้อยากจะแย่งของของใคร ถ้าเขามีคนอื่นอยู่แล้ว เธอก็จะไม่ยุ่ง
“ไม่มีหรอกครับ” เขาตอบอย่างหนักแน่น
“ถ้ามีก็บอกกันตรงๆ นะคะ แก้วจะช่วยพูดกับแม่ของแก้วให้เอง”
“เหมือนคุณแก้วจะไม่อยากแต่งงานกับผมเลยนะครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ ถ้าคุณแม่อยากให้แต่ง แก้วก็ต้องแต่ง ที่แก้วถามเพราะแก้วรู้สึกแบบนั้นเฉยๆ” ถึงเธอจะไม่เคยมีแฟน แต่ความรู้สึกบางอย่างมันก็บอกกับเธอ ว่าเขาเหมือนมีคนอื่นอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ถ้าเขายืนยันว่าไม่มี เธอก็ไม่คิดจะคาดคั้นอะไร
“อ้อ!!! แก้วเห็นคุณเหมือนจะชอบเล่มนี้ ก็เลยถือวิสาสะซื้อมาให้ ถือเป็นของขวัญสำหรับเดตแรกนะคะ” หญิงสาวูดพลางเอี้ยวตัวไปหยิบถุงกระดาษใบหนึ่งออกมาถือ แล้วหยิบหนังสือด้านในออกมาชูให้คนขับดู เขายิ้มและพยักหน้ารับ
“ขอบคุณนะครับ และขอโทษด้วยที่ไม่ได้มีอะไรให้คุณเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แก้วก็แค่อยากจะให้คุณ” ชนะศึกเริ่มรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่สมควรจะมาเจออะไรแบบที่เขากับแม่กำลังจะทำเลย หรือเขาควรถอยดี