บทที่ 1.2 คุณหนูรองฉิง

1077 Words
“คุณหนูท่านนี้มาจากตระกูลใดหรือ เหตุใดถึงต้องปกปิดใบหน้าด้วยเล่า” พ่อบ้านใหญ่ของจวนเดินเข้ามาทักสตรีที่แต่งกายชุดแดงโดดเด่นเกินใคร ทว่ากลับไม่ยอมเผยใบหน้าของตนให้เห็น เหมือนอยากทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่ขณะเดียวกันก็ซ่อนความลับบางอย่างไว้ ดูไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง “ข้าอยากพบท่านโหว” เสียงหวานเอ่ยอย่างวางมาด ท่าทีหยิ่งยโสของนางทำให้พ่อบ้านใหญ่ไม่พอใจนัก “เจ้าต้องบอกชื่อแซ่มาก่อนจึงจะเข้าพบท่านโหวได้ มิเช่นนั้นก็ไม่อนุญาตให้เข้าพบ...” ฉิงหนิงอวี่ยื่นถุงเงินแก่พ่อบ้าน ทำเขาตาโต พูดจาติดขัดทันที “เอ่อ...ถึงอย่างนั้น ข้าก็ต้องไปเรียนท่านโหวก่อน” พ่อบ้านคว้าถุงเงินเข้าเก็บไว้ในอกเสื้อ ก่อนหมุนตัวเดินตรงเข้าไปในเรือนหลังใหญ่ ที่ซึ่งรวมเหล่าชนชั้นสูง หญิงงามและอบายมุขทั้งปวงไว้ด้วยกัน ฉิงหนิงอวี่หันหน้าไปยังสวนเบื้องหน้า สองขาก้าวไปหยุดยืนที่หน้าแปลงบุปผางาม ก้มมองดอกจวี๋ฮวาสีเหลืองอร่ามด้วยแววตามุ่งมั่นอยู่นานครู่ใหญ่ “คุณหนูท่านนั้น ท่านโหวอนุญาตให้เข้าพบที่เรือนเล็กทางด้านหลัง!” ได้ยินพ่อบ้านตะโกนบอก ริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มพร้อมผงกศีรษะรับรู้ พ่อบ้านเดินนำฉิงหนิงอวี่มาที่เรือนที่ลับสายตาผู้คน จากนั้นอวยพรให้นางโชคดี เพราะหากปรนนิบัติท่านโหวจนถึงใจได้ เขาอาจรับนางเข้ามาเป็นอนุคนที่ห้าของจวนโหว เท่ากับโชคใหญ่หล่นทับ นั่งกินนอนกินสบายไปทั้งชาติ ประตูบานเล็กถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมสตรีโฉมสะคราญในอาภรณ์สีแดงเพลิงก้าวเข้ามาภายใน เจิงเฮ่าโหวที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วนิ่งชะงักในทันที ความงามของสตรีนางนี้ช่างถูกใจเข้านัก คราแรกเพียงนึกชอบใจในความกล้าของนางที่เรียกหาเขาอย่างเปิดเผย คิดจะสนองความต้องการของนางสักหน่อย แต่ทว่า...นี่มันเพชรเม็ดงามมิใช่หรือ! “สตรีส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ จะแบ่งออกเป็นสองจำพวก หนึ่งคือลูกผู้ดีมีเงิน แต่กำเนิดจากอนุภรรยาหรือสาวใช้ภายในจวน ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้หากปราศจากสามีดีๆ ช่วยหนุนนำ และสองคือหญิงนางโลมที่หวังจะกอบโกยเงินทองจากบุรุษร่ำรวย ไม่คำนึงถึงศีลธรรมถูกผิด ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นสตรีจำพวกไหนกันหรือ” เจิงเฮ่าโหวจัดว่าเป็นบุรุษหน้าตาดี รูปร่างสันทัดไม่สูงหรือเตี้ยจนเกินไป ยิ่งสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงยิ่งยกระดับให้เขาดูคล้ายองค์ชายคนหนึ่งของฮ่องเต้ก็มิปาน เว้นดวงตาแสนเจ้าเล่ห์ ที่ไม่ว่าดูอย่างไรก็ไม่เข้าตาฉิงหนิงอวี่อย่างแรง มือเล็กยกขึ้นปลดผ้าคลุมหน้าออก ก่อนสีหน้าตื่นตกใจจะค่อยปรากฏขึ้นที่หน้าของฝ่ายชาย “คุณหนูรองฉิง!” ฉิงหนิงอวี่ยิ้มน้อยๆ “ตกใจขนาดนั้นเลยหรือท่านโหว” “...” เจิงเฮ่าโหวนิ่งอึ้งจนกล่าวคำใดไม่ออก เหตุใดคุณหนูตระกูลฉิงจึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน!? ใครๆ ต่างก็รู้ว่าตระกูลฉิงเย่อหยิ่งและถือตนเกินผู้ใด มีความสนิทเชื้อกับราชวงศ์มานานหลายสิบปี ทั้งบุตรชายและสาวต่างได้ตบแต่งกับตระกูลดังที่มีอำนาจมากในราชสำนัก รวมทั้งฉิงหนิงอวี่เองก็เป็นถึงคู่หมั้นของบุตรชายเพียงคนเดียวของสกุลเซี่ย ตระกูลขุนนางเก่าแก่ซึ่งน้องสาวของใต้เท้าเซี่ย หรือก็คือท่านอาของเซี่ยเย้าเต๋อเป็นหนึ่งในสนมคนโปรดของฮ่องเต้ “เหตุใดคุณหนูรองถึง...” “ข้าเพียงอยากมาร่วมฉลองงานวันเกิดให้ท่าน” เจิงเฮ่าโหวหัวเราะคำโต “นานทีปีหน ตระกูลฉิงจึงจะมาเหยียบที่จวนข้า กะอีแค่งานเลี้ยงวันเกิด คงไม่คิดลงแรงหรอกกระมัง” “ถูกต้อง ท่านโหวมองออกทะลุปรุโปร่งนัก” ฉิงหนิงอวี่ล้วงหยิบแผ่นกระดาษใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อพลางยื่นให้เจิงเฮ่าโหวด้วยท่าทีสุภาพ “นี่มันแผนที่หรือ” “ข้ารู้มาว่าท่านโหวมีที่ดินอยู่ตามชนบทหลายแห่งจึงอยากขอซื้อต่อท่านสักยี่สิบหรือสามสิบไร่ แล้วแต่ท่านจะแบ่งขาย” “คุณหนูรองอยากได้ที่ดินแห้งแล้งไปทำไมกัน จะทำการเกษตรหรือ ข้าว่าคนไม่มีความรู้เช่นท่านไม่น่าทำได้หรอกนะ” “ท่านโหวจะดูแคลนข้าเกินไปกระมัง เรื่องที่ข้าจะซื้อที่ดินไปทำไม หาใช่เรื่องที่ต้องบอกท่าน ท่านเพียงขายให้ข้าก็พอ” เจิงเฮ่าโหวลูบคางครุ่นคิดอยู่สักครู่ ชำเลืองมองสตรีเบื้องหน้าอย่างพินิจวิเคราะห์ว่านางมารน้อยผู้นี้คิดวางแผนอะไรอยู่หรือไม่ ไม่ใช่ว่าเจิงเฮ่าโหวไม่เคยเจรจาทางการค้ากับสตรี ทว่าทุกครั้งเขาจะต้องรู้รายละเอียดที่มากกว่านี้อีกสักหน่อย เป็นต้นว่าจุดประสงค์ที่ฉิงหนิงอวี่ต้องการที่ดินนั้นเพื่อการใด แต่เจิงเฮ่าโหวก็หาใช่คนโง่เง่าที่แยกแยะไม่ออกว่าควรตะครุบชิ้นเนื้อหรือคลายทิ้งให้เสียของ เขาจึงคิดอยากต่อรองกับนางมากกว่าจำนวนเงิน “คุณหนูรองจะให้ราคาข้าเท่าไหร่” “มากกว่าที่ท่านจะนึกถึง อย่างการยืมกำลังพลทหารสักสองร้อยนายเป็นอย่างไร” เจิงเฮ่าโหวผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ดวงตาจิ้งจอกของเขาเป็นประกายแวบวาบบ่งบอกว่าสนใจในสิ่งที่ฉิงหนิงอวี่กล่าวเมื่อครู่ “ท่านคงไม่คิดกลับคำทีหลังใช่หรือไม่” “พี่ชายคนโตของข้าเป็นถึงราชบุตรเขยฮ่องเต้ ส่วนพี่สาวตบแต่งกับแม่ทัพใหญ่ที่ประจำการอยู่เมืองหน้าด่าน ท่านโหวคิดเอาเองแล้วกันว่าข้าจะสามารถทำได้อย่างที่พูดได้หรือไม่” น้ำเสียงเย็นเยียบกล่าวอย่างมีชั้นเชิง ใบหน้านิ่งสงบดูสุขุมเกินอายุ เจิงเฮ่าโหวนั้นสัมผัสได้ถึงแรงกดดันและสายตาบีบบังคับของนาง ทำเขาเกิดผงะเป็นชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ข้าตกลง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD