บทที่ 1.1 คุณหนูรองฉิง

1078 Words
คำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย หากนางไม่เลือกเดินทางนั้น หากนางเลือกจะก้าวเดินออกจากปัญหาวุ่นวายทั้งหมด ชีวิตนางจะจบลงเช่นนั้นหรือไม่ ฉิงหนิงอวี่ยังคงไม่อาจปล่อยวางเรื่องราวในอดีต หรืออาจเรียกว่าเป็นอนาคตอันใกล้ที่จะเกิดขึ้น สมองเต็มไปด้วยความฉงนสงสัยระคนตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ความตายที่ตนร้องขอกลับกลายเป็นรุ่งเช้าของวันใหม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้า!? “คุณหนูรองได้สติแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ จู่ๆ เป็นลมหมดสติไป บ่าวตกใจแทบแย่” “คุณหนูรอง? ไยเจ้าเรียกข้าเช่นนั้น” สาวใช้กะพริบตาปริบ “เอ่อ... ก็คุณหนูเป็นบุตรสาวคนที่สองของใต้เท้าฉิงและฉิงฮูหยินนี่เจ้าค่ะ” ฉิงหนิงอวี่ยังคงอยู่ในอาการมึนงง พยายามรวบรวมสติของตนนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาแสนขมขื่นที่สุดของชีวิต “ไม่ใช่ว่าข้า...แต่งเข้าสกุลเซี่ยแล้วหรือ” “คุณหนูหมายถึงคุณชายเซี่ยเย้าเต๋อ คู่หมั้นของคุณหนูใช่หรือไม่เจ้าคะ แต่ตอนนี้คุณชายเซี่ยยังไม่กลับมาเมืองหลวงนะเจ้าค่ะ” สาวใช้ยังบอกเพิ่มว่าเซี่ยเย้าเต๋อที่ตอนนี้สมควรสอบคัดเลือกเป็นขุนนางขั้นหกยังคงศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่เมืองกันไห่ ปีหน้าจึงจะเดินทางกลับมาเมืองหลวง “เช่นนั้น...ตอนนี้ข้าก็เพิ่งสิบเจ็ด ซ้ำยังไม่ได้ออกเรือน ยังคงเป็นคุณหนูฉิงหนิงอวี่สินะ” ฉิงหนิงอวี่ทบทวนถึงเรื่องราวที่กำลังเผชิญพลางหยิกแขนตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าตนกำลังฝันอยู่หรือไม่ “หนิงอวี่ เหตุใดวันนี้ถึงเหม่อลอยนัก” ฉิงฮูหยิน มารดาของฉิงหนิงอวี่เดินเข้ามาหาบุตรสาวที่นั่งจิตใจล่องลอยอยู่กลางสวนหิน “ท่านแม่...” ฉิงหนิงอวี่อยากโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ แต่แล้วเหตุการณ์ของฝันร้ายก็ผุดขึ้น ทำนางชะงักมือไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำว่าคิดถึง “คิดถึงคุณชายเซี่ยอยู่หรือ” “ทำไมข้าต้องคิดถึงเขาด้วย” “เจ้าพูดจาแปลกพิลึกอะไร เจ้าพร่ำบอกว่าคุณชายเซี่ยเป็นคู่หมายที่เหมาะสมคู่ควร เร่งวันเร่งคืนอยากจะแต่งกับเขาไม่ใช่หรือไง” ฉิงฮูหยินย่อตัวนั่งลง เอื้อมมือไปจับมือเรียวไว้ มองสำรวจใบหน้างดงามของบุตรสาวอย่างพอใจ “แต่งกับสกุลเซี่ย ช่วยเสริมความมั่งคงให้สกุลฉิง เข้าใจหรือไม่” ฉิงหนิงอวี่มองหน้ามารดาน้ำตาคลอ ด้วยเพราะเป็นบุตรสาวคนรอง ทั้งพี่ชาย พี่สาวและน้องสาวคนเล็กต่างก็ออกเรือนไปกันหมดแล้ว คู่แต่งงานของพวกเขาล้วนมีชาติตระกูลสูงส่งเหมาะสม เหลือเพียงนางที่ถูกสกุลเซี่ยทาบทามสู่ขอไว้ให้บุตรชายตั้งแต่วัยเยาว์ “ท่านแม่... จำเป็นต้องแต่งกับคุณชายเซี่ยจริงๆ หรือ หากเขาไม่ได้มีใจให้ข้าเล่า ข้าจะทำเช่นไร” “คนเราแต่งกันหาใช่เพราะความรู้สึกเพียงอย่างเดียว งานแต่งคือการรวมสองครอบครัวให้เป็นหนึ่ง ส่งเสริมและสนับสนุนซึ่งกันและกัน การที่คุณชายเซี่ยจะรักหรือชอบเจ้าสำคัญตรงไหน อย่างไรเจ้าก็ได้แต่งเป็นฮูหยิน” “ถึงแม้เขาจะแต่งอนุเข้ามาหลายคน ข้าก็ต้องยอมอย่างงั้นหรือ” “บิดาเจ้าก็หาได้มีแม่คนเดียว” ฉิงฮูหยินสูดหายใจเข้าลึก สะกดเสียงที่สั่นเครือของตนไว้ “ไม่ว่าจะอนุ สาวใช้หรือนางคณิกา เดิมทีก็เป็นเรื่องที่สตรีต้องทำใจไว้อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยสอนเจ้าหรือไง เป็นภรรยาเอก อย่างไรก็เป็นที่หนึ่ง อย่าคิดเล็กคิดน้อยนักเลย” ฉิงหนิงอวี่ขบกรามของตน หูอื้ออึงไม่ได้ยินคำสอนของมารดาไปชั่วครู่ ในใจยังคงจำความรู้สึกของการถูกทอดทิ้ง แย่งของรักและเหยียบย่ำให้จมดินอย่างแม่นยำ แม้แต่มารดาที่อยู่ตรงหน้า ยามนางเกิดปัญหาหรือมีเรื่องทุกข์ใจก็มักจะพูดแต่ว่าให้ทำใจและอดทนอยู่เสมอ เพราะเป็นสตรีจึงต้องอยู่ภายใต้เงาของสามี น่าอดสูนัก! ข้าไม่อยากมีชีวิตเช่นนั้นอีกแล้ว ข้าจะไม่ยอมมีชื่อเรียกเป็นเพียงฮูหยิน ทว่าสถานะในใจของสามีกลับตกต่ำเสียยิ่งกว่าสาวใช้ข้างห้อง หากนี่เป็นโอกาสที่จะแก้ไขชีวิตที่ทุกข์ระทมของข้าได้ ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้น จะไม่ยอมเป็นเหมือนเดิม จะไม่เดิมตามเส้นทางเดิมที่ถูกวางไว้เป็นเด็ดขาด! “งานเลี้ยงวันเกิดท่านโหว! คุณหนูอยากไปงานเลี้ยงแบบนั้นหรือเจ้าคะ” งานเลี้ยงแบบนั้นที่เจียอี สาวใช้พูดหมายถึงงานเลี้ยงที่ฉาบหน้าด้วยจุดประสงค์แอบแฝงของเหล่าบุรุษที่หมายอยากเด็ดดมบุปผางามที่หมายตา สตรีที่หวังไต่เต้าอยากเป็นใหญ่ในภายหน้าจะมาประจันความงามกันที่นี่ “คุณหนู... หากฉิงฮูหยินรู้จะต้องโกรธมากเป็นแน่” เจียอีเอ่ยปรามนายของตน ขณะสองมือช่วยพยุงนางลงจากรถม้า “ข้าขอเวลาไม่เกินสองชั่วยาม” “แต่ว่าคุณหนู หากมีใครเห็นท่านในงานนี้อาจไม่ดี” ท่านโหว หรือเจิงเฮ่าโหวมีชื่อเสียงในทางไม่ดีนัก โดยเฉพาะกลิ่นคาวเรื่องโลกีย์นั้นเรียกว่าโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง หากปล่อยให้สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเข้าไปในงานตามลำพัง มีหวังได้ถูกล่อลวงเป็นแน่ “ข้าจะเข้าไปด้วย...” “เจ้าขึ้นไปรอบนรถ” ฉิงหนิงอวี่ดันหลังเจียอีขึ้นไปบนรถม้า ก่อนหันไปสั่งให้คนขับนำรถไปจอดรอที่ทางด้านข้างกำแพงเรือนอีกฝั่งของถนน จากนั้นนำผ้าผืนบางมาคลุมปิดส่วนล่างของใบหน้าตั้งแต่จมูกลงไป “เชิญเลยขอรับ แม่นางทั้งหลายที่มาร่วมงานเชิญทางนี้เลยขอรับ” เด็กรับใช้สองคนทางด้านหน้ากล่าวต้อนรับแขกผู้มาเยือน เว้นบุรุษที่ต้องถูกทหารอีกสามนายตรวจค้นก่อนจึงจะเข้างานได้ เข้มงวดกับบุรุษ อำนวยให้สตรี หากข้าเป็นนักฆ่าก็คงเดินเข้างานไปสังหารเจิงเฮ่าโหวได้อย่างสบายๆ เป็นแน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD