บทที่ 2 ถึงเวลาตัดใจ (1)

1687 Words
เช้าวันต่อมาคนที่เพิ่งอกหักหมาดๆ แผลยังสดใหม่ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหม่นหมอง ดวงตาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนัก ทั้งที่ใจไม่อยากออกไปทำงาน แต่ก็ต้องอดทนเพราะมันคือความรับผิดชอบ เธอในฐานะลูกจ้างดีเด่นจะไม่ยอมเสียรางวัลอันทรงเกียรตินี้เด็ดขาด อกหักยังไงก็ต้องไปทำงาน งานกับหัวใจอย่างไรเสียเธอก็ต้องเลือกเงินไว้ก่อน ประดับดาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เห็นสภาพหน้าตาตัวเองในกระจกแล้ว อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ นั่นเธอเหรอทำไมหน้าโทรมจัง!? ไม่ได้เด็ดขาดเธอต้องปกปิดร่องรอยความเสียใจนี้ให้มิด ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ใบหน้าที่เคยดูเหมือนศพก็กลับมาสวยใสเหมือนนางฟ้าอีกครั้ง ความลับนางฟ้าเป็นแบบนี้สินะ หญิงสาวถามตัวเองหลังจากส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อย “ถึงจะอกหักแต่ก็ต้องสวยค่ะ เชิดไว้ไอ้ดาว” คนอกหักยิ้มสู้ พร้อมชูสองนิ้ว ต้องขอบคุณเครื่องสำอางจริงๆ ทำให้หน้าศพกลายเป็นหน้าสวยได้ในพริบตา ประดับดาวมองซ้ายมองขวา สำรวจความเรียบร้อยเสร็จก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างเดินออกจากบ้าน ไปตามทางที่เจ้าของไร่สร้างเอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนทำงาน ปกติเธอจะปั่นจักรยานไป ทว่าวันนี้อยากจะใช้ธรรมชาติบำบัดใจที่เจ็บจึงเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ จนถึงอาคารสำนักงาน ซึ่งตั้งอยู่ในโซนที่อนุญาตให้แขกเข้าชม ส่วนบ้านของตัวเองกับเจ้านายอยู่ในโซนคนนอกห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต “อ้าวหนูดาวทำไมวันนี้มาทำงานเร็วจังเลยลูก” ป้าแม่บ้านกำลังก้มๆ เงยๆ กวาดพื้นหันมาเห็นสาวน้อยหน้าใสยืนอยู่ข้างหลังจึงทักทาย ปกติพนักงานจะมาทำงานกันประมาณแปดโมง แต่ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง ป้าช้อยเป็นแม่บ้านต้องมาทำความสะอาดก่อนพนักงานออฟฟิศจึงรู้ว่าใครมักจะมาเวลาไหน “วันนี้ดาวตื่นเช้าจ้ะป้าช้อย ก็เลยมาทำงานเร็ว” ไม่อยากบอกหรอกว่านอนกี่โมงเดี๋ยวจะโดนถามอีก ป้าช้อยเปรียบเสมือนเครื่องกระจายข่าวขององค์กร ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร รู้ไปหมดทุกเรื่อง ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนเธอก็แอบสงสัย ป้าช้อยคือหน่วยสืบราชการลับหรือเปล่า ทำไมถึงรู้เรื่องชาวบ้านดีนัก “มีอะไรกินหรือยังลูก มีขนมที่ป้าทำมาจากบ้านนะอยู่ในครัว ไปกินเลยไม่ต้องเกรงใจ” ถึงป้าแกจะมีนิสัยเป็นป้าข้างบ้างชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น แต่ป้าช้อยเป็นคนมีน้ำใจทำให้คนในออฟฟิศไม่ถือสาหาความ “ยังเลยค่ะ ดาวขอกินนะจ๊ะป้าช้อย ขนมฝีมือป้าช้อยอร่อยมาก” คนอกหักยิ้มหวานลาภปากของแท้ ใครๆ ก็รู้ขนมของป้าช้อยไม่เป็นสองรองใคร บางครั้งคนในที่ทำงานบอกให้แกทำขนมมาขายแต่แกไม่เอา อยากทำขนมตามอารมณ์มากกว่า “เอาเลยๆ ป้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหมลูก” คุณป้าแม่บ้านขยับเข้าไปใกล้เด็กรุ่นหลานอีกนิดก่อนจะเอ่ยถาม เรื่องนี้ไม่ถามไม่ได้เลยเพราะมีคนฝากมา ป้าช้อยเองก็อยากรู้เหมือนกัน ประดับดาวงงเล็กน้อยกับสายตาของคนแก่กว่า แต่ไม่ได้คิดอะไรมากจึงพยักหน้าตกลง “ถามมาได้เลย ถ้าตอบได้ดาวจะตอบ” เธอแอบภาวนาขอให้เรื่องสารภาพรักเมื่อคืนไม่มีใครรู้ใครเห็น โดยเฉพาะป้าแม่บ้านคนนี้ หญิงสาวพยายามทำหน้านิ่งกลบเกลื่อนความกลัว หากเรื่องที่ทำลงไปเมื่อคืนมีคนเห็นเข้าเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ป้าจะถามว่าหนูมีแฟนไหม” นึกว่าจะถามเรื่องอะไร ประดับดาวแอบโล่งอก รีบตอบคำถามโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา “โสดดด...สนิทเลยจ้ะป้าช้อย ใครเขาจะเอาดาว” ไม่ใช่ไม่มีใครเอาแต่เธอเองต่างหากที่ไม่ยอมเปิดใจคุยกับใคร ประดับดาวบอกตัวเอง หลังจากนี้เธอจะเปิดใจให้คนที่เข้ามาขายขนมจีบแล้ว มาเลยค่ะดาวพร้อมจะคุยกับทุกคน “เยอะแยะไป หลานชายป้ามันถามเรื่องหนู ป้าก็เลยช่วยมาถามแทนมัน ถ้าหนูไม่มีแฟนป้าจะได้ไปบอกมันตามตรง” เพราะเรื่องนี้แหละป้าช้อยถึงได้ถามความโสดจากปากประดับดาว “หลานชายป้าคนไหน ป้ามีหลานตั้งหลายคน” คนสวยเอียงคอคิดเล็กน้อย ญาติป้าช้อยมีจำนวนเยอะพอสมควร รุ่นหลานนับกันแทบไม่ไหว “ก็ไอ้เก่งกล้าไง รายนั้นปลื้มหนูมากเลย” “ใครอะคะป้าช้อย” “จำไม่ได้ละสิคนไหน” “เก่งกล้าเหรอ ชื่อคุ้นหูแต่ดาวจำไม่ได้จริงๆ” “หลานป้าที่เคยเล่นกับหนูตอนเด็กไง” “เล่นด้วยกันตอนเด็ก? ใช่คนอ้วนๆ ไหมคะ” “คนนั้นแหละ ตอนนี้มันไม่อ้วนแล้ว มันหล่อมาก” “อ้อ ดาวจำได้แล้วค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย” “มันไปอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ แต่ตอนนี้ย้ายกลับมาแล้ว หลายวันก่อนมันเจอหนูแถวตลาดมันจำได้ มันก็เลยมาถามป้า ว่าหนูมีแฟนไหม” “ตอบไปเลยค่ะ หนูโสดสนิท แม้แต่คนคุยยังไม่มี” “เดี๋ยวป้าจะไปบอกมัน ว่าหนูดาวโสดสนิท” ผู้หญิงต่างวัยคุยกันอย่างถูกคอ หารู้ไม่แสงเหนือกำลังยืนฟังอยู่ตรงประตู ชายหนุ่มคิ้วขมวดไม่รู้ตัวหลังจากได้ยินป้าแม่บ้านนัดแนะประดับดาวออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน เจ้านายแอบฟังจนรู้เรื่องแล้วถึงได้แสดงตัวด้วยการกระแอมเบาๆ เป็นการส่งสัญญาณ ป้าช้อยหันมาเห็นก่อนจึงสะดุ้ง ไม่รู้ตัวเองหลุดเมาท์เรื่องคุณแสงเหนือกับประดับดาวบ้างไหม เวลาคุยแล้วเพลินชอบพูดไปเรื่อย “อ้าวคุณเหนือมาตั้งแต่ตอนไหนคะ ป้าตกใจหมดเลย” “ผมเพิ่งมาครับ ป้าช้อยไม่ต้องชงกาแฟให้ผมนะครับ เดี๋ยวประดับดาวจะดูแลเอง” “ดาวเหรอคะ แต่ดาวไม่เคยทำ คุณเหนือให้ป้าช้อยทำดีกว่า” “เจ้านายสั่ง ลูกน้องไม่อยากทำตาม ได้เหรอครับป้าช้อย” “ไม่ได้ค่ะ หนูดาวทำได้ลูก สู้ๆ เอ่อป้าขอตัวก่อนนะคะ” “ป้าช้อยอย่าเพิ่งไป ดาวทำไม่เป็น” “ไปเถอะครับป้าช้อย ทางนี้ผมจัดการเอง” “ค่ะ สู้ๆ นะหนูดาว ป้าขอตัว” คนแก่สุดรับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมของสองคนนี้จึงรีบปลีกตัวไปทำความสะอาดบริเวณอื่น ประดับดาวถอนใจเล็กน้อยก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานหยดกลบเกลื่อนความรู้สึก ที่มีทั้งความเศร้า ความเสียใจและความไม่เข้าใจ เจ้านายใจร้ายจะมาให้เธอเห็นหน้าทำไม คนเพิ่งถูกเขาหักอกยังจะมาใช้งานอีก บอกตามตรง ร้ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว “ไปสิคุณ ผมอยากดื่มกาแฟ” “คุณเหนือคะ ดาวทำไม่เป็นจริงๆ” “ไม่เป็นก็ต้องหัด ของแบบนี้มันฝึกกันได้” “ค่ะ ทำก็ทำ” แสงเหนือผายมือไปทางห้องครัว แล้วประดับดาวจะทำอะไรได้นอกจากทำตามคำสั่ง คนไม่ชอบดื่มกาแฟซ้ำยังไม่เคยชงยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนดี สุดท้ายเจ้านายหนุ่มก็ต้องเดินเข้ามาช่วย “ชงกาแฟแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ไม่เห็นจะยากเลย” เขาตำหนิเธอด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง ดวงตาคู่คมแอบสังเกตสีหน้าหญิงสาวไปด้วย ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าคนข้างกายไม่ค่อยสดใสเหมือนทุกวัน คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน “ก็ดาวไม่ชอบดื่มกาแฟ” “จริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ” “ดาวจะโกหกทำไม เกิดมายังไม่เคยทำให้ใครดื่มเลย” “งั้นก็ทำให้ผมดื่มคนแรกสิ มาผมจะสอนคุณเอง เริ่มจาก...” ชายหนุ่มจัดการหยิบแก้วกาแฟเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ทำตามขั้นตอน สอนด้วยความตั้งใจ ส่วนประดับดาวยืนมองด้วยความเพลิดเพลิน ก่อนจะสะดุ้งกับเสียงโทรศัพท์ เห็นเป็นเบอร์ของเวคินจึงรีบกดรับ “สวัสดีค่ะพี่เวย์ อ้อค่ะ เที่ยงนี้คงไม่สะดวก ไว้ค่อยนัดกันใหม่นะคะ ค่ะสวัสดีค่ะ” ชายหนุ่มโทรมาชวนหญิงสาวออกไปกินข้าวด้วยกัน แต่วันนี้ประดับดาวมีนัดกับป้าช้อยแล้ว แสงเหนือแอบยิ้มในใจอย่างไม่รู้ตัว มุมปากยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากได้ยินประดับดาวปฏิเสธเวคิน เขายืนฟังอย่างเงียบเชียบจนกระทั่งหญิงสาววางสาย “เที่ยงวันนี้คุณมีธุระเหรอ” “ค่ะ คุณเหนือมีอะไรจะใช้งานดาวไหมคะ” “เปล่าไม่มี เชิญคุณไปทำธุระได้ตามสบายเลย” “คือเรื่องเมื่อคืนดาวขอโทษด้วยนะคะ ต่อไปดาวจะไม่ทำให้คุณเหนือลำบากใจอีก” “...” ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อยไม่คิดว่าหญิงสาวจะเอ่ยขอโทษ “ดาวสัญญาค่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดาวจะเป็นลูกน้องที่ดีของคุณเหนือตลอดไป” “ผมก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกันที่พูดแบบนั้น” “ดาวไม่โกรธคุณเหนือค่ะ ดาวเข้าใจ หวังว่าเราจะทำงานเป็นเจ้านายกับลูกน้องได้เหมือนเดิม” “ครับ งั้นผมขอตัวก่อน” แสงเหนือก้าวเท้าออกไปจากห้องครัวพร้อมกับกาแฟในมือด้วยความรวดเร็ว ไม่รู้ทำไมคำพูดของประดับดาวเมื่อสักครู่ถึงได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ หลังจากนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยเขาก็สรุปเอาเองว่า ต้องหาเวลาไปตรวจสุขภาพบ้างแล้ว เพราะอาการที่เป็นอยู่อาจเกิดจากโรคหัวใจก็เป็นได้ “ทำงานหนักเกินไปแล้วเรา ต้องไปให้หมอตรวจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD