บทที่3 อะไรที่ควรเกิดก็เกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรโชคชะตาก็ยังหมุนวนกลับมาที่เดิม มนุษย์ก็ทำได้เพียงตั้งรับและสู้กลับเมื่อถึงเวลาที่สามารถทำได้ด้วยกำลังตัวเองเท่านั้น
น่าเสียดายตรงนี้มีเทพหลุดวงโคจรมาหนึ่งนาง โชคชะตาเลยไม่อาจเล่นตลกได้อีกต่อไป
“แม่คะ เกิดอะไรขึ้น” เหมยลี่ที่รออยู่ในบ้านและเตรียมปูที่นอนห้องเธอเอาไว้แล้วตามคำสั่งก่อนมารดาผลุนผลันออกจากบ้านไป โผล่ออกมาถามเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน
“อาเหมยเตรียมน้ำอุ่นมา อาเทียนพามู่ฮวาเข้ามาในห้องของน้อง วางเธอไว้บนเตียง” หนานชิงไม่ได้กล่าวตอบ จากสถานการณ์ก็ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยอะไรกันเยิ่นเย้อ เหมยลี่รีบวิ่งไปที่ครัวทันที หมิงเทียนเองก็พาคนในอ้อมแขนเข้าไปในห้องน้องสาวตามที่แม่บอก
“เอาล่ะอาเทียนออกไปก่อน ไม่ต้องห่วงมู่ฮวาไม่เป็นอะไรไปหรอก” หนานชิงเอ่ยปากไล่ลูกชาย
“...” เห็นเขายังยืนอึ้งอยู่ก็หันไปผลักผู้ชายตัวโตออกจากห้องไปอย่างง่ายดาย พอดีกับที่เหมยลี่ถืออ่างน้ำอุ่นมาถึง จึงยื่นมือไปรับ
“อาเหมยไปเอาชุดของแม่ ไม่สิ เอาชุดของลูกออกมาไว้เปลี่ยนให้มู่ฮวา หมิงเทียนไม่ว่าใครจะมาที่บ้านเราก็ให้รออยู่ข้างนอก ตอนนี้การช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด ห้ามให้ใครมาวุ่นวายเข้าใจมั้ย!”
“ครับแม่!” หมิงเทียนรับปากอย่างหนักแน่นก่อนจะถูกแม่ปิดประตูใส่หน้า เขารีบหันไปหน้าบ้าน ยืนปักหลักเป็นภูเขาลูกโตไม่ยอมให้ใครเข้าไปในห้องเด็ดขาดจนกว่าผู้เป็นมารดาจะอนุญาต
“...” ด้านเหมยลี่เข้ามาในห้องก็รีบค้นหาเสื้อผ้าตัวเองที่ยังไม่ได้สวมใส่เพราะมันขนาดใหญ่เกินไป จำได้ว่าเมื่อปีก่อนอาหญิงเมิ่งเอามาแกล้ง แม้แบบจะเชยไปบ้างแต่ก็น่าจะขนาดพอดีกับมู่ฮวาที่สูงกว่าเธอ
“แม่คะนี่ผ้าเช็ดผม เอ๊ะ…” หันกลับมาอีกทีก็เห็นมารดากำลังใช้มือ วางบนอกของหญิงสาวหน้าซีดที่นอนอยู่บนเตียง เหมยลี่มีความรู้สึกเหมือนตาฝาดเห็นแสงสีทองวูบหนึ่ง แต่คงจะตาฝาดจริงๆ เพราะเมื่อกระพริบตาแสงนั้นก็หายไป
“พี่สาวมู่ฮวาเป็นยังไงบ้างคะแม่” เหมยลี่เดินเข้าไปใกล้ ยื่นผ้าเช็ดผมให้ก่อนจะพบว่าชุดของมู่ฮวา รวมถึงเผ้าผมแห้งกริบไร้หยดน้ำ ได้แต่อ้าปากค้างมองมารดา นี่คงเป็นพลังของแม่อีกแล้ว!
“ไม่เป็นอะไร แค่ตกใจนิดหน่อย” กล่าวจบก็ขยับออกมา
“อาเหมยช่วยเปลี่ยนชุดใหม่ให้พี่สะใภ้ แล้วก็ออกไปบอกหมิงเทียนว่าถ้าเลขาธิการมาก็ให้เขารอก่อน ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตคนอยู่”
“ได้ค่ะ” ขานรับก่อนจะรีบเข้าไปช่วยเปลี่ยนชุด โดยใช้ผ้าห่มคลุมเอาไว้ด้านบน พอถอดชุดของอีกฝ่ายออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจมาก ถึงจะเก่าแต่ราวกับเพิ่งซักตากแดดมาใหม่ๆ นี่คือพลังของแม่เธองั้นเหรอ? นอกจากจะทำให้พืชผักเติบโต ทำให้ไข่อร่อยแล้ว ยังสามารถใช้ซักผ้าได้?
“อย่ามัวคิดอะไรไร้สาระ เสร็จแล้วก็ออกไปก่อน แม่มีอะไรต้องคิดหน่อย”
“ค่ะ” เหมยลี่เดินออกจากห้อง ปิดประตูและบอกพี่ชายตามที่แม่สั่ง ก่อนจะเดินเข้าครัวไปเตรียมอาหาร เห็นในบ้านเหลือข้าวอยู่ไม่มากแล้วแต่ก็ยังหยิบมาใช้โดยไม่กลัวเปลือง เพราะตอนนี้แม่ของเธอเปลี่ยนไป ไม่ได้ขี้เหนียวเหมือนเดิมแล้ว ดูเหมือนจะสุขุมและใจดีขึ้นมาก คงเพราะพลังวิเศษที่ได้รับมาแน่นอน
ด้านหนานชิงหลังจากลูกสาวออกไปแล้วก็อดคิดไม่ได้ ในชีวิตก่อนหน้านี้ เพราะเศร้ากับเหตุการณ์ที่หมิงเทียนต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น มู่ฮวาจึงตัดสินใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย ในนิยายไม่ได้บอกไว้แน่ชัดว่าเป็นวิญญาณอีกคนหนึ่งที่เข้ามา หรือความทรงจำที่มู่ฮวาได้รับหลังจากนั้นมาจากไหน มันก็แค่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตัวละครนางเอกนิยายคนหนึ่งเท่านั้น
แต่เมื่อหนานชิงตรวจสอบดูก็พบบางอย่าง
‘ดูเหมือนว่า การที่มู่ฮวาคิดว่าทะลุมิติมาในยุคอดีตจะไม่ใช่แบบนั้น’ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นและมันก็คือ…
‘การกลับชาติมาเกิด’
‘ดูเหมือนจะเป็นการระลึกชาติได้ และบางทียุคปัจจุบันก็อาจจะเป็นชาติภพหนึ่งในอดีตของมู่ฮวา’ ไม่มีใครสามารถบอกกฎที่ตายตัวของห้วงเวลาได้แม้กระทั่งเทพเซียน บางครั้งแม้จะย้อนเวลามาในยุคสมัยที่โบร๊าณโบราณ แต่ก็อาจจะเป็นชาติภพปัจจุบันของดวงวิญญาณนั้นก็ได้ อย่างเช่นมู่ฮวา
‘บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ตอบได้ว่า ทำไมตอนนั้นมู่ฮวาถึงตัดสินใจรักหมิงเทียนต่อไป’ มันดูไม่สมเหตุสมผล ถ้าเป็นวิญญาณของคนอื่นมาเข้าร่างมู่ฮวาก็ไม่ควรที่จะมีความรู้สึกต่อหมิงเทียนอีกต่อไป
เพราะฉะนั้นหนานชิงเลยต้องการตรวจสอบด้วยตัวเอง และหลังจากตรวจสอบก็พบว่าเป็นการรวมตัวกันของเสี้ยววิญญาณที่มาจากแหล่งเดียวกัน หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘การระลึกชาติ’ นั่นเอง
“อือ” มู่ฮวาลืมตาขึ้น เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ตรงหน้า จำได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเพิ่งจะโดนลูกหลงจากการปล้นกลางห้างฯ คิดว่าตอนนี้อาจจะอยู่โรงพยาบาล แต่กลับโผล่มาที่ไหนก็ไม่รู้
“อึก โอ้ย!” ก่อนที่จะทันได้สงสัย ภาพความทรงจำแปลกๆ ก็ซ้อนทับเข้ามา ไม่นานก็สามารถทำความเข้าใจได้ แถมราวกับเธอได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายนี้ ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของร่างกายถูกถ่ายทอดอย่างไม่ขาดตก
“คุณป้า…” เอ่ยเรียกคนตรงหน้าเสียงสั่น จะไม่ไหวสั่นได้ยังไง ขนาดเคยเจอกันแค่ไกลๆ ยังดูออกว่ามารดาของหมิงเทียนไม่ชอบตนเอง ถ้าจำไม่ผิดก่อนหมดสติก็เห็นหมิงเทียนเป็นคนลงไปช่วยตนเองจากในน้ำ
นี่ยังอยู่ในยุคคร่ำครึ ไม่แน่ครอบครัวของหมิงเทียนอาจเข้าใจว่าตนเองทำเช่นนั้นเพื่อแต่งงานกับเขาก็ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว นึกโทษข้าวของที่วางระเกะระกะทำให้ตนเองสะดุดจนหล่นลงไปในน้ำไปจริงๆ
“คุณป้าคือ หนูไม่ได้คิดที่จะ…” ก่อนที่หญิงสาวจะได้แก้ตัว ตามประสาคนจากยุคปัจจุบันที่ปากไวใจกล้า หนานชิงก็ยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องพูดมาก เพิ่งจะตกน้ำตกท่ามา คงตกใจแย่แล้ว เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยว่ากันเถอะ ตอนนี้นอนพักเอาแรงไว้ก่อน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น ผลักไหล่บอบบางผอมแห้งของเด็กสาวให้นอนลงที่เดิม ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมให้อย่างดี
“เอ่อ” มู่ฮวาตามไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของคุณป้าที่ได้ชื่อว่าปากร้าย ใจร้ายอันดับหนึ่ง ถึงขนาดว่าบ้านที่ยากจนที่สุดในหมู่บ้าน ยังคิดแล้วคิดอีกหากจะแต่งเข้าตระกูลหยาง เพราะแม่สามีที่แสนขี้เหนียวใจร้ายนี่แหละ
หารู้ไม่ว่าตอนนี้แม่สามีใจดีเข้ามาหลอมรวมแทนที่ และต้องการชดใช้ให้แล้วต่างหาก
“นอนพักก่อน ฉันจะออกไปดูข้างนอก” พอดีกับเสียงความวุ่นวายที่ดังขึ้นจากหน้าบ้าน หนานชิงคิดว่าคงถึงเวลาแล้ว
“อะไรที่ควรมาก็มาพร้อมแล้ว ถึงเวลาซะที” หญิงสาวกล่าวรำพันเหมือนพูดกับลมกับฟ้า ก่อนเดินออกจากห้องทิ้งให้มู่ฮวามองตามหลังไปอย่างสงสัย
มู่ฮวานิ่งค้างเพราะกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวของตัวเอง เธอเป็นนักกีฬาทีมชาติยิงธนู ในตระกูลคนรุ่นเธอเหลืออยู่ตัวคนเดียวเพราะพ่อแม่และญาติล้วนเสียชีวิตจากโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ระหว่างกำลังเดินห้างฯพักผ่อนในวันหยุด จู่ๆ ก็มีการยิงกันเกิดขึ้น และ…
เมื่อมองจากสภาพการณ์แล้วเธออาจจะตาย หรือไม่ก็บาดเจ็บหนักโคม่า จนวิญญาณย้อนกลับมาในอดีต หลอมรวมเข้ากับร่างนี้ ถึงขนาดที่ว่า มู่ฮวาคนนี้รักชอบใครเธอก็รักด้วย กลัวใครเธอก็กลัวด้วย
อย่างเช่นคุณป้าคนเมื่อครู่ มู่ฮวาตกใจแทบตายอย่างกับเห็นยมทูต คงเพราะความกลัวของร่างกายนี้เป็นเหตุแน่ๆ
‘ฉันจะทำยังไงต่อไปดี จะใช้ชีวิตในยุคสมัยที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง และดูแลน้องๆ …น้องๆ อีกสามคนได้ใช่มั้ย?’ หญิงสาวนึกสงสัยในตัวเอง ก่อนที่เสียงพูดคุยจากหน้าบ้าน ทำให้เธอต้องลุกจากเตียงเพื่อไปแอบฟังว่าเขาคุยอะไรกัน
.
ด้านนอกบ้าน ตอนนี้มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งรวมถึงหัวหน้าหมู่บ้านที่ได้ข่าว รีบมาที่บ้านของหนานชิง ทั้งเพื่อดูความสนุก และเพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น
“สหายหนานนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมลูกชายของคุณ ทำให้ถิงถิงลูกสาวผมต้องอับอายขนาดนี้ คุณจะรับผิดชอบยังไง”
“เลขาธิการ มาถึงก็ปรักปรำกันอย่างนี้ คุณมีหลักฐานอะไรนอกจากคำบอกเล่าของหวังถิงถิงงั้นเหรอ” หนานชิงเอ่ยแย้งอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่ปกติไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเหล่าหวัง เพราะเขาได้ขึ้นเป็นถึงเลขาธิการกองพลน้อย มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
“...” เห็นว่าสามีตัวเองอึกอัก นางหวังก็รีบดึงลูกสาวที่ร้องไห้จนตาแดงออกมา
“หนานชิง นี่มันอะไร ลูกชายของคุณทำให้ลูกสาวของฉันต้องเสียใจเพราะนางจิ้งจอกมู่ฮวาคนนั้น ยังไม่พอเขาทำให้ถิงถิงอับอายขายหน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน คุณยังต้องการเกี่ยวดองกับลูกสาวของเราอยู่อีกงั้นเหรอ ฉันไม่รับ และตอนนี้ คุณต้องชดใช้ที่ลูกชายของคุณทำให้ถิงถิงต้องเสียใจ”
หนานชิงมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งๆ บรรยากาศรอบกายของเธอเพียงพอที่จะกดดันคนได้ แต่เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้าใจผิดก็ยังต้องว่ากันตามเหตุผลและหลักฐานอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก็กองเอาไว้ตรงนั้นแหละ! หมิงเทียน ยังจะมุดหัวอยู่ตรงนั้นอีก เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับถิงถิงและมู่ฮวา อธิบายให้หัวหน้าหมู่บ้านฟังเดี๋ยวนี้” หนานชิงไม่ได้โยนเผือกร้อนให้ลูก แต่ตอนเกิดเหตุอยู่ในช่วงพักกลางวันแทบไม่มีพยานที่เห็นชัดๆ เลย ถ้าปล่อยให้ถิงถิงโวยวายคนเดียว เห็นทีจะแย่แล้ว
ว่าแล้วยังใช้พลังจี้เข้าที่จุดเจ็บตอนผลักลูกชายตัวโตออกไป ทำให้เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ยังไม่รีบพูดอีก เกิดอะไรขึ้น!”
หมิงเทียนสะอื้น น้ำตาแทบไหลแล้ว แต่ก็ยังพูดอธิบายออกมา
“ตอนนั้นเพิ่งพักเที่ยง มู่ฮวากลับบ้านไปก่อนเพราะจะไปพักผ่อนแต่ลืมของเลยกลับมา เห็นถิงถิงเอ่อ…กอดผมอยู่พอดีก็ตกใจก้าวพลาดตกน้ำไป ผมร้อนใจรีบไปช่วยมู่ฮวาเลยผลักถิงถิงออกไป บอกให้รีบกลับไปหาพ่อของเธอ ก่อนจะช่วยมู่ฮวาขึ้นมาจากน้ำอย่างที่ทุกคนเห็น”
ถึงหมิงเทียนจะเป็นคนโง่ แต่มีชื่อเสียงในเรื่องความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ชาวบ้านล้วนไม่สงสัยในคำพูดของเขา และเริ่มชี้ไม้ชี้มือไปทางหวังถิงถิง
“หน้าไม่อายจริงๆ กล้ากอดกับผู้ชายได้ยังไง” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นการตำหนิหวังถิงถิง ถ้าตอนนี้ยังมีทหารแดงคาดว่าคงมีคนจมน้ำลายตายแน่นอน
“ไม่จริง ต้องเป็นหมิงเทียนที่ทนไม่ไหว เข้าไปปลุกปล้ำลูกสาวฉันก่อนแน่ๆ โถ~ ลูกแม่”
“สหายหยาง จะพูดอไะรออกมาก็ต้องคิดก่อน คุณกำลังทำร้ายชื่อเสียงลูกสาวผม” พ่อแม่ของหวังถิงถิงรีบเข้าไปปกป้องลูกสาว
แต่หมิงเทียนและหนานชิงแน่นิ่งไม่ไหวติง ราวกับเฝ้ามองพ่อแม่ลูกครอบครัวหวังแสดงปาหี่อยู่ตรงหน้า ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าพวกเขาน่าเชื่อถือมากกว่าคนที่โวยวาย
หวังถิงถิงเห็นอย่างนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบพูดขึ้นมา
“ฉัน ฉันไม่ได้ทำ มู่ฮวาแค่…แค่เห็นจากด้านหลังเลยเหมือนเรากอดกัน แต่จริงๆ ไม่เป็นอย่างนั้น ใช่มั้ยหมิงเทียน ใช่มั้ย!” หวังถิงถิงยังฉลาด รู้ดีว่าถ้าเรื่องที่หล่อนกอดผู้ชายคนอื่นก่อนถูกรู้เข้า การแต่งงานในตระกูลที่ดีคงเป็นไปไม่ได้แล้ว รีบส่งสายตาขอให้หมิงเทียนช่วยเออออ
หนานชิงเห็นเด็กสาวยอมแพ้ง่ายขนาดนั้นก็ผลักลูกชายเบาๆ ก่อนจะพูดแทนเขา
“เรื่องหวังถิงถิงกับอาเทียนของตระกูลหยางเราเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนั้นมู่ฮวามองผิด อาเทียนก็ร้อนใจ”
“ไม่จริง ไม่จริงลูกสาวฉัน…” เมื่อแม่หวังพยายามจะพูดอะไร หวิงถิงถิงก็รีบดึงตัวแม่ไว้แน่น
“แม่ นี่เป็นเรื่องจริง ปล่อยไปเถอะ ปล่อยไป” ประโยคหลังหวังถิงถิงยังแอบกระซิบ ทำให้แม่หวังรับรู้ว่าเป็นลูกสาวตัวเองที่ผิดจริงๆ ส่วนพ่อหวังนั้นกว่าจะขึ้นมาระดับนี้เขาไม่ใช่คนโง่ ย่อมเงียบไปนานแล้ว
หนานชิงเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็พูดต่อ
“แต่ในเมื่อทุกคนมาถึงนี่แล้ว ฉันก็จะพูดให้ชัดเจน อย่างไรมู่ฮวาและหมิงเทียนก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก มีความผูกพันอย่างลึกซึ้ง วันนี้ฉันขอประกาศว่า ตระกูลหยางจะรับมู่ฮวาเป็นเจ้าสาวของหมิงเทียนอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนร่วมยินดีด้วย”
“ยินดีด้วยนะ” พอมีคนเปิดปากกล่าวยินดี ก็มีคนพูดตามจนเสียงดังระงม พ่อแม่ตระกูลหวังล้วนตะลึงกับสถานการณ์ที่พลิกกลับอย่างรวดเร็ว
หนานชิงและลูกๆ ล้วนโล่งอกที่เรื่องจบด้วยดี กระทั่งได้ยินเสียงเอ่ยค้านดังขึ้นจากด้านหลัง
“ฉันไม่แต่ง!”