บทที่2 บอกตามตรง

3209 Words
บทที่2 บอกตามตรง “ในเมื่อมากันพร้อมหน้าแล้ว แม่ก็จะบอกตามตรง” “เหตุผลที่มีองุ่น แล้วไข่ก็อร่อยใช่มั้ยคะ” สาวน้อยแสนรู้เอ่ยถามด้วยดวงตาเป็นประกาย เหมยลี่ยังมีโอกาสได้อ่านนิยายบ้างเพราะไม่ต้องไปทำงานในทุ่ง จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นกับบ้านเรารึเปล่า ทำไมแม่ต้องทำเป็นลึกลับขนาดนี้ “หรือว่าพ่อกลับมาจริงๆ ครับ” “พ่อเธอกลับมาก็ดีสิ” หนานชิงส่ายหน้าระอาลูกชายคนโตช่างคิดเหลือเกิน “หรือว่าคุณแม่…” เหมยลี่อ้าปากมองมารดา ก่อนจะน้ำตาคลอ ตาแดงก่ำแล้วเข้าไปกอดเอวแม่ไว้หลวมๆ “แม่คะ อย่าบอกนะว่าตอนนี้แม่ตายไปแล้ว เป็นคนอื่นมาสวมร่างของแม่แทน ถึงแม้ว่าหนังสือพวกนั้นจะถูกทางการเก็บไปหมดแล้ว แต่หนูเคยได้อ่านอยู่เล่มหนึ่ง แม่ที่มาใหม่จะมีพลังวิเศษมากมาย แต่ถ้าไม่ใช่แม่คนเดิมหนูก็ไม่เอาหรอกนะคะ” “เด็กดี” หนานชิงลูบหลังลูกสาว รู้สึกดีใจที่มีเด็กน่ารักๆ เช่นนี้เป็นลูก ทำไมชาติก่อนถึงยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับพวกนั้นจนทำให้ต้องตายกันนะ “ไม่จริง ไม่ใช่แบบนั้นใช่มั้ยครับแม่” เจ้าตัวโตได้ยินน้องสาวพูดก็คิดตาม ใบหน้าซีดเผือดหันมองมารดาเป็นตาเดียว “ไม่ใช่หรอก” “ไม่ใช่ก็แล้วไป” เหมยลี่ถอนหายใจโล่งอก ปาดน้ำตาออกจากหน้า ยิ้มร่ากลับไปนั่งที่ตัวเองอย่างสงบ อารมณ์เปลี่ยนไวราวกับเปลี่ยนหน้า ทำให้หนานชิงหัวเราะเบาๆ ลูกสาวของเธอเล่นละครเก่งไม่น้อย คงอยากจะทดสอบเธอล่ะสิ “แต่ก็ใกล้เคียง” “...” ลูกทั้งสองคนหน้าซีดหันมองแม่พร้อมเบิกตากว้าง ก่อนจะเข้ามาจับมือแม่คนละข้าง รอฟังอย่างใจจดใจจ่อว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “ที่จริงแล้วแม่ก็เหมือนตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ที่พูดถึงไม่ได้ จากนั้นเมื่อกลับมาก็พบว่าตนเองมีความรู้ และพลังแล้ว” “พลัง…พลังที่ทำให้องุ่นโตเหรอคะแม่” “แล้วก็ทำให้ไข่อร่อยใช่มั้ยครับ” “พี่ใหญ่! มันจะเป็นแค่ไข่อร่อยได้ยังไงกันล่ะคะ แม่คะ ไข่นั้นคือ? หรือว่าจะเป็นไข่วิเศษ” เหมยลี่ท่าทางตื่นเต้นมาก “ไข่วิเศษ แม่จะเอาไข่เพิ่มมั้ยครับ แต่ใช้ของผมไม่ได้นะ ผมยังต้องแต่งงาน” ว่าแล้วเจ้าตัวโตก็ขยับถอยห่างไปอย่างกลัวๆ หนานชิงถอนหายใจระอากับลูกๆ ทั้งสองที่ต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งก็แสนฉลาด อีกคนหนึ่งก็ทึ่มเสียไม่มี “ใช่ องุ่นที่โต และไข่ที่อร่อย ถ้าจะพูดแล้วเหมือนแม่มีพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมา” “แบบที่ทำให้พืชผักโตเร็วเหมือนในนิยายใช่มั้ยคะ” เหมยลี่เอ่ยถาม “ใช่” “แล้วก็ทำให้ไก่ออกไข่อร่อยๆ” “ก็…ไม่เชิง แต่ก็ใกล้เคียง” ไข่ใบนั้นเพียงแค่หนานชิงถ่ายเทพลังทิพย์เข้าไปมากหน่อยเพื่อบำรุงลูกๆ เท่านั้นเอง “ถ้า ถ้างั้น…” “ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะอดอยากแล้ว พวกเธอฟังแม่อธิบายดีดี” “ครับ /ค่ะ” ลูกทั้งสองคนขานรับอย่างเชื่อฟัง “บนโลกนี้มีสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่ก่อนแล้ว แค่มนุษย์เข้าไม่ถึงเพราะทรัพยากรมันมีอยู่จำกัด” พลังปราณที่ลอยอยู่ในอากาศช่างบางเบาเหลือเกิน ตัวเธอเองเพราะในห้วงจิตก่อเกิดปัญญาแล้วถึงได้ดึงเอาพลังทิพย์ออกมาใช้ได้เรื่อยๆ แต่กับผู้ฝึกตนดั้งเดิมในโลกใบนี้คงทำได้แค่ค่อยๆ ฝึกฝนไปเรื่อยๆ และแทบจะไม่สามารถยืดอายุขัยของตัวเองได้เลย อย่างมากก็เพียงทำให้สุขภาพดีขึ้น ร่างกายดีกว่าคนปกติเท่านั้น “แต่เพราะแม่ได้รับพลังพิเศษมาด้วยวิธีพิเศษ ทำให้สามารถใช้พลังนี้ได้ ในชั้นบรรยากาศของโลกเราก็มีพลังแบบนี้อยู่ พืชพันธุ์ถึงได้เติบโต หลังจากนี้แม่ก็จะสอนวิธีนำพลังรอบๆ ตัวมาใช้ ให้กับลูกๆ เหมือนกัน” “จริงเหรอครับ แล้วผมจะสามารถทำแบบแม่ได้มั้ย ถ้าเราปลูกพืชได้เยอะขึ้น ก็จะได้รับส่วนแบ่งมากขึ้น” “เด็กโง่ ต้องใช้เวลาฝึกอีกตั้งเท่าไหร่ถึงจะทำแบบแม่ได้ ตอนนี้คิดแค่เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” หนานชิงหันไปดุลูกชายตัวโต รู้ทันว่าตอนนี้เขาคงนึกถึงสาวน้อยมู่ฮวาคนรักของเขาอยู่แน่นอน เพราะเจ้าหล่อนยากจนแล้วยังเป็นพี่สาวคนโตต้องเลี้ยงดูเด็กเล็กในสกุลอิง เด็กกำพร้าที่น่าสงสารตระกูลนั้นอดมื้อกินมื้อกันจนผอมแห้ง “หนูก็อยากเรียนค่ะแม่ หนูอยากช่วยแม่” เหมยลี่กล่าวอย่างประจบ “เรื่องนั้นก็ช่างมันก่อนเถอะ ที่แม่จะบอกพวกลูกคือ เรื่องของแม่ไม่สามารถพูดให้ใครฟังได้ ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยาในอนาคต” “พวกเราจะไม่พูดค่ะ ใช่มั้ยพี่ใหญ่” “ใช่ๆ อีกอย่างภรรยาของผมก็จะไม่เป็นคนพูดมากและเชื่อฟังแม่” แค่มองหน้าของหมิงเทียนก็รู้ว่าเขากำลังคิดถึงมู่ฮวา “ถ้าเธอนึกถึงมู่ฮวา หลังจากนี้แม่จะไม่ปฏิเสธหล่อนอีกต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาแม่ปฏิเสธหล่อนเพราะนอกจากเจ้าตัวเป็นเด็กกำพร้า ยังต้องดูแลพี่น้องในตระกูลอีกหลายคน เด็กๆ พวกนั้นจะเอาอะไรกิน ถ้าไม่เบียดเบียนส่วนจากบ้านของพี่สาวคนโตล่ะใช่มั้ย? แม่นึกถึงแกถึงได้ห้ามพวกแกมาตลอด” หนานชิงอธิบายตัวเอง ชีวิตแรกเธอคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เด็กๆ ฟัง เด็กๆ มีหน้าที่แค่ทำตาม แต่ตอนนี้หนานชิงไม่คิดแบบนั้นแล้ว หากเป็นครอบครัวก็ต้องคุยกันไม่ว่าเรื่องอะไร “ตอนนี้บ้านเราไม่มีปัญหาเรื่องอาหารแล้วใช่มั้ยครับ ขอบคุณครับแม่ ผมกับมู่ฮวารักกันด้วยใจจริงๆ แล้วอีกอย่างถิงถิงคนนั้นก็เอาแต่ใจตัวเองมาก คงไม่ตั้งใจดูแลแม่แน่ๆ” “แม่รู้” หนานชิงรับรู้จากในชีวิตแรก และในหนังสือที่นางบังเอิญเปิดอ่าน มันมีความนึกคิดของคนในในนิยายเล่มนั้นทั้งหมด และโลกใบนี้ก็อยู่ในหนังสือเล่มนั้นจริงๆ ซะด้วยสิ อีกอย่างมู่ฮวาก็กลายเป็นนางเอกนิยายเรื่องนั้นที่ดำเนินเรื่องไปจนจบ ถ้าลูกชายแต่งงานกับหล่อนย่อมมีตอนจบที่ดี ถึงแม้จะเป็นเจ้าทึ่มยังไงก็เถอะ! “แต่ยังไงพี่ใหญ่ก็ยังเอาอะไรไปให้พี่มู่ฮวาไม่ได้หรอกนะคะ มันจะดูผิดปกติเกินไป” “ใช่ ตอนนี้ยังก่อน เอาไว้แต่งงานกันเมื่อไหร่ค่อยเอื้ออาทรให้ทางนั้น แม่จะไม่คัดค้าน” “แต่งงาน…” หมิงเทียนมีสีหน้าเคลิ้มฝันไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังคิดว่าหลังแต่งงานแล้วจะมีลูกกับคนรักกี่คน จะได้อยู่ด้วยกันทุกวันทุกคืน “มีอีกเรื่องที่แม่อยากบอกให้รู้เอาไว้” “อะไรคะ” เหมยลี่ไม่ได้ตื่นเต้นกับเรื่องพี่ชาย ตัวเธอเองก็มีเรื่องอื่นให้คิดเหมือนกัน “ตอนนี้ด้านนอกนั้น ในเมืองใหญ่ๆ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต่อไปจะไม่มีทหารแดงอีกแล้ว ผู้คนที่ถูกกดขี่จะกลับคืน อาเหมยแม่รู้ว่าลูกคบหาอยู่กับซ่วนจงคนนั้น แต่เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมของตัวเอง” หนานชิงบอกกับลูกสาวอย่างตรงไปตรงมา “...” เหมยลี่ไม่สงสัยคำพูดของแม่ เพราะขนาดองุ่นยังเติบโตได้ เรื่องโลกภายนอกทำไมแม่จะไม่รู้ หมู่บ้านของพวกเขาอยู่ในป่าเขารู้ช้าบ้างก็เป็นเรื่องปกติ “แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง” หนานชิงเชื่อว่าด้วยอำนาจของตัวเอง ย่อมสามารถทำให้ตระกูลรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นเลยต้องวัดใจคนให้มาก โดยเฉพาะคนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตระกูล อย่างบ้านสะใภ้ และบ้านเขย “ปีหน้าจะมีการเปิดสอบกัวเข่า สอบเข้ามหา’ ลัยรอบแรก ถ้าลูกๆ อยากพัฒนาตัวเอง ก็สามารถเข้าร่วมการสอบได้ แม่จะสนับสนุนทุกทาง ขอแค่พวกเธอตั้งใจจริง” “จริงเหรอคะ เขาเปิดให้สอบเข้ามหา’ ลัยแล้วเหรอ” เหมยลี่ตื่นเต้นมาก เพราะคนรักของเธอนั้นเฝ้ารอที่จะสอบเข้ามหา’ ลัยมานานแล้ว ตัวเธอเองยังได้เขาสอนบทเรียนมัธยมปลาย เผื่อวันนึงการสอบเข้ามาถึง และคำพูดจากปากแม่ก็เป็นข่าวดีจริงๆ “ใช่ เรื่องนี้สามารถบอกซ่วนจงได้ บอกว่าแม่ได้ข่าวการเปลี่ยนแปลงจากลูกน้องพ่อของลูกก็ได้” ถึงจะเป็นแม่หม้าย แต่คนในหมู่บ้านก็รู้ว่ายังมีทหารแวะเวียนมาหาบ้าง เรียกหนานชิงว่าพี่สะใภ้และคอยเอาเงินมาฝาก “ขอบคุณนะคะแม่ แล้วเรื่องที่พี่ซ่วนจะกลับสู่ตระกูล…หนูบอกเขาได้มั้ยคะ” “ไม่จำเป็นต้องบอกอีกไม่นานเขาก็จะรู้เอง” เรื่องการพาคนที่ถูกใส่ร้ายกลับคืนสถานะเดิมนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ อีกไม่นานคนก็จะรู้กันทั่ว แต่สิ่งแรกที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่การสอบกัวเข่า หรือการคืนสถานะ แต่เป็นการมอบอิสระคืนให้ประชาชน การเปิดค้าขายเสรีต่างหาก “ที่สำคัญคือ ต่อไปนี้จะมีการค้าเสรี ไม่ต้องแอบไปตลาดมืดอีกแล้ว” “เย่! งั้นต่อไปก็ไม่ต้องรอปันส่วน แต่สามารถมีกินได้ แถมยังเอาไปขายได้ด้วย” เหมยลี่ร้องอย่างดีใจ “ใช่ แต่หลังจากนี้ก็ต้องเงียบๆ กันไว้ก่อน ถ้าพูดไปไม่รู้ใครจะเชื่อเราบ้าง ที่เหลือให้แม่จัดการเอง” “แม่ครับ ถ้างั้น…ถ้างั้น…” หมิงเทียนหัวหมุนไปหมดจากความจริงที่เพิ่งรับรู้ “หมิงเทียนใจเย็นๆ ก่อนอื่นแม่ก็จะยอมให้เธอแต่งภรรยา เพื่อจะได้ไม่มีใครมาแย่งมู่ฮวาไป” นั่นนางเอกเชียวนะ อีกอย่าง…ความจริงที่รู้จากหนังสือนิยายเรื่องราวบนโลกใบนี้ที่มู่ฮวาเป็นนางเอก ก็คือแม้เจ้าลูคนนี้จะแต่งงาน แต่ก็พลาดพลั้งได้เสียกันไม่นานก่อนที่ลูกชายคนโตจะเสียชีวิต และ…ในท้องของมู่ฮวาตอนนั้น มีหลานของเธออยู่ หลานชายที่น่ารักคนนั้น หนานชิงต้องการเห็นเขาเติบโตในตระกูลหยาง! “ขอบคุณครับแม่ ขอบคุณจริงๆ” “พี่ใหญ่ไปทำงานสายแล้ว ไปเร็วเข้า หนูจะอยู่เป็นเพื่อนแม่เอง” “ดีเลยตัวเล็ก อยู่เป็นเพื่อนแม่ไป พี่ไปทำงานก่อน ต้องไปบอกข่าวดีกับมู่ฮวาแล้ว” หนานชิงมองตามหลังลูกชายคนโตจนเขาออกจากประตูบ้านไป คิดในใจว่า ‘มู่ฮวาเป็นนางเอกนิยายเรื่องนี้ ถ้าไม่รีบแต่งเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ก็ถือว่าโง่เต็มที แถมเธอยังมีหลานชายคนแรกให้ตระกูลด้วย!’ . หมิงเทียนออกจากบ้านมาก็เดินไปทางบ้านของมู่ฮวา เห็นหญิงสาวกำลังเดินไปมาอยู่หน้าบ้านด้วยความกระวนกระวาย เพราะวันนี้เขามาสาย “อาเทียน นายมาสายแล้ว รีบไปกันเถอะ วันนี้เฒ่าตู้จะแบ่งงานใหม่ ไม่รู้ว่าจะโดนย้ายไปทำงานอะไร” “อามู่เป็นคนฉลาด ถ้าไม่ใช่เพราะเลขาธิการเล่นโกงก็คงได้ทำงานในสำนักงาน ไม่เป็นไรต่อไปถ้าเราแต่งงานกัน อามู่ก็ไม่ต้องลงไปที่ทุ่งแล้ว” หมิงเทียนยังจำได้ว่าไม่ควรบอกความลับของมารดากับใครทั้งนั้น เลยไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลง “อาเทียนพูดอะไรไร้สาระ คุณป้าจะยอมเหรอ อีกอย่างเด็กๆ ก็ไร้ที่พึ่ง ฉันไม่สามารถทิ้งเด็กๆ ไปได้” “เข้าใจแล้ว ไว้ค่อยคุยกันเถอะ” หมิงเทียนไม่เซ้าซี้เพราะเห็นว่ามันสายมากแล้ว เขาแอบจับมือหญิงสาวจูงกันไปที่ทุ่ง พอเห็นเริ่มมีคนก็ปล่อยมือเธอ เพราะกลัวว่าจะโดนแจ้งไปยังทหารแดง “มากันแล้วสองคนนี้ มาสายจริงๆ ถ้างั้นก็ไปทำงานตักน้ำตรงนู้น” มาถึงเฒ่าตู้ก็สั่งงานทันที หมิงเทียนหันมองคนรักด้วยความเป็นห่วง ทำงานตักน้ำก็ไม่แย่สำหรับเขา แต่สำหรับหญิงสาวมันคืองานหนัก “ไม่เป็นไร” มู่ฮวาข่มใจรับการกลั่นแกล้งจากหวังถิงถิง คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะกลั่นแกล้งเพราะหมายตาหมิงเทียนเอาไว้แน่ๆ ได้ยินว่ามารดาของหมิงเทียนยังอยากได้อีกฝ่ายเป็นลูกสะใภ้ ในยุคนี้การแต่งงานต้องให้บิดามารดาเป็นคนตัดสินใจ เธอไม่แน่ใจว่าจะได้แต่งงานกับหมิงเทียนแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ในหมู่บ้านนี้หมิงเทียนและมู่ฮวาดูเหมาะสมกันมากยกเว้นในเรื่องฐานะ รูปร่างหน้าตาของทั้งคู่ทำให้ผู้คนล้วนอิจฉา แถมยังเติบโตมาด้วยกัน เป็นเหมือนเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ในตำนาน แต่มู่ฮววามีชีวิตที่ยากลำบากมีน้องๆ ต้องดูแล ใครก็ไม่อยากจะรับภาระนี้ไป รวมถึงคนสกุลหยางด้วย มีเพียงหมิงเทียนที่คอยดูแลเธอด้วยใจซื่อสัตย์ และตรงไปตรงมากับเธอเสมอ เขาชอบก็บอกว่าชอบทำให้ทั้งคู่คบหากันมาได้หลายปีแล้ว “ไม่เป็นไรจริงๆ เราไปทำงานกันเถอะ” หมิงเทียนได้ยินอย่างนั้นก็พาคนรักไปทำงานด้วยกัน เขายังบอกให้เธอนั่งพัก พอโดนคนแถวนั้นหาเรื่องก็เอ่ยปากออกรับแทน “ผมทำงานแทนเธอได้ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันนึงจะหาบน้ำได้กี่รอบเชียว ผมทำแทนเธอจนเลยเวลางานก็ยังได้” เพราะแบบนี้เลยไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก “อาเทียนพอเถอะ ฉันทำเองได้” มู่ฮวาพยายามปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มก็ยังช่วยเธออยู่ดี หมิงเทียนรู้สึกว่าวันนี้เขามีพละกำลังมากขึ้น น่าจะเป็นผลมาจากไข่อร่อยและองุ่นของแม่แน่ๆ “ไม่เป็นไร เห็นมั้ยว่าฉันไม่มีเหงื่อสักหยด ฉันแข็งแรงมากๆ อามู่ก็รู้” “ถ้านายเหนื่อยต้องหยุดพักนะ” ว่าแล้วมู่ฮวาก็นั่งพักหายใจหอบ เพราะข้าวน้ำต้องแบ่งในครอบครัวสำหรับน้องๆ อีกหลายคน ทำให้เธอผอมแห้งและแทบไม่มีแรง หมิงเทียนเห็นหญิงสาวเหนื่อยก็ปล่อยให้นั่งพัก เขาทำงานแทนเธอจริงๆ เพียงแค่ครึ่งวันน้ำก็ได้ตามมาตรวัดจนคนอื่นๆ ล้วนมาตบบ่าชายหนุ่มที่ทำให้งานเสร็จเร็ว บางคนเห็นงานเสร็จเร็วก็ไปรับงานเพิ่มในทุ่งเพื่อเพิ่มคะแนนงาน บางคนก็กลับบ้านไปพักผ่อน ทำให้รอบๆ ร้างไร้ผู้คน ตอนนี้พักเที่ยงพอดี หมิงเทียนหยิบข้าวปั้นที่น้องสาวทำไว้ออกมา แบ่งครึ่งยื่นให้มู่ฮวา “รับไปสิ” “ได้ที่ไหนกัน นี่ข้าวทั้งนั้น ข้าวปลาหายากจะตาย อาเทียนรีบกินเข้าไปเถอะ นายทำงานตั้งเยอะคนเดียว ฉันแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย” มู่ฮวาปฏิเสธอย่างเกรงใจ “ถ้าไม่กินเองงั้นก็เก็บไว้ให้เด็กๆ ที่บ้านฉันยังมีน้องชายเป็นทหาร ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน” ตั๋วเงินที่หยางตงส่งมาให้นั้นไม่น้อย น้งอรองอยากเป็นฮีโร่เหมือนบิดาเลยโหมฝึกจนได้รับเกียรติยศบ่อยๆ เป็นที่ภูมิใจของแม่มากๆ เขาเองก็ต้องปฏิบัติกับว่าที่ภรรยาดีดี เมื่อแต่งเข้าไปแล้วเขายังหวังว่ามู่ฮวาจะดูแลแม่และลูกของเขาอย่างดี “ถึงอย่างนั้นก็…” มู่ฮวาปฏิเสธอีกครั้ง แต่ก็โดนหมิงเทียนยื่นอาหารให้อยู่ดี สุดท้ายเธอเลยรับไปบิกินเล็กน้อยพออิ่มท้อง ที่เหลือก็ห่อเก็บไว้ในอกเสื้อเอาไว้ไปให้เด็กๆ ที่บ้าน “รอบนี้ผลผลิตคงดีไม่น้อย ตอนบ่ายว่างแล้ว อามู่ก็กลับไปนอนพักที่บ้านเถอะ” “ไม่ได้หรอก ไหนๆ ก็งานเสร็จแล้ว ฉันว่าจะไปทำงานในทุ่งเอาคะแนนเพิ่ม” “อามู่! ร่างกายเธอจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” หมิงเทียนยื่นมือไปจับหน้าผากคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง “นึกแล้วเชียว ไข้ขึ้นอีกแล้ว ยังจะมาทำงานหนักอีก แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” “เข้าใจแล้วอาเทียน วันนี้จะกลับไปนอนพักสักวัน” ว่าแล้วมู่ฮวาก็ยอมกลับบ้านแต่โดยดี ขณะที่หมิงเทียนยังนั่งกินข้าวริมน้ำต่อ มู่ฮวาเดินออกไปแล้วนึกสงสัยเรื่องที่ชายหนุ่มพูดเมื่อเช้าเลยย้อนกลับไปอีกครั้ง ภาพที่เห็นทำให้เธอตกใจมาก เมื่อตอนนี้ชายคนรักกำลังกอดอยู่กับหวังถิงถิงที่มีข่าวลือว่าแม่ของเขาชื่นชอบไม่น้อย “นี่ไม่จริง” มู่ฮวาไม่อยากจะเชื่อ หล่อนเดินถอยหลังแต่ไม่ทันมองว่าด้านหลังมีของวางอยู่ระเกะระกะ ทำให้สะดุดไม้หาบ จนล้มหัวฟาด กลิ้งตกลงไปในคลองน้ำด้านข้าง ตู้ม! เสียงน้ำกระจายทำให้หมิงเทียนกลับมาได้สติ เขารีบผลักหญิงสาวออกจากร่างกายตนทันที “ทำอะไรของหล่อน น่ารังเกียจจริงๆ มักง่าย!” “แต่พี่หมิงเทียน พ่อบอกว่าแม่ของพี่กำลังจะมาสู่ขอฉันแล้ว เราเป็นคนรักกันไม่ใช่รึยังไง” “ไม่ใช่! แม่ของฉันตาสว่างแล้วและไม่คิดจะไปสู่ขอเธอเด็ดขาด กลับไปหาพ่อเธอนู่นไป๊!” เมื่อโดนชายร่างใหญ่ตะคอก ถิงถิงก็ตกใจอย่างมาก เบะปากร้องไห้ราวกับเด็กสามขวบ วิ่งหนีออกไปก็ตะโกนด่าคน ฟ้องร้องไปทั่วว่าหมิงเทียนรังแกเธอ หมิงเทียนได้สติกลับมาหันไปมองที่ลำคลองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งจมน้ำต่อหน้าต่อตา เขาจำได้ทันทีว่านั่นคือมู่ฮวา “อามู่!” เพราะความวุ่นวายทำให้คนมามุงดู หมิงเทียนไม่สนใจคนอื่นกระโดดลงน้ำไปช่วยคนรักทันที ช่วยขึ้นมาแล้วก็รีบปั้มหัวใจ ประกบปากทำการปฐมพยาบาล จนคนฮือฮาด้วยความตกใจ “หน้าไม่อายจริงๆ กลางวันแสกๆ” “ได้ยินถิงถิงร้องไห้ออกไปด้วย ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกัน ถึงขั้นลงไม้ลงมือ ยังมีคนจมน้ำอีก แบบนี้ทหารแดงจะทำยังไงเนี่ย” ชาวบ้านกำลังกล่าวซุบซิบนินทาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะแหวกทางออกเมื่อร่างอ้อนแอ้นของหนานชิงปรากฎขึ้น “ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น อาเทียนพาอามู่กลับบ้านเรา หลังจากนี้บ้านหยางจะรับมู่ฮวาเป็นลูกสะใภ้! ส่วนเรื่องหวังถิงถิง ถ้าเลขาธิการกองพลน้อยมีปัญหาอะไรก็ให้มาที่บ้านหยางของเรา ฉันก็อยากจะถามเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD