พิธีดำเนินมาจนใกล้จะจบ บรรดาท่านอ๋องทั้งหลายต่างเลือกพระชายาไปเจ็ดคนแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงท่านอ๋ององค์สุดท้ายที่จะทรงเลือกพระชายาในวันนี้ …ท่านอ๋องแปดผู้อัปลักษณ์
ถึงแม้นว่าการเป็นหวางเฟย หรือ พระชายาของท่านอ๋องนั้นจะทำให้สตรีนางนั้นกลายเป็นสตรีชั้นสูง มีเกียรติ มีศักดิ์ มีศรีเหนือกว่าสตรีธรรมดาทั่วไปก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่าสตรีที่เหลือจากการเลือกพระชายาขององค์รัชทายาทและท่านอ๋องเจ็ดคนแรกนับพันคนนั้นมิได้เต็มใจและยินยอมแม้แต่น้อย เห็นได้จากอากัปกิริยาต่างๆที่พวกนางแสดงออกมา พวกนางแอบชำเลืองมองใบหน้าอัปลักษณ์ที่ซ่อนหลังผ้าปิดหน้าสีขาวที่ไป๋เฟยหมิงมักจะใช้ปิดบังใบหน้าตั้งแต่ส่วนจมูกลงมาเสมอๆ
“หากคุณหนูทั้งหลายไม่เต็มใจที่จะเป็นพระชายาของข้า ก็ขอให้พวกเจ้าก้าวออกไปยืนอยู่ด้านข้างเถิด” ไป๋เฟยหมิงเอ่ยเสียงเยือกเย็น เขาเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของสตรีเหล่านี้ และตัวเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับสตรีนางใดในใต้หล้านี้
สิ้นเสียงของท่านอ๋องแปด เหล่าสตรีจากชนชั้นสูงทั้งหมดต่างก้าวออกไปยืนด้านข้าง ไม่มีผู้ใดยังยืนอยู่ให้ท่านอ๋องแปดผู้สุดแสนจะอัปลักษณ์เลือกเลย
ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงพิธีแห่งนั้นต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ปรากฎ เห็นได้ชัดว่าไม่มีสตรีนางใดต้องการแต่งงานกับท่านอ๋องผู้อัปลักษณ์นี้เลยแม้ว่าจะได้รับตำแหน่งหวางเฟยก็เถอะ ไป๋เฟยหลงนั้นอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันออกมาเป็นคำพูด ส่วนอ๋องใหญ่และอ๋องสองนั้นหาได้สนใจเรื่องของไป๋เฟยหมิงไม่ พวกเขาครุ่นคิดอยู่แต่กับการจะเอาคืนไอ้องค์รัชทาทฉวยโอกาส
“เห็นได้ชัดว่าไม่มีสตรีนางใดที่อยากจะเป็นพระชายาของท่านอ๋องแปดเลย เช่นนั้นขอให้พวกนางได้เดินทางกลับบ้านเถอะพะย่ะค่ะ” ไป๋เฟยหลงเอ่ยออกมา
“ตามนั้น” ฮ่องเต้ซึ่งบัดนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัดเอ่ยออกมา
“คุณหนูทั้งหลาย ขอเชิญพวกเจ้ากลับไปได้ บัดนี้พิธีคัดเลือกพระชายาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ขอบคุณพวกเจ้าทุกคนที่มาร่วมงานนี้” ขันทีผู้ดำเนินพิธีการเอ่ยเสียงราบเรียบพลางชำเลืองมองสีหน้าของโอรสสวรรค์
หลังจากที่เหล่าคุณหนูจากชนชั้นสูงต่างๆได้ทยอยออกไปกันหมดแล้ว เหล่าอ๋องและพระสนมก็ทำท่าเหมือนกับว่าจะขอทูลลาเพราะสีหน้าของไป๋เฟยฉีบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่สู้ดีนัก
“พวกเจ้าทุกคนออกไปให้หมด ยกเว้นฮองเฮากับ…กับ เฟยหมิง” เขาออกเสียงเรียกชื่อพระโอรสอัปลักษณ์นั้นอย่างยากลำบาก ไป๋เฟยหมิงคือความอัปยศที่สุดเท่าที่เขามีในชีวิต เขาเองก็อยากจะลืมไปซะด้วยซ้ำว่ามีพระโอรสองค์นี้อยู่ วันนี้เจ้าสัตว์ประหลาดนี้ก็ทำให้พระองค์ต้องอับอายขายหน้า การที่ไม่มีสตรีนางใดต้องการแต่งงานกับพระโอรสของฮ่องเต้ มันคือสิ่งใดกัน
“เจ้าทำให้ข้าอับอายแค่ไหน เจ้ารู้หรือไม่?” น้ำเสียงของไป๋เฟยฉีแผ่ไอสังหารออกมาจนฮองเฮาเองยังรู้สึกขนลุก
แต่ไป๋เฟยหมิงหาได้รู้สึกอันใดไม่ ปกติเขากับฮ่องเต้เป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง เขาเองก็ปลีกวิเวกอยู่แบบสันโดษ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด แต่เป็นเพราะราชโองการของฮ่องเต้เองมิใช่หรือที่สั่งให้ท่านอ๋องทุกองค์รวมทั้งตัวเขาด้วยมาร่วมคัดเลือกพระชายา ใครๆต่างก็รู้ว่าคงไม่มีสตรีนางใดในใต้หล้านี้ที่คิดอยากจะแต่งงานกับอ๋องอัปลักษณ์ น่าเกลียด น่ากลัว เช่นเขาหรอก แต่เพราะนี่คือคำสั่งของโอรสสวรรค์มิใช่หรือที่สั่งให้เขาเข้าร่วมงานในครั้งนี้ และเงื่อนไขที่ว่าหากสตรีนางใดไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับอ๋ององค์ใดก็ให้ออกไปยืนด้านข้างนั้นก็เป็นความคิดขององค์รัชทายาท พระโอรสคนโปรดของฮ่องเต้เองมิใช่หรือ แล้วจะมาเอาโทษอะไรกับเขาซึ่งเป็นเพียงผู้น้อมรับพระบัญชา
“เรื่องนี้ หาได้เป็นความผิดของเฟยหมิงนะเพคะฝ่าบาท หากทรงพิจารณาดีๆแล้ว…เอ่อ…” ฮองเฮาเกลี้ยกล่อม นางพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ฮ่องเต้เห็นว่านางเหมาะสมกับตำแหน่งมารดาของแผ่นดินเค่ไหน
“อืม…แต่อย่างไรเสีย อ๋องทุกคนก็ต้องแต่งงาน มีพระชายา มีทายาทสืบสกุล จะมาทำตัวผิดแผกไปจากธรรมเนียมเดิมไม่ได้” เสียงของไป๋เฟยฉีนั้นเย็นลงพอสมควร
“หากว่าต้องแต่งงาน กระหม่อมขอให้สตรีที่จะแต่งด้วยนั้นแต่งด้วยความเต็มใจ หาใช่แต่งเพราะถูกบังคับด้วยราชโองการหรือสิ่งอื่นใดเลยพะย่ะค่ะ”
“สามหาว!”
“ฝ่าบาทเพคะ ทรงเย็นพระทัยลงบ้างเถอะเพคะ อย่างไรเสียก็นึกถึงเหลียงจิวซิ่นบ้าง เฟยหมิงเป็นลูกของจิวซิ่นนะเพคะ”
ไป๋เฟยฉีเป็นต้องชะงักงัน เขาพยายามลืมสตรีผู้นี้ แม้แต่ชื่อของนางก็สั่งห้ามไม่ให้ใครเอ่ยออกมาให้ได้ยิน แต่ความจริงแล้วเขาไม่เคยลบนางออกไปจากหัวใจได้เลย เพราะเหตุนี้เขาจึงพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ไป๋เฟยหมิงได้รับทุกอย่างเหมือนพระโอรสองค์อื่นๆ รวมทั้งการแต่งงาน มีครอบครัว มีทายาท ถึงแม้ว่าเขาจะพร่ำบอกตนเองว่าจงเกลียดจงชังพระโอรสองค์นี้สักแค่ไหน แต่ลึกๆในใจแล้วยังมีความห่วงใยในฐานะบิดากับบุตรซุกซ่อนอยู่
“เช่นนั้น ขอให้ฮองเฮาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ก็แล้วกัน สรรหาหญิงสาวที่มีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดีหน่อย อาจจะไม่ใช่สตรีจากชนชั้นสูง ขอเพียงให้นางเต็มใจและยินดีที่จะแต่งงานกับ…เอ่อ…กับเฟยหมิงก็พอ” โอรสสวรรค์มีท่าทีที่เย็นลงแล้ว พอพูดจบเขาก็เดินดุ่มๆจากไปทันที ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าพระโอรสที่สร้างความอัปยศให้แก่เขาได้ทุกเมื่อเชื่อวัน
“เสด็จแม่ อันที่จริงกระหม่อมไม่ต้องการแต่งงาน” ไป๋เฟยหมิงหันมาพูดกับฮองเฮา
“ข้าเข้าใจว่าเจ้ารู้สึกเช่นใด มันก็ช่วยไม่ได้สินะที่เจ้าจะรู้สึกเช่นนั้น เอาเถอะ นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท ผู้ใดก็ขัดไม่ได้ ข้ามีหน้าที่หาหญิงสาวมาแต่งงานกับเจ้าให้จงได้ ส่วนเจ้าก็มีหน้าที่ต้องแต่งงานกับนาง ก็เท่านั้น งานอภิเษกสมรสครั้งนี้ถือเป็นงานมงคลที่ยิ่งใหญ่เพราะฝ่าบาทจะให้จัดงานแต่งงานขององค์รัชทายาทและอ๋องทั้งแปดในวันเดียวกันเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร เพราะฝ่าบาทต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากจัดงานอภิเสกสมรสทั้งเก้าคู่ในวันเดียวกันจะช่วยลดรายจ่ายของท้องพระคลังไปได้มาก ตอนนี้ท้องพระคลังใกล้จะถังแตกแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ วันๆเจ้ามัวแต่ทำอะไร เอาแต่แยกตัวปลีกวิเวก ไม่สนใจความเป็นไปของราชสำนัก ข้าละเหนื่อยใจจริงๆที่มีเจ้าเป็นโอรสบุญธรรม เฮ้อ!” เปี๋ยนลี่อิงบ่นออกมาเสียยืดยาว ลับหลังฮ่องเต้และคนอื่นๆนางก็แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา อันที่จริงนางก็ไม่อยากรับไป๋เฟยหมิงเป็นพระโอรสบุญธรรมหรอก เป็นภาระเปล่าๆ แต่เพราะตำแหน่งมารดาของแผ่นดินนางต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอย่างไรล่ะ ความจริงอันนี้ไป๋เฟยหมิงรับรู้มาโดยตลอดว่าฮองเฮาคิดและรู้สึกอย่างไรกับตน
“เพื่อความกตัญญูต่อเสด็จแม่ เพื่อไม่เป็นการสร้างปัญหาให้เสด็จแม่แล้ว ลูกจะยอมแต่งงาน หากว่าสตรีนางนั้นเต็มใจที่จะแต่งกับลูกพะย่ะค่ะ”
“ดี” กล่าวเพียงสั้นๆเปี๋ยนฮองเฮาก็เดินสะบัดออกไป นางไม่อยากจะทนมองใบหน้าอัปลักษณ์ที่น่าขยะแขยงนั้นนานนักหรอก