ไป๋เฟยหย่าแอบลอบมองสตรีในอาภรณ์สีฟ้าที่เขาจดจำได้ดีอย่างไม่ละสายตา หยุนชิงเหยียนนั้นยิ่งมองยิ่งงามน่ารัก ถึงแม้นจะไม่ได้ถูกยกย่องว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งอย่างจิวชุนลี่ แต่สำหรับไป๋เฟยหย่าแล้วนางคือที่หนึ่ง นางคือแบบฉบับของสตรีจากชนชั้นสูงอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเสนาบดีเกษตรผู้ทรงอิทธิพลในราชสำนัก ผู้ซึ่งจะสามารถหนุนหลังเขาได้เป็นอย่างดีเพราะมีพวกพ้องในราชสำนักมากมาย
แต่วันนี้สิ่งที่วาดฝันและวางแผนไว้มานานอาจจะพังทลายลงถ้าหากว่าไอ้องค์รัชทายาทซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของเขานั้นมันคิดจะหักหาญน้ำใจพี่ชายอย่างเขา สตรีมีตั้งมากมายนับพันที่ตั้งหน้าตั้งตามาให้องค์รัชทายาทเลือกในวันนี้ก็เลือกเข้าไปสิ อย่าได้คิดอาจหาญมายุ่งกับสตรีที่เขาพึงใจเชียว
“เอาล่ะ ข้าคิดว่านี่ก็ได้เวลาแล้ว องค์รัชทายาท เจ้าตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเลือกสตรีนางใด” ฮ่องเต้ถาม เล่นเอาอ๋องใหญ่และอ๋องรองใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ไป๋เฟยหลงเผยรอยยิ้มแฝงความใน เขาสบตากับทั้งไป๋เฟยเทียนและไป๋เฟยหย่าแวบหนึ่ง
“ลูกตัดสินใจได้ตั้งแต่วินาทีแรกแล้วละพะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทหนุ่มหันไปส่งยิ้มละไมให้กับฮ่องเต้และฮองเฮาผู้เป็นพระมารดา
“ดีมาก เช่นนั้นเจ้าจงประกาศออกมาเถิด ว่าสตรีนางใดที่ช่างโชคดี มีวาสนานัก” เปี๋ยนฮองเฮาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ข้า ไป๋เฟยหลง องค์รัชทายาทแห่งแคว้นไป๋กว๋อ ขอเลือกคุณหนูสกุลจิว จิวชุนลี่เป็นไท่จื่อเฟย และคุณหนูสกุลหยุน หยุนชิงเหยียนเป็นพระชายารอง” ไท่จื่อไป๋เฟยหลงประกาศกร้าวก้องห้องโถงพิธีการนั้น งานนี้เล่นเอาอ๋องใหญ่ ไป๋เฟยเทียน และอ๋องสอง ไป๋เฟยหย่า แทบล้มทั้งยืน สตรีมีมากมายนับพันเหตุใดไอ้องค์รัชทายาทบ้าอำนาจจึงจงใจเลือกสตรีสองนางนี้ ทั้งไป๋เฟยเทียนและไป๋เฟยหย่าต่างมองสบตากันประหนึ่งรู้ความในใจของอีกฝ่าย
สีหน้าดำคล้ำทะมึนของพี่ชายทั้งสองนั้นยิ่งทำให้ไท่จื่อหนุ่มลำพองใจ เขาโปรยยิ้มให้กับสตรีนับพันตรงหน้าก่อนจะเอ่ยบางอย่าง
“ข้าขอขอบใจคุณหนูทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ บัดนี้ข้าได้เลือกผู้ที่ข้าถูกใจแล้ว ต่อไปจะเป็นคราวที่ท่านอ๋องต่างๆนั้นจะเลือกพระชายาบ้าง แต่คุณหนูทั้งหลายไม่ต้องกังวล หากพวกเจ้าคนใดไม่พึงพอใจที่จะเป็นพระชายาของอ๋องท่านไหน พวกเจ้าสามารถก้าวออกจากตำแหน่งที่ยืนออกไปยืนรอที่ด้านข้างๆได้ ไม่มีการบังคับจิตใจหากพวกเจ้าไม่ยินยอม” พูดจบเขาก็หันมาส่งยิ้มละมุนให้กับบรรดาพี่ชายทั้งแปดคน หากแต่มันมิใช่รอยยิ้มที่จริงใจนัก
รอยยิ้มที่ ไป๋เฟยหลงส่งมาให้นั้นมันคือความเย้ยหยันชัดๆ ใครๆต่างก็รู้ว่าอ๋องแปดนั้นอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวแค่ไหน คงไม่มีสตรีนางใดในใต้หล้าที่ยินดีและยินยอมพร้อมใจจะแต่งงานกับเขา ไป๋เฟยหมิงได้แต่กำหมัดแน่น
“คนแรก ท่านอ๋องใหญ่ ไป๋เฟยเทียน เชิญพระองค์ทรงคัดเลือกพระชายา พะย่ะค่ะ” ขันทีผู้ทรงคุณวุฒิเอ่ยประกาศ
ไป๋เฟยเทียนนั้นยืนแน่นิ่งเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ ไม่สิ เขาโดนกระชากวิญญาณไปต่างหากเล่า จิวชุนลี่ สตรีที่เขาเฝ้ารักเฝ้าถวิลหามาเป็นเวลาร่วมปีนับตั้งแต่นางพ้นวัยปักปิ่น เป็นเพราะเขาช้าไปเอง เขาควรที่จะรีบกราบทูลฮ่องเต้ขอสมรสพระราชทานก่อนหน้านี้ ก่อนที่ไอ้เจ้ารัชทายาทชั่วมันจะมาหั่นหัวใจของเขาออกเป็นชิ้นๆแบบนี้ นี่แสดงว่ามันต้องให้คนไปแอบสืบเรื่องหัวใจของเขามาแล้วเป็นแน่แท้ อย่างไรเสีย ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป เป้าหมายของเขาคือการครอบครองบัลลังก์มังกรต่อจากพระบิดา เขาจะต้องชิงบัลลังก์มาเป็นของเขา รวมทั้งเอาคืนเจ้าน้องชายสารเลวนี่ให้ได้
“ข้าขอเลือกเหวินเจินลี่ บุตรตรีท่านใต้เท้าเหวิน”
ใต้เท้าเหวิน หรือเหวินต้าฟงเป็นเสนาบดีกรมยุติธรรม มีชื่อเสียงลือเลื่องว่าเขาคือขุนนางตงฉิน เรื่องความยุติธรรมนั้นถือเป็นหนึ่ง มีผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย
ดวงตาของไป๋เฟยหลงฉายแววขบขันเมื่อได้ยินว่าพี่ใหญ่ของเขาเลือกบุตรสาวของท่านใต้เท้าเหวินมาเป็นพระชายา
“องค์รัชทายาทมีสิ่งใดจะชี้แนะกระหม่อมกระนั้นรึ?” ไป๋เฟยเทียนอดถามออกไปไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าขบขันของน้องชายสารเลว
“มิได้ท่านอ๋องใหญ่ ข้าเพียงแต่ชื่นชมที่ท่านช่างเลือกพระชายาได้เหมาะสมยิ่งนัก บุตรีของใต้เท้าเหวินนั้นทั้งงดงาม อีกทั้งกิริยามารยาทก็เป็นที่น่าชื่นชม มิหนำซ้ำยังเป็นบุตรสาวของผู้ที่ได้ชื่อว่าเที่ยงธรรมที่สุดในแผ่นดิน”
เหตุที่องค์รัชทายาทหนุ่มขบขันจนปิดเอาไว้ไม่มิดนั้นเป็นเพราะว่าพี่ใหญ่ของเขาเลือกบุตรสาวของใต้เท้าเหวินผู้เที่ยงธรรมมาเป็นพระชายา เหวินต้าฟงได้ชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉิน หากพี่ชายของเขาคิดจะให้พ่อตาช่วยหนุนหลังในการชิงบัลลังก์นั้นคงจะเป็นเรื่องลำบากซะแล้ว เห็นชัดๆว่าท่านอ๋องใหญ่คิดผิด แต่…เขาอาจจะพึงพอใจในตัวคุณหนูเหวินก็เป็นได้ ใครเล่าจะไปล่วงรู้
“ต่อไปเลย” ฮ่องเต้ส่งสัญญาณบอกขันทีผู้ดำเนินพิธีการ
“ลำดับต่อไปเป็นท่านอ๋องสอง ไป๋เฟยหย่า ขอเชิญท่านอ๋องสองทรงเลือกพระชายาได้พะย่ะค่ะ”
ไป๋เฟยหย่าที่ถูกกระชากหัวใจออกไปจากร่างไม่ต่างจากไป๋เฟยเทียนยืนนิ่งไม่ไหวติง เวลานี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะมองสตรีนางใดอีกต่อไปแล้ว อ๋องสองยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหินจนกระทั่งผ่านไปราวหนึ่งเค่อ (สิบห้านาที) ขันทีผู้ดำเนินพิธีการจึงได้ส่งสัญญาณออกมา
“อะแฮ่ม! ตอนนี้ท่านอ๋องสองตัดสินใจได้แล้วหรือยังพะย่ะค่ะ ว่าจะเลือกสตรีจากชนชั้นสูงนางใดมาเป็นพระชายา” ในขณะที่ขันทีผู้นี้กล่าวออกมาเขาก็แอบชำเลืองมองใบหน้าที่ดูราวกับไร้สีเลือดของไป๋เฟยหย่า
ไป๋เฟยหย่าแอบชำเลืองมองใบหน้าที่กระหยิ่มราวกับเป็นผู้ชนะของ ไป๋เฟยหลง มุมปากที่ยกยิ้มคล้ายเย้ยหยันนั้นทำให้อ๋องสองต้องตัดสินใจในทันใด ในเมื่อสูญเสียนางในดวงใจให้กับน้องชายสารเลวไปแล้ว เขาจะไม่ยอมสูญเสีญบัลลังก์มังกรไปให้ ไป๋เฟยหลงอีก อย่างไรเสียเขาก็จะช่วงชิงบัลลังก์มาเป็นของเขาให้ได้ ไป๋เฟยหย่าพลันเกิดฮึดสู้
“สตรีงามนั้นมีมากมายในใต้หล้า หาใช่มีเพียงหยุนชิงเหยียนไม่ ข้ามีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเรื่องการช่วงชิงสตรีนี้เสียอีก ข้าจะพลาดไม่ได้” ไป๋เฟยหย่าบอกตนเองในใจ
ท่านอ๋องสองก้าวขยับขึ้นมาด้านหน้า เขาอมยิ้มเล็กน้อย ท่าทางของเขายังคงดูสง่างามและภูมิฐานเฉกเช่นเดิม
“ข้าขอเลือกคุณหนูซื่อ ซื่อมี่เฟยเป็นหวางเฟย”
สิ้นเสียงของไป๋เฟยหย่า ไป๋เฟยหลงนั้นแทบจะปล่อยเสียงหัวเราะที่ดังลั่นห้องโถงใหญ่นี้ ตอนนี้พี่รองของเขาเสียสติไปแล้วหรือ หากคิดจะชิงดีชิงเด่นแย่งชิงบัลลังก์ไปจากเขา การที่ได้ใต้เท้าซื่อ ซื่อหยงเหอ เสนาบดีกรมธรรมการ หรือ ลี่ปู้ มาช่วยหนุนหลังแบบนี้คงจะเสียแรงเปล่า ใครๆต่างก็รู้ว่าใต้เท้าซื่อวันๆเอาแต่ยุ่งอยู่กับพิธีการต่างๆรวมทั้งพวกนักบวชทั้งหลาย หรือว่าพี่รองของเขาคิดจะออกบวชซะแล้ว องค์รัชทายาทผู้ตื้นเขินได้แต่นึกสนุกในใจ