ไท่จื่อไป๋เฟยหลงนั้น นอกจากอำนาจ บารมี ที่ได้เกิดมาเป็นพระโอรสของฮองเฮาแล้ว ความสามารถที่โดดเด่นของเขาแทบจะไม่มีให้เป็นที่จับตามองของใครๆเลย การเรียนก็อยู่ในลำดับท้ายๆของชั้น ฝีมือการสู้รบ ขี่ม้า ก็ไม่ได้เรื่อง การดนตรี การแต่งกลอนก็ไม่มีอะไรเข้าท่า สรุปแล้ว เขาเป็นเพียงองค์ชายหนุ่มรูปงามที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่มีวาสนาสูงส่งที่ได้เกิดมาเป็นพระโอรสของฮองเฮา ตำแหน่งองค์รัชทายาทจึงได้มาโดยง่าย
“ฮึ! รอให้ข้าขึ้นเป็นฮ่องเต้ต่อจากเสด็จพ่อก่อนเถอะ ข้าจะส่งพี่ใหญ่ไปอยู่ชายแดน ห้ามกลับเข้าวังหลวงอีกเด็ดขาด ชอบการสู้รบนักมิใช่หรือ เช่นนั้นก็จงอยู่เป็นผีเฝ้าชายแดนไป ส่วนพี่รอง…” ไป๋เฟยหลงถอนหายใจพลางเหยียดปากหยันก่อนจะพูดต่อ
“การเล่นพิณมีประโยชน์อันใดต่ออำนาจ เล่นดนตรีแล้วอย่างไร เขาจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้เช่นนั้นหรือ จำเป็นด้วยหรือที่คนเป็นฮ่องเต้ต้องเล่นดนตรีเก่ง ต้องอย่างข้านี่ บุรุษที่เพียบพร้อมและมีอำนาจวาสนาบารมีสูงที่สุดในแผ่นดิน เพราะสวรรค์ส่งข้ามา ข้าก็คือโอรสสวรรค์ต่อจากเสด็จพ่อ ข้านี่แหละคือผู้ที่ปกครองไป๋กว๋อที่แท้จริง
ราชครูเปี๋ยนได้แต่ส่ายหน้าเบาๆพลางทอดถอนใจ
“รัชทายาท เจ้าเองอย่าได้ทระนงตนเกินไปนัก ผู้ที่ประมาทมักจะพลาดพลั้ง ตราบใดที่เจ้ายังไม่ได้นั่งบัลลังก์มังกร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงได้”
องค์รัชทายาทหนุ่มทำท่าทางฮึดฮัด เขาไม่สบอารมณ์นักกับคำพูดเตือนสติของผู้เป็นตา
“เพราะอย่างนั้น ข้าเลยต้องกำจัดพวกมันทุกคนที่คิดจะมาแย่งชิงทุกอย่างไปจากข้าอย่างไรเล่า ท่านตา”
“จะกำจัดองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองไม่ใช่เรื่องง่าย” ราชครูเปี๋ยนออกโรงเตือน
“ทางที่ดีตอนนี้เจ้าเองต้องทำตนให้เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อให้มาก อย่าได้ก่อเรื่องก่อปัญหาเหมือนที่ผ่านๆมา อ้อ แล้วมีอีกเรื่อง…”
“เรื่องอะไรหรือพะย่ะค่ะเสด็จแม่?” ไป๋เฟยหลงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เรื่องงานอภิเษกของเจ้า แม่เห็นว่าเจ้าเพิ่งได้รับตำแหน่งไท่จื่อมาหมาดๆ ถือเป็นเรื่องมงคล แม่ปรึกษากับเสด็จพ่อ อยากให้ไป๋กว๋อมีงานมงคลที่ยิ่งใหญ่ ราษฎรจะได้ชื่นชมยินดี สร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่เจ้าไว้เสียแต่เนิ่นๆ ตอนนี้องค์ชายทั้งหลายยังไม่มีผู้ใดแต่งงาน เจ้าเองที่มีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาท ควรที่จะแต่งงานก่อนผู้อื่น”เปี๋ยนฮองเฮาอธิบาย
“แต่งงาน…แต่งงานเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะ?”
“ใช่ เจ้ามีสตรีที่เจ้าหมายตา หรือ พึงพอใจเอาไว้แล้วหรือไม่?”
สตรีที่หมายตาเอาไว้เช่นนั้นหรือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไป๋เฟยหลงยังไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องสตรีมากนัก เพราะเขาเอาแต่เฝ้าจับตามองบรรดาพี่น้ององค์ชายด้วยกันว่าผู้ใดมีความสามารถโดดเด่น ผู้ใดควรที่จะดึงเข้ามาเป็นพวก ผู้ใดควรที่ตั้งตนเป็นศัตรู เขาให้คนของเขาแทรกแซงเข้าไปทุกตำหนัก ทั้งตำหนักอ๋อง ตำหนักเหล่าสนมชายาทั้งหลายเพื่อสืบดูความเป็นไปและความเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้น
“ลูกยังไม่มีผู้ใดที่ลูกรู้สึกพอใจเลยพะย่ะค่ะ” ไป๋เฟยหลงตอบตรงตามจริง วันๆเขาเอาแต่เฝ้าจับตามองคนอื่นจนลืมเรื่องของตนเองไปเสียสิ้น สตรีที่เขาพบเจอจะมีก็แต่เหล่านางกำนัลในวังหลังที่พร้อมใจทอดสะพานให้เขาเพื่อหวังยกฐานะของตน แต่คนอย่างองค์รัชทายาทมีหรือที่จะชายตาแลเหล่านางกำนัลรับใช้ชั้นต่ำเหล่านั้น สตรีที่คู่ควรกับเขาย่อมต้องเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ เป็นสตรีจากชนชั้นสูงอย่างมารดาของเขา ถึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งฮองเฮาในอนาคต
“เช่นนั้น แม่ว่า จะจัดงานคัดเลือกไท่จื่อเฟยและนางในให้เจ้า ส่งเทียบเชิญบุตรสาวของขุนนางชั้นสูงและคหบดีผู้มั่งคั่งทั้งแคว้นไป๋กว๋อให้มาร่วมงาน เจ้าได้คัดเลือกพระชายาก่อนองค์ชายองค์อื่นๆนั่นหมายความว่า เจ้าจะได้เลือกสตรีก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นสตรีเหล่านั้น เรื่องนี้แม่ได้หารือกับเสด็จพ่อแล้ว ฝ่าบาทเองก็ทรงอยากให้วังหลวงมีพิธีอภิเสกสมรสขององค์รัชทายาทโดยเร็ว เพื่อความมั่นคงเป็นปึกแผ่นของบัลลังก์
ไป๋เฟยหลงทำท่าคิด
คงจะดีไม่น้อย หากทั้งองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองมีสตรีที่หมายปองไว้แล้วและนางเหล่านั้นจำต้องมาเข้าร่วมคัดเลือกเป็นไท่จื่อเฟย เรื่องนี้คงสร้างความร้อนรนและปั่นป่วนในหัวใจให้พี่ใหญ่และพี่รองได้ไม่น้อย ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้ รวมถึงไม่เคยให้ใครตามสืบเรื่องหัวใจของพี่ชายทั้งสองนะ
“ โจวซุ่น ไปสืบมาว่าพี่ใหญ่กับพี่รองมีสตรีที่พวกเขาพึงใจแล้วหรือยัง แล้วรีบมารายงานข้าโดยด่วน” ไป๋เฟยหลงที่เพิ่งเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้รีบสั่งงานคนสนิทของเขา
“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะองค์รัชทายาท” โจวซุ่นกล่าวเสร็จรีบถอยออกไปจัดการตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
“นี่ลูกจะทำอันใด?” เปี๋ยนฮองเฮามุ่นคิ้วถามพระโอรสอย่างสงสัย
“ลูกก็จะแย่งทุกอย่างเอามาเป็นของลูกน่ะสิพะย่ะค่ะ” ไป๋เฟยหลงแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เจ้าเริ่มจะฉลาดขึ้นมาแล้วสินะ หลานชายของข้า ฮ่าๆๆๆๆ” ราชครูเปี๋ยนพึงพอใจกับการรุกของหลานชาย
“ใครว่า ข้าฉลาดมาตั้งนานแล้วต่างหาก ก็ท่านตาของข้าเป็นถึงท่านราชครู ที่ปรึกษาผู้ทรงเกียรติของฮ่องเต้นี่นะ ฮ่าๆๆๆ”
“ตอนนี้เป็นที่รู้ๆกันว่า องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองนั้นคาดหวังในบัลลังก์มังกรเฉกเช่นเดียวกับเจ้า พวกเขาคงถือว่าพวกเขาเป็นพี่ สมควรที่จะได้เป็นฮ่องเต้มากกว่าเจ้า”
“และพวกเขาคงไม่หยุดแค่นี้แน่ ยอมให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทไปก่อน แล้วค่อยวางแผนชิงบัลลังก์ทีหลัง” ราชครูเปี๋ยนเสริม
“ข้านึกไว้อยู่แล้วแหละท่านตา พี่ใหญ่ดึงพี่รองมาเป็นพวก หวังจะดึงความโปรดปรานของเสด็จพ่อไปที่ฝ่ายของตน”
“แล้วเจ้าล่ะ ดึงใครมาเป็นพวกหรือยัง?” ราชครูเปี๋ยนเอ่ยถาม
“เฟยหมิงล่ะ เจ้าว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรเสียแม่ก็มีบุญคุณกับเขา รับเขาเป็นโอรสบุญธรรม เขาน่าจะอยู่ข้างเจ้า อย่างน้อยก็น่าจะเห็นแก่แม่” เปี๋ยนฮองเฮาดวงตาเป็นประกายเมื่อเล็งเห็นผลประโยชน์จากพระโอรสบุญธรรมที่พระนางไม่เคยให้ความรักเลย
“โธ่!เสด็จแม่ เจ้าสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์นั่นน่ะหรือ อย่าว่าแต่ดึงมาเป็นพวกเลย แค่หน้ามันลูกยังไม่อยากจะมอง กลัวว่าจะกินอะไรไม่ลง หน้าตามันช่างน่าขยะแขยงนัก อีกอย่าง เสด็จพ่อไม่ใช่เพียงไม่ทรงโปรดปราน ใครๆก็รู้ว่าเสด็จพ่อทรงเกลียดมันเข้ากระดูกดำ ขืนลูกเอามันมาเป็นพวกมีหวังลดคะแนนความโปรดปรานในใจเสด็จพ่อลงไปอีก”
“อืม…เจ้าเริ่มจะเข้าใจชีวิตมากขึ้นแล้วจริงๆ องค์รัชทายาท หลานชายของข้า ฮ่าๆๆๆๆ”