8

1279 Words
8 “จูบดีไหม” “บ้าสิ” “เมื่อกี้ใครท้าให้จูบ” เธอแก้มป่อง ยกมือปิดปากจิ้มลิ้มไว้แน่น เขามองเห็นแค่ลูกตาวาวๆ เอาเรื่อง เขาอยากมีเรื่องเหลือเกิ๊น!!! โจคิดครึ้ม หากที่ทำคือหันไปดึงเบาะมอเตอร์ไซค์ขึ้น หยิบเอาเสื้อยีนสีดำตัวหนึ่งออกมาสะบัดคลุมไหล่เล็ก “ใส่เสื้อ” คนดื้อก็ยังดื้อ ยืนถลึงตามองเขานิ่งอยู่อย่างนั้น ใบบัวรู้แก่ใจว่าความดื้อของเธอเอาชนะลูกบ้าเขาไม่ได้หรอก ร่างสูงก้าวเข้าไปใกล้กันอีกนิด ก้มหน้าลงมาใกล้จนได้กลิ่นแก้มใส “ฉันจะไปสายนะใบบอน จะใส่เสื้อดีๆ หรือว่าต้องโดนจูบซะก่อน บางทีฉันก็คิดนะว่า เธอยั่วฉันอยู่รึเปล่า ปากบอกไม่อยากให้ฉันยุ่งแต่ก็ต่อต้านไม่เลิก แบบนี้ยิ่งจะทำให้ฉันอยู่ใกล้เธอนานๆ นะ รึเธอต้องการให้เป็นแบบนั้น” “หลงตัวเองที่สุด” ใบบัวยกแขนขึ้นสอดเข้าไปในแขนเสื้อทีละข้าง อย่างกระทั้นกระแทกบอกความไม่เต็มใจ ส่วนเขาเพียงยักไหล่ เธอสวมหมวกแล้ว ใส่เสื้อยีนเนื้อหนาเพื่อกันลมเย็นๆ แล้ว เขาหันไปก้าวคร่อมรถสองล้อ รถคันนี้รุ่นน้องที่รู้จักทิ้งไว้ให้ใช้เมื่อรู้ว่าวันนี้เขาเลิกค่ำกว่าปกติ เขาหยิบหมวกอีกใบมาสวม หันมาพยักหน้าให้คนขี้งอนขึ้นรถ ใบบัวไม่อยากไปกับหมอนี่สักนิด หากการขัดใจเขาในเวลาแบบนี้ไม่เป็นการดีนัก เธอรวบกระโปรงยาวของตน เบี่ยงตัวนั่งเอียงข้าง ใช้หนังสือวางทับขาไว้ โจเอี้ยวตัวมามอง ถือวิสาสะถึงมือข้างหนึ่งของเธอสอดอ้อมเอวเขาไปเกาะที่หน้าท้องแบนเรียบ “เดี๋ยวหล่นกลางทาง ขี้เกียจกลับมาตามเก็บ” ไอ้คนขี้เก๊ก หลงตัวเองเหลือร้าย! ใบบัวนึกค่อนขอดมาตลอดทางจากมหา’ลัยจนมาถึงรังสิต ช่วงเวลานี้บนถนนคับคั่งด้วยรถยนต์ ยังดีที่รถของพวกเธอเป็นมอเตอร์ไซค์ สามารถซอกแซกไปตามช่องว่างเล็กๆ ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้เวลาเดินทางเกือบห้าสิบนาทีจึงพากันมาถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เป็นจุดหมาย เขาพารถมาจอดบริเวณป้ายรถเมล์สำหรับเข้าคลองธัญบุรี เธอรีบลงจากรถ ถอดหมวกส่งคืนให้ ด้วยอยากจะไปให้พ้นๆ หน้าคนบ้าพรรค์โจสักที เธอเดินดุ่มๆ ไปเปิดประตูรถแท็กซี่ที่จอดรอผู้โดยสารแถวนั้น ยอมเสียค่ารถแพงขึ้นจากปกติที่มักจะนั่งรถสองแถว แต่ยังไม่ทันอ้าปากบอกคนขับ ประตูหน้าด้านข้างคนขับก็เปิดออก และเขาก้มลงมายื่นเงินแบงก์ห้าร้อยให้คนขับ “คลองห้าหน้าหมู่บ้านเมฆวิมานครับพี่” ใบบัวได้แต่เม้มปากฉุนๆ นั่งคอแข็ง เป็นบ้าอะไรนะถึงได้วุ่นวายกับเธอจัง และยังไม่คิดไม่จบ คนวุ่นวายก็มองมาที่เธอพลางสั่ง “เข้าบ้าน อย่าเถลไถลที่ไหนล่ะ อาบน้ำเสร็จกินนมนอน...” อ๊าย!!! ใบบัวถลึงตามองหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ อยากกรี๊ดลั่นๆ แต่กลัวคนขับจะไล่ลงจากรถ อายก็อาย โกรธก็โกรธในสิ่งที่คนเคยรู้จักทำ แต่โจไม่อยู่ให้เธอใช้สายตาแถเนื้อเถือหนังเขานาน พูดจบก็ปิดประตูรถทันที เขาใช้เวลาบอกคนขับรถกับพูดกับเธอเพียงนาทีนิดๆ แต่ทำให้เธอต้องนั่งอายคนขับแท็กซี่ไปเกือบยี่สิบนาที ไอ้หมาบ้าโจ ฮึ่ม... ทำอะไรไม่ได้ ไม่กล้ามองหน้าคนขับ ใบบัวฮึดฮัดกับตัวเอง มองนอกกระจก วิวเดิมๆ ก้มลงมองหนังสือในมือ ก่อนจะสังเกตได้ว่า เธอยังสวมเสื้อหมาบ้าอยู่ ถอดทิ้งดีไหมนะ... ตาเหล่มองคนขับด้านหน้าแล้ว เปลี่ยนใจทันที เดี๋ยวพี่คนขับแท็กซี่จะคิดว่าเธอบ้า ไม่ก็อ่อย มีอย่างที่ไหนมาถอดเสื้อในรถ เอาไว้ลงจากรถค่อยถอดโยนทิ้งถังขยะข้างป้ายรถเมล์ก็ได้ ชิ... หลังจากนั่งหน้าม้านมาตลอดทาง ใบบัวก็ได้ลงจากรถ หอพักของเธอเป็นอพาร์ตเมนต์ขนาดห้าชั้นตั้งอยู่ติดกับหมู่บ้านเมฆวิมาน บริเวณนี้มีตึกให้เช่าด้วยกันหลายตึก ส่วนใหญ่แล้วคนเช่าเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย ที่พักของเธอไกลจากมหาวิทยาลัยมาก นั่นเพราะแรกเริ่มเดิมทีในช่วงปิดภาคเรียนจบชั้นม.6 เธอตามพี่ๆ เพื่อนๆ มาทำงานโรงงานแถบนี้ ครั้นเปิดเรียนคนอื่นๆ ย้ายไปพักแถวที่เรียนกันหมด เธอกลับชอบที่นี่ ชอบที่ยังได้เห็นคลอง ชาวบ้านแถวคลองทำสวนผักบุ้ง เช้าๆ พายเรือเก็บผักบุ้งกัน ยังมีไร่นาสีเขียว ได้มองทีไรใจผ่อนคลายและที่พักแถวมหาวิทยาลัยค่าเช่าแพง ตัวเธอเองไม่อยากอยู่หอมหา’ลัย การนั่งรถเมล์เช้าเย็น ได้ดูชีวิตประจำวันของผู้คนมันทำให้เธอมีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น วันไหนเหนื่อยๆ มองเห็นคนไร้บ้าน คนพิการหรือขอทานตามป้ายรถเมล์ มันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยังโชคดีกว่าคนเหล่านั้น เธอยังมีบ้าน มีพ่อแม่และพี่ชาย เธอยังมีสองมือสองเท้าและมีโอกาสได้เรียนหนังสือเพื่อจะได้มีงานที่ดีทำหาเงินเลี้ยงพ่อแม่ยามท่านแก่เฒ่า สิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดัน เป็นพลังจนถึงวันนี้ที่เธอเรียนปีสี่ แม้ว่าครั้งหนึ่งชีวิตต้องผจญกับความเสียใจแบบที่ทำให้มองโลกทั้งใบมัวซัวมาแล้วก็ตาม ร่างอรชรทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงขนาดห้าฟุต วางเสื้อแจ็กเกตยีนสีดำลงข้างๆ จนแล้วจนรอดเธอทำใจทิ้งเสื้อตัวนี้ลงถังขยะไม่ได้ “อยู่ดีๆ ก็มาทำตัวแปลกๆ นายกำลังเล่นอะไรนะโจ...” “อ้าว เกือบสายนะมึง” โจพยักหน้าให้เพียวเป็นการทักทาย เดินเลยขึ้นไปบนเวทีเพื่อเทสต์กลองชุด “ไอ้ภาสล่ะ” “ไปห้องน้ำ” โจพลิกข้อมือมองนาฬิกา กว่าเขาจะหาที่จอดรถได้เสียเวลาไปหลายนาที และตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้ว “มึงไปเรียกมันแล้วกัน กูขอเทสต์เสียงกลองแป๊บ” ภายในร้านมีนักเที่ยวเข้ามาพอสมควร ผับในห้าง เปิดตั้งแต่บ่ายก็เป็นธรรมดาที่จะมีนักเที่ยวไม่ขาด และโซนนี้ทั้งแถบมีร้านเหล้ามีผับอยู่หลายร้าน วันที่มาติดต่อกับพี่เจ้าของร้าน พวกเขาได้นั่งกินเหล้าต่อ เห็นแล้วว่า นักเที่ยวแถวนี้เยอะทีเดียว โจพาตัวเองเข้าไปนั่งหลังกลองชุด เครื่องดนตรีที่เขาชื่นชอบ หัดเล่นมาตั้งแต่แปดขวบ กระทั่งก่อนเข้ามัธยม ได้รู้จักกับภาสและเพียวที่โรงเรียนสอนพิเศษ นั่นเป็นจุดเริ่มของการธีมวงกันมา ทุกครั้งของการขึ้นเล่นดนตรี เขามีความตื่นเร้าฮึกเหิมเสมอ ไม่ต้องบิวต์ด้วยเบียร์เย็นๆ แก้วโต เขาก็สนุกกับการหวดไม้ใส่เครื่องดนตรีได้ และสาวๆ ในร้านก็ช่วยให้จิตใจมันคึกคักครึกครื้นได้ไม่ยาก หากวันนี้เขาไม่นึกอยากกวาดตามองใคร นอกจากโน้ตเพลงในหัวแล้ว มักจะมีหน้าตาของอดีตคนเคยรู้จักฉายซ้ำไปมา เฮ้อ... ทำไมต้องคิดถึงยายใบบอนด้วยวะ เพิ่งแยกกันไม่กี่นาทีก่อน ตอนนี้ดันอยากมองหน้าใสๆ นั่นอีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD