9

1108 Words
9 “เอ้าเพียว ไอ้ภาสกลับแล้วเหรอวะ” วันนี้มีเรียนเช้า เลิกคลาสตอนสิบโมง โจพบเพียวกำลังจะเข้าลิฟต์พอดี เพราะเรียนตึกเดียวกันเพียงแต่คนละห้อง ภาสบอกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าวันนี้เรียนเสร็จแล้วจะกลับก่อน “มั้ง เมื่อกี้เจอนก เธอบอกว่ามันออกจากห้องนานแล้ว” นก คือเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกับภาสนั่นเอง โจพยักหน้ารับรู้ หากก็ยังสงสัย บ่นเบาๆ ขณะก้าวเข้าไปในลิฟต์ “มันรีบไปไหนของมัน ลองเพจถามมันดู” “มึงลืมรึไง เมื่อคืนมันบอกว่าเพจมันไม่ได้อยู่กับมัน” “เออว่ะ กูว่าพวกเราคงต้องซื้อโทรศัพท์ละ หาตัวกันยากแบบนี้” “กูเล็งโนเกีย 8210 น่าสนใจนะมึง ไปดูกันมั้ยวันนี้ ไม่มีเรียนแล้วนี่หว่า” เพียวปิดปากหาว เมื่อคืนเล่นดนตรีเลิกดึกไปนิด เขายังง่วง หรือจะง่วงจนเป็นนิสัยไปแล้ว เขาก็ชักสงสัยตัวเองเหมือนกัน ว่างเป็นไม่ได้ มักจะมีอาการง่วงเหงาหาวนอนตลอด ออกจากลิฟต์ก็พากันเดินตรงไปที่ลานจอดรถเลย โจนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่มีเรียนแล้ว แต่มีธุระต้องไปทำ “ไว้รอไปซื้อพร้อมกันกับไอ้ภาสดีกว่ามึง งั้นแยกกันตรงนี้นะ กูเอารถไปคืนไอ้กานต์มันก่อน” ไม่ใช่ห่วงเพื่อนกลัวไม่ได้โทรศัพท์พร้อมกันหรอกนะ แต่ขี้เกียจพามันไปซื้อทีหลัง “เออๆ” เพียวแยกไปขึ้นรถ วันนี้เขาขับรถยนต์มาเอง ขณะที่โจเดินไปหามอเตอร์ไซค์ คันเดิมเมื่อวาน ยังไม่ได้คืนรุ่นน้อง เมื่อเช้ามันเพจหาบอกว่าไม่มีเรียน เขาจึงต้องเอาไปคืนมันที่หอพักข้างมหา’ลัย กานต์เป็นน้องสายรหัส มันเรียนอยู่ปีสามสาขาและภาควิชาเดียวกันกับเขา โจเคยมากินเหล้าที่ห้องมันหลายครั้ง สนิทกันจนเหมือนพี่น้อง ขับรถห้านาทีก็ถึงหอที่กานต์พัก เมื่อประตูห้องเปิด สิ่งแรกที่เตะจมูกเต็มเหนี่ยวคือกลิ่นเบียร์หึ่ง ไอ้กานต์กับเพื่อนเพิ่งโงหัวขึ้นจากโซฟา “หวัดดีครับพี่โจ” ไอ้อ้นคนเปิดประตูหัวเราะแหะๆ “แม่งกินหรืออาบกันวะ กลิ่นนี่หึ่งมาก” โจพยักหน้าให้กานต์ที่ยกมือไหว้ เขาโยนกุญแจรถให้ “เอามาคืน” “ใช้ไปก่อนก็ได้พี่โจ” “ขอบใจว่ะ กูเกรงใจ เมื่อวานสุดวิสัยจริง” “โอ๊ย อย่าเกรงใจมันเลยพี่ ไอ้กานต์มันเพิ่งถอยคันใหม่มา มันเห่อมาก” เพื่อนกานต์อีกคนรีบบอก “ซื้อทำไมเยอะแยะวะ” “มันสวยเตะตาอะพี่ พอถอยมาแล้ว อยากได้โทรศัพท์เลยต้องอดเลย” กานต์บอกเสียงเซ็งๆ เพราะซื้อรถคันใหม่ เงินหมด จะขอค่าขนมจากพ่อแม่เพิ่มก็ไม่กล้า เห็นเพื่อนๆ ซื้อโทรศัพท์ก็อยากได้ โทรศัพท์มือถือกำลังเข้ามาเป็นที่นิยมของวัยรุ่น หลังจากเพจเจอร์ฟีเวอร์กันมาระยะหนึ่ง มีโทรศัพท์หลายยี่ห้อแข่งกันผลิตสินค้าออกมา ผู้คนให้ความสนใจเพราะเครื่องเล็ก ไร้สาย พกพาไปไหนก็ได้ และที่สำคัญ สามารถพูดคุยกับอีกคนได้ ขณะที่เพจเจอร์ทำได้แค่ส่งข้อความผ่านคอลล์เซนเตอร์เท่านั้น “จะยากอะไร มึงก็เอารถไปขายสิวะไอ้กานต์” อ้นแนะนำ โจขมวดคิ้ว ขายร้านจะได้สักกี่บาทกัน รถถึงสภาพไม่เก่าแต่ตกรุ่นแล้ว “มึงจะขายเท่าไหร่” “พี่โจจะซื้อรึไง” “เออดิ เข้าร้านจะได้กี่บาทกันวะ ไม่ใช่รถรุ่นใหม่” “พี่จะซื้อไปทำไมอะ อย่างพี่โจไปถอยป้ายแดงเลย” “ไม่อะ เก็บตังค์ไว้กินเหล้า ป้ายแดงแพงไป” “โด่ ทำพูด” รุ่นน้องส่งเสียงโห่ กานต์ส่ายหน้าขำๆ เขาพอรู้ว่า พี่รหัสคนนี้มีรายได้ไม่น้อยจากการเล่นดนตรีและได้ยินมาเลาๆ ว่า ครอบครัวของโจนั้นมีฐานะดี “ขายก็ได้พี่ แต่ว่า...พี่โจแล้วก็พวกมึงห้ามบอกพี่กูนะ” กานต์ทนความอยากได้โทรศัพท์ไม่ไหว ที่ต้องกำชับไม่ให้แพร่งพรายให้พี่ชายของตนรู้ เพราะพี่ชายก็เรียนมหา’ลัยเดียวกัน แต่ไม่ได้กลัวพี่หรอกขี้เกียจฟังมันบ่นมากกว่า “มึงมันสวมควรโดนไอ้เก่งด่า” “โธ่... พี่โจก็ อย่าซ้ำเติมน้อง มีรถเท่ๆ แล้วไม่มีโทรศัพท์มันไม่จ๊าบ” โจฟังแล้วส่ายหน้า ศัพท์สแลงวัยรุ่นยอดฮิตของไอ้กานต์มันคือความเท่ ความสุด ความเลิศเลอเพอร์เฟกต์ เขาเข้าใจความรู้สึกของมันดี ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็อยากให้ตัวเองดูเลอเลิศในสายตาผู้หญิงทั้งนั้น เมื่อตกลงกันได้ นั่งคุยกันพักใหญ่ โจขับรถกลับเข้ามอมาพร้อมกับรุ่นน้องเพื่อกดเอทีเอ็มจ่ายค่ารถให้กานต์ ก่อนพวกนั้นแยกไปโรงอาหาร โจนั่งมองรถแล้วส่ายหน้าให้กับความบ้าของตัวเอง แม้รถจะสภาพดี หากมันเกินความจำเป็นของเขาเหมือนกัน ที่บ้าคือ เขาดันรู้สาเหตุซะด้วยว่าทำไมถึงตัดสินใจซื้อรถคันนี้ แค่...เกิดอารมณ์รับไม่ได้ รถที่ยายนั่นได้นั่ง เขาไม่อยากให้ใครซ้ำรอย แค่นั้นเอง! “ไหนๆ ก็บ้าแล้ว บ้าไปให้สุดเลยละกันมึงไอ้โจ” ชายหนุ่มหัวเราะให้ความคิดของตนเบาๆ แล้วขับรถไปยังคณะที่อยู่ไกลที่สุด รู้สึกอยากเห็นหน้าใสๆ ของใครบางคนขึ้นมา โจนั่งคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดไว้ใต้ร่มต้นหูกวางริมถนน นั่งรอพักใหญ่ คนที่เขาอยากเห็นหน้าก็เดินออกมาจากตึกพร้อมกลุ่มเพื่อน “นั่น นายโจคณะบริหารฯ หรือเปล่าแก” เสียงเพื่อนร่วมคณะทำให้ใบบัวและกลุ่มเพื่อนต้องหันไปมองยังทิศทางที่สาวๆ กลุ่มหนึ่งกำลังพยักพเยิดกันอยู่... ใบบัวนิ่วหน้า ระยะห่างจากตึกถึงต้นหูกวางพอสมควร เธอยังเห็นว่าหมอนั่นก้มหัวตอบรับคำทักทายทั้งยิ้มให้รุ่นน้องที่เดินผ่าน เธอไม่อยากเห็นหน้าคนบ้านั่นนักหรอก พอๆ กับที่ไม่อยากให้เขาเห็นเธอ แต่คงเป็นไปไม่ได้ ถึงมหา’ลัยนี้ค่อนข้างใหญ่ มีหลายคณะ ทว่าแต่ละคณะก็มีตึกเรียนเพียงสองสามตึกเท่านั้น “นายโจนี่เป็นคนยิ้มเก่งดีเนอะ ดูท่าจะเข้ากับคนอื่นง่ายดี” เสียงกุ้งดังมาเบาๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD