บทที่4      

2644 Words
...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... เมื่อมือปราบหวู่คนสนิทของท่านนายอำเภอจางนำจดหมายขนาดสั้นที่จางเสียนอีต้องการปรึกษาหารือเรื่องงานแต่งงานที่จะบังเกิดในอีกสามวันข้างหน้ามาส่งให้จนถึงมือของสวีฉีเฟิ่ง ซึ่งพอได้รับนิ้วเรียวยาวนั้นคลี่กระดาษออกอ่านเพียงครู่ก็ยกยิ้มมุมปากแกร่งเล็กน้อย “ซั่วเจาคุณหนูสี่กับเหล่าฮูหยินจางนั้นออกจากแคว้นฉู่ไปแล้วใช่หรือไม่?” แน่แท้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังปล่อยให้สองย่ากับหลานสาวหนีไปคือเขาเองแต่นอกเหนือความคาดหมายก็คือจางเยว่ซินนั้นถึงกับลงมือเหี้ยมโหดจนเกือบสังหารน้องสาวฝาแฝดของตนเองได้เสียแล้วนับว่าเป็นสตรีใจคออำมหิตไม่น้อยดีแล้วที่ตั้งแต่แรกเขาก็มิได้หมายตานางมาเป็นหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินและสำหรับเขาสิ่งใดที่เขาหมายตาจับจองแล้วผู้ใดบังอาจแตะต้องพวกมันเหล่านั้นย่อมไม่ได้ตายดีนัก จางเยว่ซินเองก็มิได้รับข้อยกเว้นในเมื่อเขาเหลือทางรอดให้พวกนางกับผู้เป็นท่านย่าได้มีทางเดินทว่านางกลับเลือกจะสังหารได้ลงแม้แต่น้องสาวฝาแฝดคนเช่นนี้ให้ตายเร็วคงปรานีเกินไป “พอขบวนของพวกนางออกไปพ้นประตูเมืองไปสักสามร้อยลี้ก็ส่งโจรไปดักปล้นมิต้องฆ่าให้ตายเพียงกรีดใบหน้านางสักหลายแผลหน่อยก็ดีอ้อ...ตัดเส้นเอ็นนางให้เดินได้ยากสักหน่อย อย่าให้นางถึงตายเด็ดขาดเช่นไรนางก็เป็นว่าที่พี่สาวภรรยาของข้า” น้ำเสียงสั่งการนั้นสงบเรียบเรื่อยดังกับสั่งให้’ มือขวา’ ไปหาซื้อของให้หนึ่งชิ้นมิได้สั่งให้ไปทำร้ายคนจนเสียโฉมและพิกลพิการเลยสักนิด ซึ่งซั่วเจาก็โค้งกายรับคำสั่งแต่โดยดี คล้ายเรื่องเหล่านี้ เขาทำปกติธรรมดาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นคนเช่นหนานเฉิงกั๋วกงหากพึงใจให้คนหนึ่งตายก็ต้องตายไปแต่หากเขาไม่ต้องการให้ตายต่อให้มาวิงวอนตรงหน้าเขาก็มิยินดีให้อีกฝ่ายสมหวังเด็ดขาด! “ท่านพ่อบ้านซูเร่งเตรียมรถม้ากับจัดโจ๊กแปดเซียนให้ข้าด้วย กับของฝากไปให้ท่านพ่อตาด้วย ข้าจะไปเยี่ยมคุณหนูห้าสกุลจางสักหน่อยต้องแสดงน้ำใจให้ดี” พอคนสนิทมือขวาจากไปสวีฉีเฟิ่งจึงเรียกพ่อบ้านใหญ่มาสั่งการทันทีก็ในเมื่อจะไปพบหน้าว่าที่ภรรยาครั้งแรกมันก็ต้องสร้างความประทับใจกันบ้าง “ขอรับนายท่าน” บุรุษวัยสี่สิบเอ็ดหนาวนามว่า’ซูจิ้งเหยา’โค้งกายรับคำสั่งแล้วเร่งจากไปทำตามคำสั่งอีกผู้หนึ่ง นิ้วเรียวยาวที่จับเพียงพู่กันและรางลูกคิดเท่านั้น แต่ก็มิใช่ว่าดาบและกระบี่หรืออาวุธอื่นๆเขาจะไม่เคยแตะต้อง นั้นขยับไปตวัดพู่กันกับอีกมือนั้นเร่งดีดลูกคิดคล่องแคล่วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อหวังเร่งให้เสร็จสิ้น …ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก… “เข้ามา” บุรุษกายกำยำใบหน้าด้านขวามีแผลเป็นขนาดใหญ่กินเนื้อที่บนแก้มขวาไปเกือบทั้งหมดผลักประตูเข้ามาแล้วโค้งกายนอบน้อมผิดกับรูปกายโดยสิ้นเชิง “เถ้าแก่เจ็ดคิดหลบหนีไม่ยอมจ่ายหนี้ที่ติดหนี้เราอยู่แปดร้อยตำลึงเมื่ออาทิตย์ก่อนขอรับมิทราบว่านายท่านต้องการจะให้ข้าลงมือเช่นไรดี” เหิงเซา’ผู้ดูแล’ หอ’รุ่ยเฟิ่ง’ซึ่งนั้นทำหน้าที่ควบคุมกิจการโรงเตี้ยมขนาดใหญ่และมียังบ่อนพนัน’ฟ่านไฉ’ ซึ่งมีสาขาแทบจะทุกแคว้นใหญ่ในแผ่นดินต้าเหลียงกับการปล่อยเงินกู้รวมอยู่ด้วยเข้ามารายงานผู้เป็นนายหลังจากไปยึดทรัพย์มาจนหมดแปดร้อยตำลึงนั้นกลับยังไม่พอให้หักลบกลบหนี้ไปได้ “แล้วมันมีลูกมีภรรยาหรือไม่หากมีก็จัดการไปตามสมควร” ใบหน้างดงามคล้ายสตรีถึงเจ็ดส่วนยังคงก้มต่ำอ่านบางสิ่งในสมุดบัญชีไม่เปลี่ยนกิริยาตามนิสัยไม่ค่อยอินังขังขอบกับสิ่งรอบกายทั้งสิ้นไม่ว่าเป็นเรื่องเป็นหรือเรื่องตายเขาล้วนสงบนิ่งได้อยู่เสมอ “กับยังมีคนแปลกหน้าเข้ามาเล่นพนันอยู่หกชั่วยามกลับมีแต่ได้ไม่มีเสียเลยขอรับนายท่าน” คราวนี้นิ้วเรียวยาวซึ่งกำลังตวัดพู่กันกับอีกข้างกำลังดีดลูกคิดพลันหยุดนิ่งใบหน้าที่ก้มอยู่นั้นหันขวับไปมองคนสนิทเช่นเหิงเซาด้วยสายตาไม่พึงใจอย่างยิ่ง “ข้าจะไปดูด้วยตนเองอยากรู้เช่นกันว่าเป็นผู้ใดที่คิดลองดีกับข้าสวีฉีเฟิ่ง!...ท่านพ่อบ้านซูโจ๊กแปดเซียนเสร็จแล้วก็ส่งตามไปก็แล้วกันข้าจะไปฟ่านไฉสักหน่อย” สั่งการไปพลางมือเรียวยาวนั้นก็เก็บบัญชีบนโต๊ะไปพลางเพียงครู่ทุกสิ่งก็เรียบร้อยจนแม้แต่ท่านพ่อบ้านใหญ่ซูจิ้งเหยานั้นขนาดอยู่ดูแลจวนหลักที่เจียงหนานนั้นถึงสิบเจ็ดหนาวยังไม่กล้าบังอาจไปแตะต้องโต๊ะและของบนโต๊ะของ’ นายท่านสวี’ นามว่าฉีเฟิ่งผู้นี้เลยแม้สักครั้งเดียว …โรงเตี๊ยมจิ้งไฉ… อีกครึ่งชั่วยามต่อมาสวีฉีเฟิ่งก็มายืนสังเกตการณ์อยู่บนชั้นที่สามของหอ’ฟ่านไฉ’ ในส่วนของบ่อนพนันสำหรับไฮโลและโต๊ะเล่นไพ่สายตาจับจ้องอยู่ที่คนแปลกหน้าสองกลุ่มที่แยกกันเล่นพนัน ทั้งไพ่และไฮโลกับโต๊ะกำถั่ว ก่อนที่ดวงตาคมเข้มนั้นจะหรี่แคบลงเมื่อสายตาว่องไวจับบางสิ่งผิดปกติได้ในที่สุด “ไปเชิญพวกเขามารับรางวัลกับข้าสักหน่อยเถิดเหิงเซา” กล่าวจบกายสูงใหญ่ในอาภรณ์สีดำทะมึนสั่งความเสร็จเขาจึงเดินไปรอยังห้อง’ มอบรางวัล’ ซึ่งอยู่ที่ชั้นใต้ดินด้วยกิริยาเยือกเย็นคล้ายกำลังเตรียมตัวจะไปเดินชมสวนก็มิปาน …โครม!...โครม!... “ปล่อยพวกข้านะ!” บุรุษวัยราวสามสิบปีแต่งกายดูดีบ่งบอกว่ามีฐานะมิใช่น้อยถูกมัดมือมัดเท้าแล้วโยนโครมไปกองอยู่บนพื้นใกล้ปลายเท้าของสวีฉีเฟิ่งที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดียกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยกิริยาเนิบนาบใจเย็น ทว่ากลิ่นอายอำมหิตเข้มข้นกลับกรุ่นกำจายไปทั่วห้องใต้ดินแห่งนี้ “มิทราบว่าคุณชายเป็นคนของสกุลใดกันจึงบังอาจมา’ หากิน’ ไม่ดูเจ้าของเช่นนี้” วันนี้เวลาของสวีฉีเฟิ่งนั้นมีน้อยเขาจึงไม่อยาก’เล่นสนุก’ กับ’ สวะ’ ตรงหน้าเลยพูดจาตรงไปไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใดเพราะสำหรับเขาตอบก็ดีไม่ตอบก็ช่างสุดท้ายสิ่งใดเขาอยากรู้ในใต้หล้านี้ล้วนไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นไปไม่ได้สักครั้ง “ข้าแซ่หนิงมีนามว่าซวงเป็นเพียงชาวบ้านผู้หนึ่งที่มาเล่นพนันมิได้มีจุดประสงค์ใด แล้วมิทราบว่านายท่านสวีจับข้ามาทำไมในห้องแห่งนี้” คนที่ดูเป็น’ หัวโจก’ เอ่ยชัดถ้อยชัดคำดูก็รู้ว่ามันคงจะโยกโย้อีกนาน เขามีเวลาไม่มากคงพูดกันเพียงเท่านี้ย่อมดีที่สุดแล้ว เขาจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้เหิงเซาจัดการค้นตัวอีกฝ่ายเอาของที่เป็น’ เครื่องมือ’ คตโกงเงินในบ่อนใต้จมูกของเขาอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้ …ตุ๊บ…ตุ๊บ…ตุ๊บ… ‘ของกลาง’ ประจักษ์อยู่ตรงหน้าทั้งสองคนถึงกับหน้าซีดหากแต่พวกมันยังไม่ทันแก้ตัวอีกสามชีวิตก็ถูกจับโยนไปกองรวมกันเสียแล้ว สวีฉีเฟิ่งไม่พูดมากเขารับมีดจากคนคุมบ่อนมากระชับมั่นคงในมือแล้วพยักหน้าให้อีกสามคนช่วยกันจับตรึงเจ้าคนที่ดูเป็น’ หัวหน้า’ ให้กดมันลงกับพื้น “เปิดปากแล้วดึงลิ้นมันออกมา ในเมื่อข้าให้โอกาสเจ้าพูดแต่เป็นเจ้าที่ไม่อยากพูดเช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดไปจนสิ้นใจก็แล้วกัน” …ขวับ!... “อ๊าก!...” มีดคมกริบตัดฉับเดียวลิ้นก็หลุดออกจากปากของคนแซ่หนิงตกลงพื้นโลหิตมากมายพุ่งกระฉูดตามติดออกมาทันทีโดยที่ใบหน้าของสวีฉีเฟิ่งนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ก็นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขาต้องลงมือ’ เชือด’ พวกอยากลองดีกับ’ฟ่านไฉ’ ที่เขาดูแลอยู่ การเปิดกิจการโรงเตี๊ยมที่มีบริการบ่อนการพนันไปจนถึงคณิกาทั้งชายและหญิงหากไม่อำมหิตคงอยู่ยืนหยัดมิได้เป็นแน่ “ผู้ใดสมควรตัดนิ้วผู้ใดสมควรควักลูกนัยน์ตาเจ้าก็จัดการให้เรียบร้อยนะเหิงเซามิต้องรอให้ข้ากลับมาจัดการอีก” ส่งมีดคืนให้คนคุมบ่อนผู้หนึ่งแล้วเขาจึงเดินเนิบนาบไปล้างมือที่เปื้อนโลหิตกับเช็ดคราบที่ติดตามอาภรณ์สำรวจดูจนดิบดีเมื่อไม่เห็นรอยเปื้อนแล้วเขาจึงเดินกลับขึ้นไปด้านบน ออกตรวจความเรียบร้อยอีกสองเค่อจึงขึ้นรถม้าตรงไปยังจวนสกุลจางต่อไปทันที “หนานเฉิงกั๋วกงเชิญด้านนี้ขอรับ” เพราะไม่มีพ่อบ้านใหญ่แล้วรองพ่อบ้านฮัวจึงออกมาต้อนรับแขกคนสำคัญของท่านนายอำเภอจางด้วยกิริยานอบน้อมอย่างยิ่ง สวีฉีเฟิ่งมองสำรวจไปตลอดทางจากประตูไปจนถึงเรือนรับรองแขกของจวนสกุลจาง เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขามาเยือนจวนของว่าที่พ่อตาในอนาคต “ท่านนายอำเภอจาง” ถึงเขามีศักดิ์สูงส่งกว่าจางเสียนอีแต่ด้วยวัยที่อีกฝ่ายมีมากกว่าเขาซึ่งเป็นแขกมาเยือนเลยเอ่ยทักอีกฝ่ายขึ้นก่อนแต่เขาไม่ได้โค้งกายทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นบุรุษอ่อนวัยคารวะท่านผู้อาวุโสทั่วๆ ไป “ลำบากหนานเฉิงกั๋วกงแล้ว…เชิญนั่งก่อนเถิด” เป็นจางเสียนอีที่ต้องโค้งกายเชื้อเชิญอีกฝ่ายให้ไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะเดียวกับเขา สวีฉีเฟิ่งทิ้งหางตามองไปที่เก้าอี้อีกตัวที่มีฉากผ้าม่านสีชมพูเข้มกั้นขวางเอาไว้คาดเดาได้ไม่ยากว่าหลังม่านนั้นจะมีผู้ใดอยู่ “หวังว่านัดข้ามาพบครั้งนี้คงมี’ ข่าว’ ที่ดีจะแจ้งข้ากระมัง” พอทรุดนั่งแล้วดื่มน้ำชากินของว่างพูดคุยเรื่องทั่วไปครู่ใหญ่สวีฉีเฟิ่งก็เอ่ยเข้าประเด็นหลักทันที จางเสียนอีถึงกับกระแอมกระไอเล็กน้อย แล้วนึกไปถึง’ บท’ ที่บุตรสาวคนที่ห้าได้’ เสี้ยมสอน’ และซักซ้อมก่อนหน้าที่’ แขก’ คนสำคัญจะมาเยือน “ข่าวจะดีหรือร้ายเห็นทีคงต้องแล้วแต่หนานเฉิงกั๋วกงจะเมตตาอาเซียงของข้าแล้ว” ได้ฟังคำกล่าวมาเช่นนี้มุมปากสวยพลันกระตุกมิคาดว่าจางเสียนอีจะ’ เรียกร้อง’ อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ เพราะหากเขาเรียกร้องด้วยกิริยาก้าวร้าวเขายังรับมือได้ง่ายกว่าท่านว่าที่พ่อตามาไม้นวมเช่นนี้ “หมื่นตำลึงพร้อมทองคำอีกสองพันชั่งน้องเซียงคงซาบซึ้งต่อความจริงใจของข้าแล้วกระมัง” จางเสียนอีมิได้เป็นผู้ตอบ ทว่ากลับเป็นสาวใช้เช่นฟางปี้เหลียนรับเอากระดาษแผ่นหนึ่งจากคนที่นั่งอยู่ด้านหลังม่านผ้าแพรสีชมพูเข้ม มาส่งให้แก่สวีฉีเฟิ่ง ซึ่งยิ่งอ่านมุมปากสวยก็ยิ่งกระตุก กลิ่นอายอำมหิตรุนแรงจนท่านนายอำเภอจางยังหายใจลำบากจริงๆ “เงินหนึ่งแสนตำลึงทอง…ทองอีกหมื่นชั่ง…ที่นาห้าพันหมู่…คฤหาสน์ในเมืองหลวงหนึ่งหลัง…ทั้งหมดเหล่านี้น้องเซียงแน่ใจหรือไม่ว่าตนเองมีค่าคู่ควร?” จางเยว่เซียงไม่ตอบนางจดบางสิ่งอีกครู่แล้วส่งผ่านฟางปี้เหลียนมาให้เขาได้อ่านอีกครั้ง “เงินเพิ่มเป็นสองแสนตำลึงทอง…ทองคำเพิ่มเป็นสองหมื่นชั่ง…ที่นาห้าพันหมู่…ที่สวนอีกห้าพันหมู่…ตำแหน่งผู้ว่าการเมืองฉู่ให้แก่ท่านนายอำเภอจาง…น้องเซียงช่างเป็นคนใจกว้างเสียจริง!” มิคาดจางเยว่เซียงนั้นจะไม่พูดอีกแต่เริ่มตวัดพู่กันไปพร้อมกับเสียงฝนแท่นหมึกของสาวใช้ข้างกายก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะยอมให้นางขูดเลือดขูดเนื้อจน’ ซีด’ ไม่เหลือเงินติดกายสักอีแปะ! สองคนคล้ายหลุดไปอยู่ในโลกที่มีเพียง’ เราสอง’ คนอื่นๆ ถูกกันให้ถอยห่างออกไปทั้งที่พวกเขาต่างยังนั่งและยืนอยู่ในที่ในทางของตนเองเช่นเดิม ยิ่งกระดาษถูกส่งมาถี่เท่าใด ท่านนายอำเภอจางและท่านรองพ่อบ้านต่างเหงื่อกาฬแตกซ่านชวนน่าสงสารอย่างยิ่ง “ดี!...ในเมื่อน้องเซียงสูงค่าถึงเพียงนี้พี่เฟิ่งก็จะเร่งส่งสินสอดทั้งหมดมาถึงจวนสกุลจางไม่เกินค่ำพรุ่งนี้ส่วนตำแหน่งผู้ว่าการเมืองฉู่เจ้านั่งอยู่ในเรือนหอของสกุลสวีของข้าเมื่อใดท่านพ่อตาก็เตรียมตัวย้ายจวนได้เลยเช่นกัน!” สุดท้ายสวีฉีเฟิ่งก็ต้องจ่ายสินสอดเป็นเงินห้าแสนตำลึงทอง ทองคำถึงห้าหมื่นชั่ง คฤหาสน์อีกห้าหลัง ที่นาห้าพันหมู่ ที่สวนห้าพันหมู่ ที่ดินเป็นไร่ชาถึงห้าพันหมู่ กับตำแหน่งผู้ว่าการเมืองฉู่ให้บิดาของนางอีกด้วย …หึ… เสียเงินจนคลังเก็บสมบัตินั้นโล่งไปไม่น้อยโดยที่แม้นแต่เสียงหรือหลังมือของนางเขาผู้แซ่สวีก็ไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน ก็นับว่าเขาก็’ ไม่เท่าไหร่’ สินะ แต่เช่นไรนางก็จะหลงระเริงมิได้บุรุษผู้มีกิจการสีเทาไปจนถึงสีดำเต็มสองมือเขาคงไม่ยอม’ เสียหน้า’ เป็นครั้งที่สองเป็นแน่ แต่นาง จางเยว่เซียงผู้นี้กลัวที่ใด ในเมื่อนางจะเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยง บุรุษผู้นั้นเขาสมควรใจกว้างกับนางและครอบครัวสักหน่อยมิใช่หรือ? “ซั่วเจา!” พอกลับถึงจวนสวีฉีเฟิ่งก็เรียกหา’ มือขวา’ ทันทีเพราะมิคาดว่าตนเองจะถูก’ ขูดเลือดรีดเนื้อหนัง’ จากสตรีซึ่งขึ้นชื่อที่สุดแห่งแคว้นฉู่ว่า’ โง่เง่า’เป็นอันดับหนึ่งไม่พอนางยัง หัวอ่อนไม่สู้คน ยอมและยอมไม่เคยมีปากมีเสียงมาไม่น้อยเช่นนี้ไปได้ “เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบมาเหล่านี้ถูกต้องจริงๆ แล้วใช่หรือไม่?” …โครม!... สมุดพับหลายเล่มถูกโยนไปตรงหน้าของซั่วเจาจนเขาถึงกับสะดุ้งเร่งคุกเข่าแล้วเปิดอ่านอย่างถี่ถ้วนจึงเงยหน้าขึ้นไปตอบผู้เป็นนายอย่างมั่นคงจับจ้องตากันไม่มีหลบ “ข้าน้อยมั่นใจเกินสิบส่วนเพราะติดตามดูการดำรงชีวิตของคุณหนูสี่และคุณหนูห้าอยู่ถึงสามเดือนต่อให้พวกนางเป็นฝาแฝดใบหน้าแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ทว่าติดตามดูไปจึงแยกออกชัดเจนว่าคนใดร้ายกาจไม่พอยังโง่ กับผู้ใดแสนดีจนดูโง่อีกเช่นกัน” ฟังคำตอบของคนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันตอบอย่างมั่นใจหัวคิ้วเข้มของสวีฉีเฟิ่งจึงยับยุ่ง เพราะที่เขาเจอวันนี้ต่อให้ครึ่งคำนางไม่พูดหากแต่วิธี’ เรียกร้อง’ โดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเสียงใช้เพียงน้ำหมึกกับพู่กันก็ขูดเลือดเขาได้ไม่น้อยต่อให้จ่ายไปขนาดนั้นเขาก็มิได้สะเทือนแต่เขาคือพ่อค้าแล้วต้องมา’ ค้าขายขาดทุน’ เขาย่อมรู้สึกไม่ยินยอมอย่างยิ่ง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD