โม่เยี่ยเยี่ยถึงจะสวมชุดดำรัดกุม แต่นางมิวายใช้ผ้าปิดหน้าเป็นสีเขียวเข้ม ด้วยเป็นคนรักสวยรักงาม ผมของนางยังปักด้วยปิ่นหยกซึ่งประดับด้วยพลอยสีเขียว นางลัดเลาะไปตามทางสายเล็กๆ ที่หนทางคดเคี้ยว กระทั่งไปถึงประตูทางหมารอดของจวนลับรองหลังดังกล่าว ที่อยู่ทางทิศตะวันออก
“คุณหนู ถ้าหากเราถูกจับได้...” หงอิงเอ่ยได้เท่านั้น คนเป็นเจ้านายจึงตีที่แขนนางไปหนึ่งทีแรงๆ
“หากเจ้าไม่ปากมากและขลาดกลัวเช่นนี้ ใครจะเห็นเรา เลิกทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเสียที” โม่เยี่ยเยี่ยเอ่ยจบ จึงมุดเข้าทางหมารอด และไปโผล่ในสวนด้านหลังของจวนหลังดังกล่าว
หงอิงตามหลังคนเป็นนายติดๆ ใจนางหล่นไปอยู่ตาตุ่มฃ มือเท้าก็เย็นเฉียบราวกับยืนอยู่กลางหิมะด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่า
“เจ้าดูต้นทางให้ข้า มีสิ่งใดน่าสงสัยจงส่งสัญญาณ ด้วยการร้องเสียงเหมียวๆ”
หงอิงพยักหน้าเข้าใจ แต่อดขวัญเสียไม่ได้ การลักลอบเข้าจวนของขุนนางมีโทษอยู่ไม่น้อย หากเจ้าบ้านโม่รู้ว่านางปล่อยให้คุณหนูกระทำเรื่องเหลวไหล หงอิงก็มิอาจล่วงรู้ได้ว่าตนจะรอดพ้นจากการถูกโบยจนเนื้อแตกหรือไม่
เมื่อโม่เยี่ยเยี่ยก้าวไปไม่ได้ถึงประตูของเรือนหลังงาม เสียงร้องเหมียวก็ดังขึ้น
“มะ ไม่ใช่บ่าวคุณหนู” หงอิงชี้มือไปยังแมวสีขาวปลอดประเปรียวตัวหนึ่ง
“เยี่ยงนั้น หากเกิดสิ่งใด เจ้าจงร้องเสียงหมาน้อยแทนก็แล้วกัน!”
หงอิงพยักหน้าหงึกหงักรับคนเป็นนายอย่างงงๆ และมิวายที่จะห่วงแสนง่วง คุณหนูที่แสนดื้อรั้นคนนี้
ดวงตาดอกท้อกวาดมองไปรอบๆ ตัว กระทั่งไปถึงห้องหนึ่งที่มีเสียงแห่งความสุขรอดออกมาถึงด้านนอก เสียงดังกล่าวฟังคล้ายการครวญครางสอดรับกันของชายหญิง เดี๋ยวทุ้มห้าว เดี๋ยวขู่คำราม
นอกจากเสียงของบุรุษหน้าด้านและสตรีไร้ยางอาย โม่เยี่ยเยี่ยต้องหูร้อน ตาพร่ามัวไปชั่วขณะ เมื่อนางได้ยินเสียงน่ารังเกียจนั้น
“เนื้อแนบเนื้อ กายผสานกายเยี่ยงนั่นรึ สัปดนโดยแท้ จะ เจ้าลูกเต่าอี้หลง” โม่เยี่ยเยี่ย นึกถึงเมื่อครั้งที่ตนไปยังเมืองหลวง เพื่อหวังจะได้พบหน้าจางอี้หลง แต่เขากลับบ่ายเบี่ยงอ้างว่าติดธุระ กระทั่งการนัดพบของนางกับเขาต้องล้มเลิก และคนที่เสียหน้าย่อมเป็นโม่เยี่ยเยี่ย
“เจ้าเสพสมกับสตรีอื่น ทั้งที่ควรเตรียมตัวเข้าหอกับข้า เช่นนี้สมควรถูกลากตัวไปศาล และประจานให้คนทั้งใต้หล้าล่วงรู้” นางเอ่ยด้วยใจที่เดือด และมือไม้สั่นอย่างแรง
โม่เยี่ยเยี่ยก้าวไปอีกนิด พยายามตั้งสติไม่ให้เตลิดไปไกล ทว่าเสียงออดอ้อนที่ดังออกมาจากห้องนั้นทำให้นางประสาทเสีย ระคนตื่นเต้นจัด
มือเรียวสวยจับบานประตูที่เปิดแง้มเอาไว้มั่น
“เจ้าช่างเป็นบุรุษที่เปิดเผยนัก!” นางเอ่ยจบก็มองผ่านเข้าช่องของประตู และเห็นว่าเบื้องหน้ามีร่างของบุรุษโถมทับอีกร่างบนตั่งไม้ขนาดใหญ่
ดวงตาคู่สวยเบิกค้าง คราแรกตั้งใจพุ่งเข้าไปลากตัวชายโฉดหญิงชั่วออกไปประจาน แต่กลับกลายเป็นว่าสองขานางถูกตอกยึดไว้ที่พื้น หัวใจเต้นรุนแรงประหนึ่งจะกระโจนออกมาอยู่นอกอก
แผ่นหลังของบุรุษผู้นั้นกว้าง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สะโพกสอบไหวรัวเร็ว บั้นท้ายเขาหนั่นแน่น ยามที่ออกแรงเกร็งก็เป็นหลุมลึกชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วน
เรือนกายของบุรุษงดงามได้ถึงเพียงนี้ และที่สำคัญจางอี้หลง ไม่ได้ขาวซีด ชวนให้น่าหวั่นกลัว เขากลับมีเลือดเนื้อชวนให้หลงใหล
ผิวชายหนุ่มเป็นสองสี กลิ่นกายบุรุษก็แผ่ซ่านมามาให้นางได้สูดดม!
โม่เยี่ยเยี่ยถูกภาพดังกล่าวดึงเข้าสู่ภวังค์เร้นลับ กายสาวสั่นระริก เหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่หน้าผากนาง ส่วนพื้นที่เบื้องล่างก็ร้อนวูบวาบไปหมด มันร้อนอยู่ประเดี๋ยว นางก็รับรู้ได้ถึงความฉ่ำชื้นที่เกาะพราวอยู่ในเนื้อนิ่มด้านใน
“ละ เลว... ลูกเต้า อี้หลง จะ เจ้า...”
นางกลายเป็นคนติดอ่าง พร้อมกันนั้นก็ไม่อาจหยุดมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มที่กระแทกแท่งหยกเข้าสู่เรือนกายหญิงสาวที่หวีดร้องครวญครางได้
จุดหวานฉ่ำของโม่เยี่ยเยี่ยร้อนอบอ้าวเหลือเกิน ลำคอนางแห้งผากอย่างรวดเร็ว ส่วนดวงตากลมโตจดจ้องภาพเบื้องหน้าไม่วางตา ยามที่สตรีใต้ร่างของชายหนุ่มร้องครวญครางราวกับเจ็บปวดเหลือแสน นางจึงเผลอส่งเสียงเบาๆ ผสานไปด้วย
สองกายแนบชิดเย้าหยอก ดูเหมือนพวกเขาจะปรนความสุขให้แก่กันอย่างถึงใจ ภาษาพูดสื่อสารฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ชายหญิงชั่วช้า ต่างเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี
‘เอ เกิดสิ่งใดต่อข้า!’
โม่เยี่ยเยี่ยถามตนเอง เหตุใดนางถึงได้ถูกภาพเริงสวาทเบื้องหน้าดึงเข้าไปหาเช่นนั้น และคนเลวจางอี้หลงกำลังทิ่มแทงหญิงสาวด้วยแท่งหยก เสียดแทงลึกสู่กลีบบุปผา และเสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครวญครางชวนให้ใจโม่เยี่ยเยี่ยสั่น
มือใหญ่ข้างหนึ่งของเขาบีบคอนางแพศยา บีบราวกับต้องการฆ่านางให้ตาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายที่ถูกเขาควบคุม เกิดความสุขสม ไร้การขัดขืน หรือดิ้นรนหนีตาย กลับกลายเป็นว่านางใช้สองขารัดสะโพกสอบของเขา ภาพต่อจากนั้นทำให้โม่เยี่ยเยี่ยตะลึงพรึงเพริด เกินจะจินตนาการถึงได้ ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับตัวและอึดใจต่อมา เขายืนขึ้นโดยที่แท่งหยกยักษ์ยังเชื่อมต่อเขากับสตรีไร้ยางอายเอาไว้ด้วยกัน