หญิงร่านสวาทถูกเขาอุ้มไว้ มือใหญ่ทั้งสองข้างบีบบั้นท้ายนางจนเกิดรอยจ้ำแดง ตามด้วยการขยับท่อนแขนกำยำ จากช้าๆ ก็แรงขึ้น เร็วขึ้น การเคลื่อนไหวดังกล่าวงดงาม ชวนให้คนที่แอบดูอยู่ตรงประตูเกิดความซาบซ่าน ร้อนวาบทั้งที่หัวใจและจุดซ่อนเร้น
โม่เยี่ยเยี่ยหลุดเสียงหวานออกมาอีกครั้ง นางกำลังร้องครางรับกับภาพเริงรักของชายหญิงเบื้องหน้า
มือเรียวข้างหนึ่งทาบหน้าอกของตน โม่เยี่ยเยี่ยพยายามข่มกลั้นใจตนไม่เคลิ้มไหวต่อภาพเนื้อแนบเนื้อ แต่ไฉนนางจะกระทำได้ เสียงเล็กๆ จึงหลุดรอดออกจากริมฝีปากอิ่มสวย แม้จะมีผ้าคลุมใบหน้าเบื้องล่างเอาไว้ แต่นางกลับเผลอไผลปล่อยเสียงของตนหลุดรอด
นางบีบขาทั้งสองข้างแนบชิด แต่ทว่าเมื่อกระทำเช่นนั้นพลันเกิดการถูไถอันเร่าร้อน และต้องยอมรับว่านางมีความอภิรมย์ราวกับถูกบุรุษชั่วข่มเหง
หญิงสาวล่วงรู้ว่าไม่ได้มียาสั่งใดๆ ให้นางเกิดความหวามไหว ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ยิ่งชายหื่นกระหายออกแรงกับร่างนุ่มนิ่มหนักหน่วงเท่าไหร่ ในหัวของโม่เยี่ยเยี่ยก็สร้างภาพว่าตนถูกบุรุษผู้ร่างสูงใหญ่ พรากความบริสุทธิ์ไปเชยชม เป็นบุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มที่นางพบเขาในเมืองหลวง เขากำลังแทงท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าสู่กลีบฉ่ำเยิ้มของนาง และนางก็แอ่นตัวรับกลายเป็นนางบำเรอของเขา แต่ทว่าพอนางพยายามมองใบหน้าอีกฝ่าย โม่เยี่ยเยี่ยกับเสียขวัญ ด้วยปรากฏใบหน้าของชายในรูปวาด ชายที่นางเข้าใจว่าเป็นจางอี้หลง!
กระทั่งหูของนางได้ยินเสียงแมวคำรามขู่ โม่เยี่ยเยี่ยก็รู้สึกรำคาญ นอกจากเสียงแมว ยังตามด้วยเสียงลูกหมาเสียขวัญ
โม่เยี่ยเยี่ยฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับไปมอง แต่นางคงหมุนตัวเร็วเกินไป หน้าจึงมืด ก่อนที่ร่างงามจะโงนเงน เป็นตอนนั้นที่รู้สึกว่ามีบางสิ่งไหลออกจากรูจมูกทั้งสองข้าง
หญิงสาววิงเวียนศีรษะหนักกว่าเดิม นางเซเสียหลัก ร่างกายเหมือนจะล้มพับลงไป ขณะเดียวกัน เสียงหมาน้อยยังร้องไม่หยุด จนโม่เยี่ยเยี่ยปวดหัวหนัก หากไม่ทันที่ร่างของนางจะทรุดฮวบลงไปบนพื้น พลันมีร่างอุ่นๆ มาประคองนางเอาไว้ สัมผัสจากเขานอกจากอุ่น ยังมีความแข็งแกร่งแนบชิดร่างกายของนางด้วย
โม่เยี่ยเยี่ยใจหายวาบ ก่อนตามมาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่นางไม่เคยก้าวผ่านไปถึง และเป็นเสียงทุ้มๆ ที่เจือด้วยความตำหนิดังข้างหู
“เจ้ามาทำสิ่งใดที่นี่!”
หญิงสาวไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไร นอกจากเลือดจะไหลออกจากจมูก นางต้องวางมือตรงหน้าท้องของตน ก่อนจะตกใจจัด เมื่อจู่ๆ กลีบบุปผาของนางปลดปล่อยบางสิ่งออกมา อย่างน่าละอาย
โม่เยี่ยเยี่ยใจหายวาบ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้นางไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์เบื้องหน้าเช่นไร
ยามนั้นร่างของคนตัวโตที่ประครองนางเอาไว้ หญิงสาวจึงเกาะยึดเขามั่น นางออกแรงบีบที่ท่อนแขนกำยำ บีบและหลับตาสนิท ก่อนหลุดเสียงหวานล้ำ
“อ๊ะ... อ๊า...อี้....มะ ไม่นะ!”
เสียงดังกล่าวทำให้คนตัวโตขมวดคิ้วน้อยๆ
กระทั่งเสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างหูโม่เยี่ยเยี่ยอีกหน นางจึงคืนสติของตน
“เจ้าสบายดีหรือไม่ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่”
โม่เยี่ยเยี่ยลืมตาขึ้น ก่อนเห็นว่าคนที่รับร่างของตนไว้มีใบหน้าคล้ายบุรุษสวมชุดสีน้ำเงิน
“แอบดูผู้อื่นเช่นนั้น คิดว่าสมควรแล้วหรือ”
เขาเอ่ยจบก็ดึงผ้าปิดหน้านางออก การกระทำอันจาบจ้วง ทำให้โม่เยี่ยเยี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ท่าทางเขากลับต่ำช้าผิดกับที่นางคาดการณ์ไว้ เขาสมควรถูกนางข่วนให้ใบหน้าขาวๆ เป็นลายพร้อย
“ท่านทำสิ่งใด”
“ข้าอยากดูหน้าโจรที่ลักลอบเข้าเรือนผู้อื่น อยากเห็นหน้าให้ชัด จะได้จับหักขา หักแขนไม่ผิดตัว”
“กล้าดีเช่นนั้นรึ”
“หึๆ ๆ อย่าท้าทายข้าเด็กน้อยเยี่ยเยี่ย”
หญิงสาวตะลึงงัน เขารู้จักนางด้วยหรือ!
มือเรียวสวย ดันหน้าอกชายหนุ่มแรงๆ แล้วรีบผละออกอย่างตะลึงตะลาน ก่อนรีบจับต้นชนปลายเรื่องต่างๆ เข้าด้วยกัน เมื่อครู่คนในห้องเป็นจางอี้หลงหรือไม่ แล้วบุรุษตรงหน้านางคือใคร ?
เป็นยามนั้นที่นางเห็นว่าประตูห้องเปิดออกคนที่ก้าวมาด้วยสีหน้าอมยิ้มกรุ้มกริ่มคือบุรุษรูปงาม ร่างกายสูงใหญ่พอๆ กับบุรุษอาภรณ์สีน้ำเงิน ดวงหน้าเขาหล่อเหลา และสง่างาม หากมีความเจ้าสำราญ อีกทั้งผิวเข้มดูสุขภาพดี
“เมื่อครู่แม่นางน้อยคนนี้ แอบดูข้าหรอกรึ เฮ้อ...เสียดายที่แสดงฝีมือตื้นเขินเกินไป” คนที่เอ่ยเสียงชอบใจคือหยวนเจี้ยนหยางซึ่งเป็นรัชทายาทนั่นเอง
โม่เยี่ยเยี่ยตกอยู่ในฐานะจำเลย และเป็นจำเลยที่กระทำความน่าเสื่อมเสียต่อตนเอง อีกทั้งตอนนี้นางรู้สึกหน้ามืด ด้วยมีเลือดไหลออกมาจากจมูก และมันอาบที่ลำคอระหงด้วย
“แล้วนั่น เลือดยังไหลออกจากจมูกไม่หยุด ทำไมเจ้ายังใจร้ายไม่รีบเรียกหมอเล่าอี้หลง”
อี้หลง!
โม่เยี่ยเยี่ยไม่ได้หูฝาดเป็นแน่ นางได้ยินหยวนเจิ้นหยาง เรียกคนตัวโตผิดซีดเผือดว่า อี้หลง...เช่นนั้นเขาคงเป็นจางอี้หลง ว่าที่สามีของนาง
ดวงตาคมกริบมองสตรีน้อย ก่อนคำรามอย่างขุ่นใจ เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าเลือดที่ไหลออกจากจมูกโม่เยี่ยเยี่ย เกิดจากร่างกายนางร้อนรุ่ม สาเหตุย่อมมาจากการแอบดูการอุ่นเตียงของหยวนเจี้ยนหยางกับคณิกา
“รัชทายาท อย่าให้เรื่องนี้ยุ่งยากไปกว่านี้ ข้าจะดูแลและอบรมว่าที่ภรรยาข้าด้วยตนเอง” จางอี้หลงกล่าวจบ ดวงตาเขาส่งไอเย็นเยียบมาถึงร่างที่สั่นด้วยความโกรธของโม่เยี่ยเยี่ย
“ทะ ท่านมีสิทธิอันใด ถึงจะมาอบรมข้า และเรายังไม่ได้เข้าหอกัน” โม่เยี่ยเยี่ยแผดเสียงดังใส่คนตัวสูง ใบหน้าขาวซีด
“ฮึ ในฐานะว่าที่สามี และไม่อยากให้เจ้าต้องขายหน้าผู้อื่นไปมากกว่านี้” เขาเอ่ยจบจึงคว้าข้อมือเรียวโม่เยี่ยเยี่ยหมับ ก่อนออกแรงบีบแรงๆ เสียด้วย
“ปล่อย ข้าเจ็บ!” นางว่าและคำรามขู่ และตั้งใจดิ้นหนีจากร่างกายสูงใหญ่
“ดื้อรั้น” เขาว่า พร้อมส่งสายตาคมกริบเพ่งไปที่ร่างกายเบื้องล่างนาง ความเย็นชวนให้ขนลุกซู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นโม่เยี่ยเยี่ยที่อยากหวีดร้องเพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย
จางอี้หลงเม้มริมฝีปากสีสดตัดกับใบหน้าขาวซีดจนเป็นเส้นตรง จึงรั้งร่างนางมาอยู่แนบอกแกร่ง การเสียดสีร่างกายนุ่มนิ่มกับเรือนกายกำยำทำให้โม่เยี่ยเยี่ยร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง นางบีบขาทั้งสองข้างตนเองเอาไว้แน่น ใบหน้าแดงซ่านราวกับคนกินของเผ็ดร้อน
“อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้หรืออย่างไร”
จางอี้หลงเอ่ย สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้าย หากเป็นโม่เยี่ยเยี่ยที่อยากร้องไห้ ด้วยนางชื้นแฉะไปทั้งเบื้องล่าง
“ทะ ท่าน!”โม่เยี่ยเยี่ยชี้หน้าเขา นางทำได้เท่านั้นก่อนจะตัดสินใจทำเรื่องเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตน
หญิงสาวแกล้งหมดสติ และทำตัวอ่อน พอสบโอกาสที่จางอี้หลงจะอุ้มนางขึ้น โม่เยี่ยเยี่ยพลันบิดตัวด้วยความเร็ว ก่อนแสร้งเซถลาลงสู่สระน้ำจนเกิดเสียงดังตูมใหญ่!