"นี่หน้าพี่มันฟ้องขนาดนั้นเลยหรอครับ" ภัทรเอ่ยถามแบบไม่จริงจังนัก
" ใช่ค่ะ " ภัทรถอนหายใจออกมาเบาๆ
"พี่บอกก็ได้ค่ะคือคนที่พี่ชอบเขาไม่ชอบพี่ เขาไปชอบคนอื่นค่ะ"
"อ้าว..คนหล่อๆครบสูตรอย่างพี่ภัทรโดนสาวสะบัดใส่ด้วยหรอคะ"
"ใช่ครับเพราะพี่แอบชอบเขาฝ่ายเดียวแต่ไม่เคยพูดออกไปเลย แล้วพี่พึ่งรู้ว่าเขามีแฟน"
จากนั้นทั้งสองก็สบตากันอีกครั้ แต่ครี้งนี้ภัทรสื่อความหมายออกไปตรงๆ ว่าคนที่เขาพูดถึงนั้นคือเธอ..
เหมือนมุกจะรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ภัทรต้องการจะสื่อ แต่ก็แค่แวบเดียวมุกจึงเบี่ยงสายตาหลบไปทางอื่นแบบเขินๆ
"แล้วพี่ภัทรทำไมไม่บอกเขาไปล่ะคะ"
"พี่กลัวเขาจะปฏิเสธอีกอย่างพี่จะรอให้เขาเรียนจบก่อนค่อยบอกค่ะแต่มันคงไม่ทันแล้ว" ภัทรกล่าอย่างเศร้าๆ
มุกได้ยินดังนั้นก็หันมาสบตาภัทร อีกครั้งแต่คราวนี้ทำไมใจเต้นแรงแปลกๆ ทั้งที่ไม่เคยมีอาการนี้กับพี่ภัทร เลยแววตาแบบนี้คือ "เค้าบอกรักเราหรือเปล่า" ก็ได้แต่สงสัยในใจ
จู่ๆ ใจกระตุกแปลกๆ เต้นแรง ตึก..ตึก ตัก..ตักบ้าาจริงยัยมุกแกมีแฟนแล้วนะท่องไว้อาจเป็นเพราะเราสองคนอยู่ไกล้กันเกินไปก็ได้
"อะ..เอ่อคือมุก" มุกเอ่ยอย่างติดขัด
"มุกว่าเรากลับกันดีกว่าค่ะ"
"ก็ได้ครับพี่ตามใจมุก"
ในขณะที่มุกกำลังจะหันเดินกลับไปนั้นเองก็มีเด็กคนหนึ่งขี่จักรยานถลาตรงมาทางไข่มุก แบบบังคับจักรยานไม่ได้ดีที่ภัทรเห็นจึงจับตัวมุกไว้ได้ทันแต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ
ตอนที่ภัทรดึงตัวมุกหลบมา แรงเหวี่ยงทำให้หน้าของมุกสะบัดมาตรงหน้าของภัทรพอดีแล้ว "ปากชนกัน"
ตอนนี้เหมือนกับทั้งสองกำลังจุ๊บกันอยู่ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์แต่เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จึงทำให้ทั้งคู่ได้สติแล้วผละออกจากกัน
มุกแก้มแดงแล้วเดินไปดูเด็กคนนั้นโชคดีที่ตรงนี้มีพื้นหญ้าเด็กจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักมีเพียงรอยถลอกตามตัวเล็กน้อย
แม่เด็กก็วิ่งตามมาติดๆ แล้วตะโกนเรียกชื่อของลูกสาว
"น้องปลาเป็นไงบ้างลูกแม่บอกให้รอแม่ก่อน ยังขี่ไม่แข็งเจ็บตัวจนได้ดีที่ไม่ชนพี่เขา" จากนั้นแม่เด็กก็หันมาขอโทษมุก
เพราะเธอเองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่วิ่งมาจับลูกไว้ไม่ทัน
"ขอโทษด้วยนะคะคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปดูลูกเถอะ"
แม่เด็กขอบคุณทั้งสองยกใหญ่ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วแม่เด็กก็เดินไปปลอบลูกจนเด็กน้อยหยุดร้องให้เด็นคนนี้อายุประมาณสี่ขวบได้
เมื่อเด็กคนนั้นเลิกร้องให้ ก็เดินมาหาสองคนที่ยืนอยู่แล้วพูดว่า
"พี่ฉาวคะน้องขอโต๊ดนะคะที่น้องไม่เชื่อฟัง ชุนแม่เชยจำห้ายพี่ฉาวเกือบเจ็ดชัว" ( พี่สาวคะน้องขอโทษนะคะที่น้องไม่เชื่อฟังคุณแม่ เลยทำให้พี่สาวเกือบเจ็บตัว)
น้องพูดเสร็จก็ทำหน้าเศร้าแล้วก้มหน้างุดทั้งที่คราบน้ำตายังอาบแก้มอยู่เลยแม่ของเด็กเห็นดังนั้นก็อมยิ้มที่ลูกน้อยทำผิดแล้ว
'รู้จักขอโทษ' เมื่อไข่มุกกับภัทรได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ไข่มุกย่อตัวลงเป็นนั่งยองๆ แล้วก็พูดกับเด็กน้อยว่า
"ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่ไม่ได้เป็นอะไร มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดอีกอย่างคราวหน้าหนูต้องเชื่อฟังคุณแม่นะคะ"
"เกิดหนูเป็นอะไรไปคนที่จะเสียใจคือคุณแม่'ของหนูค่ะเข้าใจที่พี่บอกใช่ไหมคะ" มุกกล่าวกับเด็กน้อยเพื่อเตือนสติ
จากนั้นเด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่ที่หลออย่างน่ารักแล้วเด็กน้อยก็เอ่ยกับมุกว่า
"จอบชุนพี่ฉาวโคนเสยโด้ยนะคะที่ไม่กดหนูพี่ฉาวฉวยและยังใจดีมักมักโด้ยค่ะหนูชักพี่ฉาวจางเชยค่ะฉ่อปายหนูจาเชื่อฟางชุนแม่นะชะ"
(ขอบคุณพี่สาวคนสวยด้วยนะคะที่ไม่โกรธหนูพี่สาวสวยและยังใจดีมากๆด้วยค่ะ หนูรักพี่สาวจังเลยค่ะ ต่อไปหนูจะเชื่อฟังคุณแม่นะคะ)
จากนั้นเด็กน้อยก็กอดไข่มุกแล้วแอบขโมยจุ๊บแก้มไปหนึ่งทีด้วยความน่ารักของเด็กน้อยที่เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้มีชีวิตจึงทำให้ไข่มุกอดใจไม่ไหวก้มหอมแก้มของเด็กน้อยไปหนึ่งที
เด็กน้อยเขินหน้าแดงที่โดนคนสวยหอมแก้มจึงดิ้นดุกดิ๊กและวิ่งไปหาคุณแม่แล้วหันกลับมาพูดกับมุก
"หนูจับจ่อนนะชะฉอห้ายพี่ฉาวโคนฉวยจับแฟนฉ่อฉ่อมีน้อนน้อนวายวายนะชะ"
(หนูกลับก่อนนะคะ ขอให้พี่สาวคนสวยกับแฟนหล่อๆมีน้องๆไวๆนะคะ) จากนั้นเด็กน้อย ก็โบกมือลาทั้งสองแล้วเดินหายไป กลับคุณแม่ของเขา
เมื่อมุกได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินก้มหน้ากลับบ้านไปอย่างไวทิ้งให้คนข้างหลังยืนยิ้มอยู่คนเดียวแล้วรีบวิ่งตามไป
ภัทรคิดในใจว่าถ้ามุกได้เป็นแม่คนคงจะเป็นแม่ที่เพอร์เฟค มากๆเลยโอ้ยแอบคิดไปไกลแล้วกูอย่าลืมน้องมีแฟนแล้วเมื่อคิดมาถึงตรงนี้พลันรอยยิ้มหุบฉับไปในทันที
เหตุการณ์วันนี้ทำให้ภัทรได้เห็นอีกมุมนึงของน้องที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นมุมที่ดูอบอุ่นมากๆ เวลาอยู่กับเด็กดูแววตาอ่อนโยนท่าทาง รักเด็กไม่น้อย
และเธอก็ใจเย็นแถมยังมีเหตุผลสอนเด็กน้อยด้วย (อืมปลื้มน้องเพิ่มขึ้นไปอีกสินะภ้ทรเอ้ย) ได้แต่พึมพำในใจตัวเอง
"น้องมุกคะรอพี่ด้วยสิคะ" พอมาถึงหน้าบ้านภัทรก็พูดกับมุกภัทรแอบเห็นมุกหน้าแดงคงเขินที่ด็กน้อยพูดละสิ(ภัทรคิดในใจ)
"น้องมุกไม่ต้องคิดมากนะคะเด็กก็เหมือนผ้าขาวเขาแค่พูดไปตามที่เขาคิดเองค่ะ"
"มุกไม่ได้คิดมากหรอกค่ะพี่ภัทรเข้าบ้านเถอะมุกก็จะเข้าเหมือนกัน"
"โอเคค่ะ" จากนั้นทั้งสองก็ต่างแยกย้ายเข้าบ้านตัวเองเมื่อภัทรเห็นน้องหายเข้าไปในรั้วบ้านแล้วเขาจึงเดินเข้าบ้านตัวเองไป
แล้วตรงไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำ จากนั้นก็ลงมาที่ห้องครัวที่มีทุกคน รออยู่ก่อนแล้ว ครอบครัวของภัทรมีกันทั้งหมดสี่คนมีพี่แม่และน้องชายกับเขาหนึ่งคน มีก็เหมือนไม่มีนะ
น้องชายนามว่า "กฤตพจน์" หรือพจน์นั่นแหละน้องชายผมที่ผมบอกว่ามีเหมือนไม่มีเพราะน้องชายของผมมันเป็นคนนิ่งๆ ถามคำตอบคำราวกับว่าพูดเยอะแล้วโลกจะแตกมางั้นแหละทุกวันนี้ผมคิดว่าพูดกับหุ่นยนต์
ถึงจะไม่ค่อยพูดแต่ผมสองคนก็รักกันมากนะครับแสดงออกทางการกระทำซะมากกว่าเพราะน้องผมถเป็นคนที่นิ่งมากๆ พอๆเข้าเรื่องเถอะ
"เป็นไงบ้างลูกไปวิ่งมาท่าไหนเนี่ยยิ้มไม่หุบ เลย" คุณกัลยาเอ่ยถามบุตรชายแต่ยังไม่ทันที่ภัทรจะตอบมารดาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
"สงสัยท่าจะบ้า" น้องชายผมเองครับดูมันพูด เหอะๆ พูดน้อยแล้วแถมเวลาพูดก็กวนตรีนสุดๆ
" ตาพจน์นี่" คุณกัลยาได้แต่ส่ายหัวให้ลูกชายตัวดีของเขามันน่านัก
"เอ้าๆกินข้าวกันได้แล้ว" เป็นเสียงของคุณพ่อกวีเอยขึ้น
"ป้าจันท์ตักข้าวค่ะ" คุณกัลยาเอ่ยจากนั้นทุกคนก็ลงมือกินข้าวไปคุยโน่นนี่ไปเรื่อยมีคนเดียวแหละที่ได้แต่นั่งฟังจะใครล่ะครับน้องชายของผมเอง
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันลืมบอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดผมนั่งอยู่ตรงสวนข้างบ้านกำลังคิดอะไรเพลินๆ
คิดถึงเรื่องเมื่อเช้าตอนที่ผมกับน้องนั้นจุ๊บกันว่าแล้วก็จับปากตัวเองปากน้องยังนุ่มติดปากผมอยู่เลยคิดแล้วก็หืม อยากสัมผัสอีกจังแต่มันคงไม่ได้สินะน้องมีเจ้าของแล้วอย่าลืมสิโว้ยไอ้ภัทร
ถึงจะไม่ชอบขี้หน้ามันแต่ก็ไม่เคยคิดแย่งของๆใคร พอคิดถึงถึงตรงนี้รอยยิ้มก็พลันหายไป
"อะแฮ่มม!! ท่าจะบ้าจริงเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหน้าบึ้ง" เสียงพจน์กล่าว
"เอ้าไอ้นี่พูดดีๆเป็นมั๊ย" ภัทรถามอย่างขุนเคืองแบบไม่จิงจังนัก
"เป็นแต่ชอบพูดตามที่เห็น" พจน์เถียงกลับหน้านิ่งๆ ตามสไตล์
"เออมีอะไรถ้าไม่มีอย่ามากวนประสาท บรรยากาศดีๆเสียหมด"
"พ่อให้มาตามไปที่ห้องทำงานไปละ" พจน์กล่าว หืมมเห็นมะน้องชายผมแค่มาตามมันยังกวนได้จากนั้นมันก็เดินออกไป....