"สนิทกับคนเร็วดีนะครับ…" ประโยคนี้ของเขายังคงวนเวียนอยูแต่ในหัวของฉัน มันหมายความว่าอย่างไรกัน ต้องการจะชมฉันแต่สีหน้าตอนที่เขาพูดไม่ได้สื่อไปทางนั้นเลยสักนิด หรือต้องการจะต่อว่าแล้วฉันทำผิดอะไร ผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องที่ควรทำไม่ใช่หรือ…อะไรของเขานะ
ฉันปิดสวิตซ์ความคิดไร้สาระนั้นทิ้งไป ก่อนที่จะเปิดตารางงานของท่านประธานสุดหล่อเพื่อทำความเข้าใจ ดีลธุรกิจ ทานข้าวกับลูกค้า และตามเข้าร่วมประชุมตารางงานหลัก ๆ นอกจากอยู่ที่ทำงานก็วนเวียนอยู่แค่นี้ เท่าที่พี่อีธานอธิบายคร่าว ๆ ฉันก็คิดว่ามันไม่ได้ยากเกินความสามารถที่มี เอาง่าย ๆ คือฉันต้องสามารถทำตามคำสั่งของท่านประธานได้ทุกอย่าง ต้องรู้ใจเขาในระดับหนึ่ง และเป็นเลขาส่วนตัวที่ติดตามเขาไปทุกที่ที่เขาสั่งให้ไป แต่ถ้าเขาไม่ได้บอก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปนั้นคือหน้าที่ของเลขาส่วนตัว
ส่วนหน้าที่ที่ฉันต้องทำตามแผนคือเข้าถึงตัวของคุณดีแลนให้ได้มากที่สุด ฉันรู้มาว่าไรอันและเดรโกกำลังตัดขาดกัน จากคู่ค้ามานานกลายเป็นศัตรูทางธุรกิจ เดรโกจึงเป็นทางเลือกแรกที่ฉันหวังพึ่งยืมมือเขาเพื่อทำลายไรอัน หากไรอันล่มสลายไอโรฮานก็จะไม่เหลืออะไร
การที่ฉันจะเดินดุ่ม ๆ เข้ามาแล้วขอให้คุณดีแลนช่วยคงจะเป็นไปไม่ได้ รอบตัวเขาเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดมากมายขืนทำแบบนั้นฉันคงถูกหิ้วปีกออกไปก่อนที่จะได้คุย ฉันจึงต้องเข้ามาทำงานนี้เพื่อใกล้ชิดเขาให้ได้มากที่สุด รอวันที่ทุกอย่างเริ่มลงตัวแล้วฉันจะหาช่องทางที่ตัวเองเป็นประโยชน์ขอให้เขาช่วย เพราะลำพังจะให้ฉันทำลายไอโรฮานด้วยตัวเองคงไม่สะใจเท่ามาเฟียฆ่าล้างมาเฟียกันเอง
"เลขาคนใหม่ใช่ไหมคะ?" ฉันหลุดจากความคิดแล้วรีบเงยหน้ามองเจ้าของเสียงหวาน ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มเป็นมิตรให้คนที่เอ่ยถามด้วยเสียงสุภาพ
"ปลายฝนค่ะ เลขาคนใหม่ของท่านประธาน"
"สวัสดีค่ะ พี่ชื่อนกนะ เป็นหัวหน้าแผนกงบประมาณ เราคงจะเจอกันบ่อย ๆ นะ"
"ค่ะพี่นก"
"ฝากเอกสารด้วยนะคะ บ่าย ๆ พี่มาเอาค่ะ" ว่าจบพี่นกก็เดินกลับไป เอาล่ะหน้าที่แรกของฉันได้เริ่มขึ้นแล้ว ฉันเปิดกองเอกสารที่พี่อีธานวางไว้ก่อนจะออกไป คราวแรกก็ตั้งใจจะกลับบ้านเพราะฉันได้คำสั่งให้เริ่มงานวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แต่ไหน ๆ กลับไปก็ไม่มีอะไรทำแล้ว ทำวันนี้เลยจะเป็นไรไปอีกอย่างการทำงานก็เป็นสิ่งที่ฉันชอบอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงฉันยังคงนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับศึกษาหาข้อมูลกับกองเอกสาร โชคดีที่ประสบการณ์ฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาของฉันแน่นมากตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่ งานวันแรกของฉันจึงไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นมาก
ตึกตึก!
เสียงฝีเท้าของรองเท้าหนังดังขึ้นทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าคนเป็นเจ้านายได้กลับมาแล้ว ฉันรีบหยัดยืนขึ้น พร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อยในตอนที่ท่านประธานใหญ่อย่างคุณดีแลนเดินผ่านหน้าไป กลิ่นน้ำหอมลอยติดจมูกเป็นเอกลักษณ์ถึงแม้จะไม่เงยหน้าขึ้นมองก็จำได้ว่าเป็นเขา
"ฟู่ววว…ตึงชะมัดเลย" ก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ แล้วชายตามองแผ่นหลังที่เดินเข้าไปในห้อง การปรากฏตัวของเขาทำให้ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องตลอดเวลา ความสุขุมเย็นยะเยือกของเขาแผ่รัศมีมาแต่ไกล ถึงเจ้าของใบหน้าคมมีความหล่อที่หลายคนสู้ไม่ได้แต่ความน่ากลัวที่แผ่ซ่านก็สูสีตีคู่พร้อมเหมือนกัน
"อะแฮ่ม!" เสียงกระแอมที่ดังขึ้นทำให้ฉันหันขวับไปมอง เป็นพี่อีธานที่พยายามส่งเสียงเพื่อบอกว่าเขาก็อยู่ตรงนี้ด้วย ทำไมฉันถึงไม่เห็นเขาเลยนะ
"พี่อีธานไม่เข้าไปเหรอคะ?" ฉันยิ้มแห้ง ๆ พร้อมกับถามเขาแก้เก้อ พี่อีธานส่ายหัวเป็นคำตอบ แล้วถามฉันต่อ
"แล้วเราจะเริ่มงานวันนี้เลยเหรอ?"
"ใช่ค่ะ กลับไปฝนก็ไม่มีอะไรทำ"
"ขยันจริง ๆ แล้วไม่ออกไปทานข้าวเหรอ?"
"แค่แซนด์วิชก็อยู่ท้องแล้วค่ะ" ฉันชูกล่องแซนด์วิชที่อยู่บนโต๊ะทำงาน ฉันไม่ใช่คนกินเยอะ ปกติก็กินไปทำงานไปเป็นประจำอยู่แล้ว
"ถึงว่าทำไมตัวแค่นี้" พี่อีธานกดยิ้มเบา ๆ คนหน้าเข้มเวลายิ้มแล้วน่ารักดีจัง เขาคงต้องทำหน้านิ่งรักษามาดของการเป็นผู้ช่วยรวมถึงบอดี้การ์ดสินะ น่าเสียดายรอยยิ้มที่มีเสน่ห์นั้นจัง ถ้าพวกเขาที่รวมไปถึงคุณดีแลนยิ้มเยอะ ๆ ด้วยก็คงจะดี
"ฝนขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ"
"ครับ" ฉันว่าจบก็รีบหยิบเอกสารที่พี่นกฝากเป็นธุระ เคาะประตูห้องท่านประธานไม่กี่ครั้งก็เข้าไปหา
"ขออนุญาตค่ะ" ก่อนที่จะกางหน้าเอกสารสำคัญตรงหน้าเขา แล้วรีบถอยมายืนห่างเพื่อรอให้เขาลงลายมืออนุมัติ
"นี่คือ?" คุณดีแลนปรายตามามองฉันสลับกับหน้าเอกสาร ฉันพยายามคิดว่าเขากำลังต้องการจะถามอะไร แล้วก็ต้องนึกออกเมื่อก้มมองแล้วเห็นในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
"ฉันจดโน๊ตที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านประธานแล้วค่ะ ข้อมูลอ้างอิงจากอินเทอร์เน็ตและแฟ้มงานฉบับเก่า ๆ แต่ท่านสามารถตรวจสอบดูอีกทีได้นะคะ" ฉันแค่กลัวว่าเขาอาจจะไม่มั่นใจในฝีมือของฉัน เพราะฉันเป็นพนักงานใหม่จบมาหมาด ๆ แต่ฉันมั่นใจว่าที่ฉันทำลงไปนั้นถูกต้องเพราะผ่านการตรวจสอบไม่ต่ำกว่าสามรอบ
คุณดีแลนไม่ได้ตอบ เขาหันมาสนใจเอกสารอีกครั้ง เอื้อมมือไปเลื่อนเมาส์พิมพ์หาข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของตนไม่กี่นาที แล้วเงยหน้ามองฉันอีกครั้ง
"อีธานสั่งให้ทำเหรอ?"
"เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่ามันจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อท่าน" ประสบการณ์สอนให้ฉันทำต่างหาก
"ทำได้ดี" เขาชมฉันเหรอ…ยัยปลายฝนผุดยิ้มอย่างลืมตัว ทำงานวันแรกก็ได้คำชมจากเจ้านายผู้เย็นชาแล้ว เหมือนได้รับเงินโบนัสเลยแฮะ!
แฟ้มเอกสารถูกปิดแล้วยื่นส่งมาให้ ฉันที่กำลังจะรับต้องชะงักเมื่อคนให้ชักเอกสารกลับไปใหม่
"คะ?"
"เรียกผมว่าคุณดีแลนก็พอ"
"ค่ะคุณดีแลน" แล้วเอกสารเล่มเดิมก็ถูกยื่นมาให้ ฉันรีบเดินออกจากห้องที่แอร์เย็นจนรู้สึกขนลุกขนชัน ยิ่งสายตาของเจ้านายที่คมกริบนั้นยิ่งทำให้ฉันอยากออกจากห้องนั้นเร็ว ๆ น่ากลัวจริง ๆ
จัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็ใช้เวลาว่างหาข้อมูลของคุณดีแลนและไอโรฮานเพิ่มเติม ฉันแค่อยากรู้ว่าระหว่างสองตระกูลนี้ฝั่งไหนยิ่งใหญ่กว่ากัน เพราะถ้าหนักไปทางเดรโกแน่นอนว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะเอาคืนไอโรฮานสำเร็จ
มุมปากฉันยกยิ้ม จากที่สืบธุรกิจทั้งหมดของเดรโกแล้วข้อมูลที่เปิดเผยไรอันเทียบไม่ติดเลยสักนิด เขามีทั้งคาสิโนที่ถูกกฏหมายในหลายประเทศเท่าที่ออกข่าว อาจจะมีผิดกฏหมายที่ไม่ได้ลงข่าวใครจะไปรู้ วงการนี้น่ากลัวจนฉันเข้าไม่ถึง แต่แค่นี้อิทธิพลของเดรโกก็มีเยอะพอที่จะทำลายไรอัน สิ่งที่ฉันต้องทำต่อไปคือหาข้อแลกเปลี่ยนดี ๆ ที่พอจะทำให้เขายอมช่วยฉันได้ก็พอ
ปึก!
เสียงปิดประตูห้องที่ดังขึ้นทำให้ฉันรีบกดปิดหน้าจออย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเงยหน้ามองคนที่ออกมาจากห้องเป็นพี่อีธานที่เดินตรงมาหาฉัน
"วันนี้นายงดรับแขกนะครับ แม้กระทั่งคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นเพื่อนก็งดครับ"
"เพื่อนก็ไม่ได้เหรอคะ?"
"ครับ เพื่อนกับเวลา เวลามีค่ามากกว่าสำหรับนายครับ เลขาของนายควรท่องคำนี้ไว้ในใจให้แม่นครับ"
"ทุกเวลาของท่านประธานคงเป็นเงินเป็นทองสินะคะ" ฉันเอ่ยเสียงเบา…คนอย่างเขาเงินคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ฉันรู้แล้ว…ข้อแลกเปลี่ยนนั้น…
"ถ้าเราได้เจอเพื่อนของนายแล้วจะเข้าใจความหมายครับ" ฉันยิ้มแหยะ ๆ ไม่ได้สนใจที่พี่อีธานพูดมากนักเพราะเอาแต่คิดเรื่องของตัวเอง
วันต่อมา
ฉันมาทำงานเป็นปกติ วันนี้นับเป็นวันเริ่มงานอย่างเป็นทางการของฉัน มาถึงฉันก็จัดแจงข้าวของบนโต๊ะให้เข้าที่และผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
กลิ่นน้ำหอมของเจ้านายเดินผ่านหน้าและเข้าไปในห้องโดยไร้การทักทาย ฉันเงยหน้าขึ้นก่อนที่เห็นเป็นพี่อีธานที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉัน
"สวัสดีค่ะพี่อีธาน" ฉันยิ้มทักทาย วันนี้พี่อีธานไม่เขินฉันแล้ว เหมือนจะสนิทกันมากขึ้นแล้วนะ
"สวัสดีครับ มาทำงานแต่เช้าเลยนะครับ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงจะเข้างาน"
"เพราะรู้ว่าท่านประธานมาเช้าไงคะ ฝนต้องมาก่อน" ฉันกระซิบบอกเสียงเบา
"หึ งั้นวันนี้พี่สอนชงกาแฟให้ท่านประธานนะครับ"
"ได้ค่ะ ฝนกำลังจะถามพี่อยู่พอดี"
"เชิญทางนี้ครับ" เราพากันไปมุมกาแฟของบริษัท พี่อีธานสอนวิธีการชงกาแฟแบบถูกใจท่านประธานอย่างละเอียด เขาบอกว่าคุณดีแลนซีเรียสเรื่องนี้มาก ถ้าไม่ถูกใจเขาจะไม่แตะต้องมันอย่างเด็ดขาด
"นายจะชอบทานกาแฟสามเวลาครับ เริ่มทำงานตอนเช้าเริ่มงานช่วงบ่ายและบ่ายสามครับ"
"ถ้าเป็นฝนตาค้างไปแล้วนะคะทานขนาดนั้น" แถมที่พี่อีธานสอนการชงกาแฟที่เขาดื่มถือว่าเข้มเลยทีเดียว ร่างกายเขาต้องการคาเฟอีนขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย…
"นายทำงานเยอะน่ะครับ"
"งั้นฝนเข้าไปเสิร์ฟได้เลยใช่ไหมคะ?" ฉันชงตามที่พี่อีธานสอนเสร็จแล้ว
"ครับ" ว่าแล้วก็เดินถือถ้วยกาแฟเข้าไปเสิร์ฟในห้องทำงาน คนในห้องไม่ได้สนใจฉันที่กำลังวางถ้วยกาแฟบนโต๊ะของเขา ฉันทำหน้าที่เสร็จก็รีบถอยหลังจะเดินออกจากห้อง แต่สายตาที่เห็นคุณดีแลนกำลังไม่ตั้งใจจะไปโดนถ้วยกาแฟจิตใต้สำนึกทำให้ฉันรีบคว้าเอาไว้ก่อนที่มันจะหกใส่เอกสารสำคัญของเขา…แล้วลวกมือของฉันแทน
"อ๊ะ! ซี๊ดด…" ฉันร้องครวญรีบสะบัดมือที่โดนน้ำร้อนลวกใส่ หาทำมากยัยปลายฝนรักงานมากจนยอมให้มือตัวเองเจ็บแทน ทำงานประหนึ่งว่าเขาจะขึ้นโบนัสให้ฉันอย่างนั้นแหละ…
"ทำอะไรของเธอ!?" ร่างสูงรีบลุกจากที่นั่งตรงมาเดินดูมือของฉันเขาจับมือฉันสีหน้ายุ่งก่อนที่จะลากให้ฉันเข้าห้องน้ำในห้องทำงานของเขาแล้วล้างน้ำสะอาดให้ จากความเจ็บตอนนี้ฉันเหมือนจะลืมไปเสียสนิท ความเป็นห่วงของเขาทำให้ฉันไม่ค่อยชิน ฉันยืนแข็งทื่อยอมล้างมือกับน้ำสะอาด ก่อนที่จะได้สติบิดมือออกจากมือของเขาแล้วขยับกายออกห่างเนียน ๆ
"ฉะ ฉันทำเองก็ได้ค่ะ" ฉันก้มหน้าตอบ
"อืม มันจะทำให้รู้สึกดีขึ้น" เขาพูดจบก็เดินออกไปจากห้องน้ำ ฉันเป่าปากอย่างโล่งอกใจเต้นรัวแข่งกับเสียงน้ำที่ไหลจากก็อก ความเป็นห่วงเป็นใยลูกน้องที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีทำเอาฉันใจเต้นแรงหนักมาก
คราวนี้ฉันเริ่มรู้สึกแสบที่มือของตัวเองแล้ว มือแดงเถือกและเริ่มพองน้ำเปล่าช่วยแค่บรรเทาอาการจริง ๆ
ฉันเดินออกจากห้องน้ำก็เห็นพนักงานทำความสะอาดที่กำลังเช็ดโต๊ะห้องทำงานของเขา พอเห็นฉันเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านทำความสะอาดเสร็จพอดี
"ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ" แม่บ้านเดินออกไป
"งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ" ฉันจึงจะเดินออกตาม แต่ทว่า…
"คราวหลังไม่ต้องทุ่มเททำถึงขนาดนี้ ยังไงความปลอดภัยของเธอสำคัญกว่า…"
"…" ฉันเม้มปากแน่น…
"ความปลอดภัยของพนักงานทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพนักงานเป็นอะไรบริษัทก็ขาดแรงงานไปหนึ่งคน" ค่อยสมกับที่เป็นเขาหน่อย…
"ขะ ขอโทษค่ะ" ฉันก้มหน้าเอ่ยน้อมรับความผิด มันก็จริงกฏข้อนี้ของบริษัทผ่านตาฉันมาแล้ว แต่ฉันแค่อยากปกป้องเอกสารก็เท่านั้นเอง…
"งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"อืม" ฉันเดินจับมือที่ผุพองออกจากห้องทำงาน และเห็นพี่อีธานคนเดิมยืนอยู่หน้าห้องทำงานเช่นเดิมก่อนที่จะยื่นอะไรบางอย่างมาให้ฉัน
"อะไรเหรอคะ?"
"ยาทาครับ" เขาพยักหน้าไปที่มือพองของฉัน
"พี่รู้ได้ยังไงคะ?"
"นายบอกครับ แล้วสั่งให้พี่เอายามาให้"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันยิ้มรับ อย่างน้อยเขาก็ใจดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ…