ตอนที่ 1 จบตั้งแต่ยังไม่เริ่ม (3)

1089 Words
“ไปนวดยาก่อน จะได้หายปวด” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่นวดคลึงข้อเท้าให้เธออีกพัก จนกะว่าหญิงสาวน่าจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ธันย์ธาดาค่อยๆ ประคองร่างบางที่นั่งมองเขาตาแป๋วให้ยืนขึ้นมา ก่อนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระและทำท่าจะผละห่างไป ถ้าไม่บังเอิญต้องเอาแขนแกร่งโอบกระชับไว้รอบเอวเล็กซะก่อน เนื่องจากหญิงสาวยืนโซซัดโซเซจะล้มแหล่มิล้มแหล่ “อุ๊ย! ธันย์จะทำอะไร อรเดินเองได้” อิงอรอุทานออกมาอย่างตระหนก เมื่อเขาช้อนอุ้มเธอขึ้นแนบอก และด้วยความกลัวตก จึงต้องเอาแขนไปคล้องไว้รอบคอเขาโดยอัตโนมัติ ซึ่งน่าแปลกทั้งๆ ที่เธอไม่เคยรู้สึกชอบหรืออยากให้คนต่างเพศคนใดเข้ามาแนบชิดใกล้ตัว แต่กับเขา ว่าที่คู่หมั้นคู่หมายมาตั้งแต่เด็ก คนที่เธอเพิ่งจะเคยเห็นหน้าในวันนี้เป็นวันแรก เพราะก่อนหน้านั้นเวลาเธอไปเยี่ยมครอบครัวเขา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะหาทางหลบหลีกไม่มาเจอหรือเผชิญหน้าได้ทุกรอบไป เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจหรืออยากผลักไสเขาออกห่างเลยสักนิด “เงียบเถอะน่า เจ็บจะตายแล้วยังจะอวดดีอีก” เขาก้มลงมาบ่นเสียงดุๆ ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก และหญิงสาวก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน… ธันย์ธาดาหันไปมองคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยพอดีตัว ไม่รัด ไม่โคร่ง และกระโปรงไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป ที่นั่งซุกเบาะอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเฉยชา เปิดเทอมวันแรกของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ทำเอาเซ็งตั้งแต่ออกจากบ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่เป็นต้นเหตุให้หญิงสาวต้องเจ็บตัวเมื่อวาน ก็คงไม่ต้องรับปากพ่อกับแม่ให้มารับหญิงสาวไปเรียนพร้อมกันหรอก และที่น่าเจ็บใจมากกว่านั้น คือ เจ้าหล่อนดันเรียนที่เดียวกับเขาอีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอ คณะเดียวกันและสาขาเดียวกันอีกด้วย ช่างบังเอิญจนน่าขันอะไรเช่นนี้ แต่ไม่หรอกเขาขันไม่ออกแน่ๆ เพราะเขาไม่ใช่ไก่ แต่เป็นคนที่เซ็งที่สุดในสามโลกต่างหาก กว่าจะเรียนจบสี่ปี่ต้องเจอหน้ากันทุกวันมิเพลียใจกันไปข้างหนึ่งเลยหรือ ‘แต่ถ้าเราเห็นยัยนี่ในสายตาตลอด เราก็จะรู้ว่ามีใครมาจีบหล่อนบ้าง ถ้าอย่างนั้น…เราก็จะมีข้ออ้างไม่ต้องแต่งงานด้วย ถ้าต่างคนต่างมีแฟนก็ไม่ต้องถูกคลุมถุงชน’ “หึๆ” ใบหน้าขาวใสหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ เรียกสายตาจากร่างบางที่นั่งนิ่งติดขอบประตูรถให้หันมามองอย่างงงๆ อิงอรนิ่วหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ก็ตอนที่เขามารับเธอที่บ้านน่ะ ทำหน้าบึ้งอย่างกับอะไร แถมยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาอีกต่างหาก แต่ดูตอนนี้สิ ทำหน้าระรื่นอารมณ์ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น หญิงสาวเผลอมองใบหน้าหล่อนิ่ง นานเสียจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวและหันขวับกลับมา เมื่อรถติดไฟแดงตรงแยกก่อนจะถึงมหาวิทยาลัย ทำเอาคนหน้าหวานตกใจจนตาโต ก่อนจะรีบหันข้างให้อีกฝ่ายเพื่อหลบหลีกสายตาจับผิดแกมงุนงงแทบไม่ทัน “เรียนปรับพื้นฐานวิชาอะไร” อยู่ๆ เขาเอ่ยถามออกมา “……” “ฉันถามว่าเธอเรียนปรับพื้นฐานวิชาอะไร เช้านี้น่ะ” เสียงห้วนเข้มทวนคำถามรอบที่สอง ทำเอานิสิตสาวคนงามถึงกับสะดุ้งโหยง เพราะตอนนี้กำลังนั่งคิดเรื่องเมื่อวานและอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย เลยไม่ทันได้ฟังว่าก่อนหน้านั้นเขาพูดอะไร “เอ่อ…วิทยาศาสตร์ค่ะ” อิงอรอ้อมแอ้มตอบกลับไปเสียงอ่อยๆ คนใจร้าย ดุเอาๆ ยังไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย “อืม เดี๋ยวเดินไปพร้อมกัน” พยักหน้ารับหงึกหงักเมื่อได้คำตอบ เพราะปกติแล้ว นิสิตใหม่จะต้องได้รับการเรียนปรับพื้นฐาน ก่อนที่จะเริ่มต้นเรียนในรายวิชาประจำสาขาในสัปดาห์ต่อไป โดยการเรียนปรับพื้นฐานจะเรียนรวมทั้งคณะ จัดแยกสุ่มรายชื่อเป็นห้องๆ เขาจึงไม่แน่ใจว่าเธอเรียนกับห้องไหน แต่ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าเธอได้อยู่ห้องเดียวกับเขา เพราะถ้าต่างห้องกัน รายวิชาในแต่ละคาบจะสลับกัน แต่ถึงแม้หญิงสาวจะเรียนกับห้องอื่น ก็ตั้งใจว่าจะเดินไปส่งเธออยู่ดี แม้จะไม่ค่อยอยากคลุกคลีเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ใจร้ายกับผู้หญิงที่ข้อเท้าเจ็บหรอก… อิงอรค่อยๆ เดินช้าๆ ด้วยกลัวจะลงน้ำหนักไม่ถูกจังหวะ พลอยทำให้ข้อเท้าระบมอีก โดยมีธันย์ธาดาคอยประคองอยู่ราวกับคู่รักก็มิปาน แต่ใครเลยจะรู้ว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะฝ่ายชายดูเกลียดชังเธออย่างกับอะไรดี แต่เป็นใครก็คงรับไม่ได้หรอก เมื่ออยู่ๆ ก็ต้องมารับรู้ว่าตัวเองมีคู่หมั้นคู่หมาย แถมยังจะถูกบังคับให้แต่งงานกัน ทั้งๆ ที่ต่างคนต่างไม่เคยรู้จักมักคุ้น หรือสนิทชิดเชื้อมาก่อน ถ้าระหว่างเขาและเธอไม่ได้เริ่มต้นด้วยการคลุมถุงชนมันคงจะมีทางสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ไม่ยาก อย่างน้อยเป็นเพื่อนก็ยังดี แต่นี่แค่ความเป็นเพื่อน เธอยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะนึกถึงหรือยอมรับบ้างหรือเปล่า หญิงสาวก้มหน้าลงมองพื้นระหว่างเดินอย่างหงอยๆ ทำไมเธอต้องเศร้าด้วยนะ กับการที่คิดว่าเขาไม่ชอบขี้หน้า เกลียด หรือไม่พอใจ ทั้งๆ ที่เธอเองก็ใช่ว่าจะยินดีกับการถูกบังคับ แต่ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มพาไปใส่ยาและนวดข้อเท้าให้นั้น จิตใจมันก็กระวนกระวาย พาลแต่จะคิดถึงหน้าชายหนุ่มอยู่เรื่อย จนได้เวลาเข้านอนแล้ว กว่าจะหายจากอาการเหล่านั้น พลอยทำให้นอนไม่หลับ จนดึกดื่นค่อนคืนเลยทีเดียวถึงได้เข้าสู่นิทรา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD