บทที่ 5 เขาอยู่หน้าบ้านหรือบ้านอยู่หลังเขา EP.2

1196 Words
หญิงสาวมองไปยังบ้านที่เธออาศัยหลับนอนเมื่อคืน ซึ่งเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงหลังไม่ใหญ่นัก หลังคามุงสังกะสี มีบันไดห้าขั้นทอดจากพื้นดินขึ้นไปยังด้านบน มีระเบียงยื่นออกไปจากตัวเรือน โดยมีเสาต้นใหญ่ด้านล่างรองรับอยู่ ด้านบนมีหลังคาคลุมสำหรับกันแดดกันฝน บนบ้านมีเฟอร์นิเจอร์เพียงชิ้นเดียวคือเก้าอี้ไม้ตัวยาวที่เมื่อครู่เธอกับนางพวงนั่ง และมีห้องนอนเพียงห้องเดียวที่เธอนอนเมื่อคืน ส่วนใต้ถุนเทปูนเต็มพื้นที่และมีเปลไม้ไผ่แขวนอยู่ พื้นที่ที่เหลือเธอคิดว่าน่าจะพอจอดรถยนต์ของเธอได้ “น้องขิมจะอาบน้ำเลยก็ได้นะถ้าไม่กลัวเย็น ห้องน้ำอยู่ข้างๆ บ้าน ป้าเปิดน้ำไว้ให้แล้ว เดี๋ยวค่อยขึ้นมากินข้าวทีหลัง” นางพวงชะโงกหน้าลงมาบอก “จ้ะป้า” พอได้ยินนางพวงพูดถึงเรื่องกลัวเย็น หญิงสาวก็นึกขยาดอากาศขึ้นมาทันที แต่ครั้นนึกถึงสภาพของตัวเองที่เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำเพราะความอ่อนเพลียทั้งทางกายและใจ ทำให้ตัดสินใจว่าควรจะอาบดีกว่า ใช้เสื้อผ้าชุดเดิมคงไม่เป็นไรเพราะเมื่อคืนก็แค่ใส่นอน พรนับพันฉวยสิ่งของพร้อมด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กจากในรถ แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำข้างๆ บ้านที่ถูกสร้างขึ้นง่ายๆ ในนั้นมีเพียงตุ่มน้ำใบใหญ่ใส่น้ำไว้จนเต็ม ส่วนส้วมก็เป็นแบบนั่งคล้ายกับชักโครกไม่ใช่แบบนั่งยองๆ อย่างที่นึกกลัว น้ำขันแรกที่ตักจากตุ่มมาราดรดตัวแม้จะเย็นยะเยือกจนสะดุ้ง แต่ขันที่สองที่ตามมาติดๆ กลับทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นราวกับต้นไม้ได้น้ำ ความขุ่นมัวต่างๆ ที่พานพบมาเมื่อวานค่อยๆ มลายหายไป ขันต่อๆ มาพรนับพันจึงอาบได้อย่างสบายๆ เธอเพิ่งรู้ซึ้งถึงความแตกต่างระหว่างน้ำประปาที่เคยชิน กับน้ำที่คงนำมาจากบ่อก็คราวนี้เอง เพราะกว่าจะล้างฟองสบู่ออกหมดต้องใช้น้ำไม่รู้กี่ขันต่อกี่ขัน หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยหญิงสาวจึงสั่นราวกับลูกนก นางพวงเห็นสภาพถึงกับหัวเราะเบาๆ พร้อมกับหยิบผ้าทอผืนงามคลุมไหล่ให้ “ช่วงนี้เป็นปลายฤดูหนาวจะเข้าฤดูร้อนแล้ว กลางวันอากาศจะอบอ้าวมาก แต่ตอนกลางคืนกับเช้าจะเย็นสบายเหมือนอยู่ในห้องแอร์” นางพวงพูดพลางมองร่างระหงในชุดเสื้อผ้าหลวมโพรกของนางแล้วอมยิ้ม “เดี๋ยวสายๆ ป้าจะพาน้องขิมไปซื้อเสื้อผ้าในอำเภอใส่ไปพลางๆ ก่อน เอาไว้เข้าเมืองค่อยไปหาซื้อใหม่แล้วกัน แต่ตอนนี้ไปกินข้าวได้แล้ว” สถานที่กินข้าวอยู่ในครัวเล็กๆ ต้องนั่งพับเพียบกินกับพื้นไม้กระดาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องถนัดของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ท่าทางของเธอจึงดูประดักประเดิด เก้ๆ กังๆ ทว่าเมื่อตักข้าวต้มหมูหน้าตาแสนจะธรรมดาเข้าปากเท่านั้น รสชาติที่ได้รับก็ทำให้ลืมเลือนการนั่งที่ไม่ถนัดไปทันที แล้วรีบตักคำที่สองเข้าปากเพราะความอร่อยอย่างที่ไม่ได้ลิ้มรสชาติเช่นนี้มานาน “อร่อยจังเลยจ้ะป้าพวง” นางพวงมองหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งพับเพียบเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ด้วยท่าทางไม่ถนัดนักอย่างเอ็นดู ใครจะว่าอีกฝ่ายมีท่าทางเหวี่ยงวีนอย่างไรก็แล้วแต่ สำหรับนางไม่เคยมองเช่นนั้น เพราะนั่นเป็นเพียงเปลือกนอกที่เจ้าตัวสร้างเป็นเกราะขึ้นมา เพื่อปิดบังอำพรางเนื้อแท้เอาไว้เท่านั้นเอง ใครจะมารู้ดีเท่าตัวนางที่เลี้ยงมากับมือ แม้แต่ตัวคนเป็นแม่เองก็คงไม่รู้ “ไหนน้องขิมเล่ามาสิว่าทำไมถึงมาหาป้าที่นี่” หญิงวัยกลางคนตั้งคำถาม หลังเห็นหญิงสาวจัดการข้าวต้มชามที่สองหมดเรียบร้อย ซึ่งคนถูกถามก็อึ้งไปชั่วครู่เพราะไม่รู้จะเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างไรก่อนดี แต่หลังจากตั้งสติได้จึงเปิดปากเล่า “เรื่องเป็นอย่างนี้จ้ะป้า” นางพวงฟังเรื่องราวที่พรั่งพรูออกจากปากของหญิงสาว แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ยิ่งได้ฟังประโยคสุดท้ายที่คนเล่าพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวก็ยิ่งสะท้อนใจ “คุณแม่ไม่เคยเชื่อใจในตัวหนูเลย เชื่อแต่คำบอกเล่าของคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง คอยดูนะหนูจะไม่กลับไปที่นั่นอีก” “น้องขิมอย่าพูดอย่างนี้นะ เชื่อป้าเถอะ ไม่ใช่อย่างที่น้องขิมคิดหรอกจ้ะ...” ยังไม่ทันที่นางพวงจะพูดชี้แจงอะไรต่อ คนฟังก็รีบโบกมือ “ป้าไม่ต้องแก้ตัวแทนหรอกจ้ะ แล้วก็ไม่ต้องบอกให้หนูกลับไปด้วย ถ้าป้าไม่ให้อยู่ด้วยหนูก็จะไปตามทางของหนู” นางพวงหัวเราะเบาๆ กับน้ำเสียงขึ้นจมูกของคนพูด “แล้วคิดว่าป้าจะทำอย่างนั้นหรือจ๊ะ ป้าดีใจด้วยซ้ำที่น้องขิมยังคิดถึงป้าไม่เตลิดไปไหนต่อไหน จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้” ทั้งที่จริงนางอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่คิดดูแล้วถ้าพูดตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์อันใด เพราะคนฟังน่าจะยังไม่พร้อม คงต้องให้เวลาช่วยเยียวยา “แต่น้องขิมจะอยู่ที่นี่ได้หรือจ๊ะ” คำถามดังกล่าวทำให้คนฟังอึ้งไปอีกครั้ง ก่อนหญิงสาวจะลุกขึ้น แล้วเดินออกจากครัวไปทรุดนั่งตรงเก้าอี้ริมระเบียง พลางกระชับผ้าคลุมไหล่ให้แน่นขึ้นเนื่องจากสายลมเย็นที่โชยมาปะทะ เธอมองไปยังทิวเขาสลับซับซ้อนที่เรียงตัวกันอยู่เบื้องหน้าทั้งที่ดวงตาคู่งามยังทอประกายหม่นเศร้า ‘นั่นสิ! เธอจะอยู่ที่นี่ได้หรือ’ เทือกเขายาวเหยียดที่เห็นอยู่ ก็บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าที่นี่ห่างไกลความเจริญแค่ไหน โดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ คนที่อยู่กับแสงสีมาตลอดอย่างเธอจะทนอยู่ได้หรือ หญิงสาวถามตัวเองอยู่ในใจอย่างกลัดกลุ้ม ‘ต้องอยู่ได้สิ...ต้องอยู่ให้ได้ คำตอบในใจที่ได้รับดูแล้วไม่ค่อยมั่นคงเท่าที่ควรนัก’ แต่ด้วยทิฐิมานะทำให้เธอสั่งตัวเองว่าต้องทำให้ได้อย่างที่คิด ไม่มีทางที่คนอย่างเธอซึ่งก้าวมาข้างหน้าแล้วจะถอยกลับไปง่ายๆ ถ้าขืนกลับไปคงได้ถูกผู้เป็นแม่หัวเราะเยาะ ว่าซมซานกลับไปอย่างที่อีกฝ่ายลั่นวาจาและตราหน้าไว้เป็นแน่ “ว่าไงล่ะน้องขิม” นางพวงเดินมาทรุดลงนั่งข้างๆ ถามย้ำและรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “อยู่ได้สิจ๊ะป้า หนูจะต้องอยู่ให้ได้” นางพวงหัวเราะเบาๆ “ที่ตอบป้าว่าต้องอยู่ให้ได้เป็นเพราะใจคิดอย่างนั้นหรือเพราะอย่างอื่น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD