“ยังอยากเป็นขวัญใจของสาวๆ ต่อไปว่างั้น” แสนคมกระเซ้าเพราะอีกฝ่ายเป็นขวัญใจสาวแก่แม่ม่ายยามไปติดต่อราชการที่ไหน เนื่องจากมีมนุษยสัมพันธ์ดีแถมหน้าตาก็จัดว่าหล่อเหลา
“โธ่” คนถูกยกให้เป็นขวัญใจสาวแก่แม่ม่ายโอดครวญ “ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ตัวพี่เองนั่นแหละ สาวๆ ในหมู่บ้านจ้องกันตาเป็นมัน ใครๆ ก็อยากเป็นคุณนายผู้พันกันทั้งนั้น ถ้าพี่ไม่ทำหน้าเป็นเสือยิ้มยากอย่างนี้ ขี้คร้านหัวกระไดบ้านไม่แห้ง” บดินทร์ค่อน
“พี่ขอสละสิทธิ์ยกให้หัวกระไดบ้านนายไม่แห้งบ้านเดียวแล้วกัน” แสนคมรีบส่ายหน้า เขาขอมีบ้านแบบหัวกระไดแห้งๆ น่าจะดีกว่า ไม่ต้องกลัวลื่นล้มด้วย
การคุยกันระหว่างขับรถไปด้วย นอกจากจะทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้ว ยังทำให้ไม่เบื่อหน่ายอย่างที่คิด แล้วทั้งคู่ก็มาถึงบ้านย่านเอกมัยของแสนคมเร็วกว่ากำหนดร่วมครึ่งชั่วโมง
“พี่กดยาวไปหรือเปล่าครับ” บดินทร์ถามยิ้มๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกดแตรยาวๆ สามสี่ครั้งติดๆ กัน
พันตรีแสนคมหันมามองคนพูด “กดแบบนี้แหละคนในบ้านจะได้รู้ว่าเป็นพี่ไงล่ะ”
ร้อยเอกบดินทร์หัวเราะเบาๆ “ถ้าเป็นที่บ้านผม กดแบบนี้คงไม่แคล้วถูกด่า หรือไม่ข้างๆ บ้านก็คงว่ากดหาพ่อหาแม่มึงหรือไงวะ”
ไม่ถึงอึดใจดีบานประตูไม้หนาหนักก็ถูกเปิดออกโดยทหารที่ช่วยงานในบ้าน ให้รถคันใหญ่แล่นปราดเข้าไปจอดในโรงรถกว้างขวาง หลังดับเครื่องสนิทพันตรีแสนคมก็ก้าวลงมายืนพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับไม่ได้เห็นมานานแสนนาน
“เห็นบ้านพี่แล้วทำให้ผมคิดถึงบ้านสวน คิดถึงต้นทุเรียน ต้นมังคุดชะมัด”
บดินทร์พูดเปรยๆ หลังก้าวมายืนข้างๆ พลางมองสำรวจรอบๆ ตัวบ้านของนายทหารรุ่นพี่ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงา ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก ไม้หอม ไม้ประดับ ทำให้บริเวณบ้านร่มรื่นไปทั่ว บวกกับสายลมเย็นที่พัดจนต้นไม้ไหวเอน ไม่ต่างจากสถานที่ที่เพิ่งจากมาเท่าไรนัก ผู้กองหนุ่มมองไปยังตัวตึกทรงยุโรปหลังใหญ่กับบรรยากาศๆ รอบกาย จะช่างเป็นความต่างที่ลงตัวที่สุด
แสนคมหัวเราะเบาๆ “เป็นไปได้ยังไงที่ผู้กองดินคิดถึงผลไม้แทนที่จะเป็นสาวๆ”
คำว่าผู้กองดินนั้นทำให้เจ้าตัวยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ปลกๆ “ผมขอร้องเหอะพี่ อย่าเรียกผมว่าผู้กองดินเลย เหมือนผมเป็นกองดินยังไงบอกไม่ถูก”
คนยิ้มยากถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะ ทว่าก็พลันหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงทักทายด้วยความดีอกดีใจจากเบื้องหลัง
“แสนคมเองหรือลูก แม่ยังนึกเลยว่าใครหนอพ่อแม่ไม่สั่งสอน กดแตรแบบนี้ ที่แท้ก็ลูกเราเอง”
คำทักทายดังกล่าวทำเอาบดินทร์ถึงกับหลุดหัวเราะ แม้แต่คนถูกว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนเองก็หัวเราะเช่นกัน แสนคมมองหญิงวัยกลางคนรูปร่างบอบบาง หน้าตางดงามสมวัยซึ่งยืนต่อว่าเขาอยู่ จึงเดินเข้าไปย่อตัวลงแล้วสวมกอดร่างบางไว้อย่างคิดถึง
“คิดถึงแม่จัง คมไม่ได้ยินเสียงแม่ด่าตั้งนานแล้ว”
“อ้อ ที่กดแตรดังๆ ตั้งใจจะให้แม่ด่าหรอกหรือ” คุณสราญรัตน์อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะหัวลูกเบาๆ “แล้วไม่ต้องมาอ้อนแม่เลยนะ หายหน้าหายตาไปเป็นเดือน ถ้าไม่โทร. มาทุกวัน แม่คงนึกว่าลูกชายของแม่ตายไปแล้ว”
บดินทร์มองภาพตรงหน้าแล้วอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ถ้าบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชามาเห็นภาพนี้เข้าคงพากันอึ้งเป็นแถว เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกเช่นนั้น ไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของนายทหารรุ่นพี่ที่แสนดุอย่างกับเสือ แต่เวลานี้กลับกลายเป็นแมวเชื่องๆ ช่างออดอ้อน แถมยังเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อฟังแล้วแปลกหูเหลือเกิน
“พ่อคนนี้หรือเปล่าแสนคม ที่บอกว่าตามมาเที่ยวด้วย” คุณสราญรัตน์ผละจากอ้อมแขนของบุตรชายตัวโตหันมาทางบดินทร์ซึ่งยืนอมยิ้มอยู่
“สวัสดีครับ ผมชื่อร้อยเอกบดินทร์ เป็นรุ่นน้องและผู้ใต้บังคับบัญชาของพี่แสนคมครับผม”
คุณสราญรัตน์ยิ้มกว้างอย่างคนใจดี “เข้าไปในบ้านกันจ้ะ คุณย่านั่งรอหลานชายคนโปรดอยู่ข้างในแน่ะ” พูดจบก็จูงข้อมือบุตรชายเข้าไปในบ้านโดยมีบดินทร์เดินตามหลังมาติดๆ
แสนคมเดินตามหลังมารดาเข้าไปในห้องโถงของบ้าน ที่ไม่ได้กลับมาร่วมสามเดือน เขามองตรงไปยังชุดรับแขกไม้สักสีน้ำตาลทองที่มีเบาะรองหนานุ่มสีแดงเข้ม ก็เห็นร่างสูงโปร่งของสตรีชราในชุดเสื้อลูกไม้สีขาวกับผ้าถุงสำเร็จนั่งอยู่ เขาจึงทรุดตัวลงนั่งแล้วก้มกราบลงบนตัก ก่อนจะสวมกอดเอวบางและซบนิ่งไว้อย่างนั้น
“แสนคมของย่า หายไปซะนาน ไม่คิดถึงย่าเลยหรือ”
หม่อมราชวงศ์อรดีพูดกับหลานชายคนเดียวด้วยเสียงสั่นเครือ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะตั้งแง่ตั้งงอนก็เป็นอันล้มเลิกลงกลางคันเมื่อเห็นท่าทางออดอ้อนดังกล่าว
“คิดถึงสิครับ” คนเป็นหลานยกมือบางของผู้เป็นย่าขึ้นวางบนศีรษะ “แต่ภารกิจของคมรัดตัวมากจริงๆ คุณย่าก็ทราบนี่ครับว่า งานในโครงการพระราชดำริที่คมรับผิดชอบอยู่นั้นมีเรื่องให้สะสางตลอดเวลา คมโทร. มาคุณย่าก็ไม่ยอมคุยด้วย” หลานชายตัวโตบอกเสียงนุ่มนวล เพราะถ้าพูดถึงโครงการพระราชดำริ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรก็แล้วแต่ ผู้เป็นย่าซึ่งจงรักภักดีต่อราชวงศ์ยิ่งชีพจะไม่โต้แย้งสักคำ