“ใจเย็น ๆ ก่อนหลิว”
“ไม่เย็นแล้ว!” ฉันสะบัดมือเพื่อนรักออก “นายต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผลงานที่แฟนฉันตั้งใจทำเสียหาย นายต้องซื้อให้ฉันใหม่”
“เรื่องอะไร เธอไม่ดูทางแล้วมาเดินชนฉันเอง”
“นี่จะปัดความรับผิดชอบอีกแล้วเหรอ คราวก่อนก็เดินตัดหน้าแล้วยังมาโยนความผิดให้ฉันอีก”
“นี่ยัยเตี้ย เอาสมองที่มีรอยหยักเพียงน้อยนิดของเธอคิดนิดหนึ่งว่าเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรอยู่ ก้มดูแต่ถุงไม่ดูทางฉันพยายามหลบแล้วแต่เธอก็ยังเดินมาชน”
“อย่ามาโกหกหน่อยเลย เมื่อกี้ฉันไม่ได้ก้มดูอะไร”
“ร้านน่าจะมีกล้องวงจรปิด ไปดูกันไหมล่ะว่าฉันพูดจริงรึเปล่า”
“หลิวพอเถอะ บั้มบุบนิดเดียวเองอย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”
“แกก็พูดได้สิที่รักแกยังอยู่ดี” ฉันถนอมของฉันจะตาย แล้วไอ้หมอนี่เป็นใครกล้าดียังไงมาทำผลงานที่สุดหล่อของฉันตั้งใจสร้างสรรค์ออกมาต้องเสียหาย
“งั้นเปลี่ยนกัน แกเอาของฉันเดี๋ยวฉันเอาของแก”
“ได้ไง ถ้าแกเปลี่ยนกับฉันแกก็จะได้ของมีตำหนิ”
“เออน่าไม่เป็นไร” ไอ้แนนไม่รอให้ฉันแย้ง รีบดึงอัลบั้มในมือฉันไปใส่ถุงของตัวเอง แล้วเอาอัลบั้มของตัวเองคืนให้ฉัน
“ทำไมแกต้องรับผิดชอบในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ” พูดกับเพื่อนแต่ตามองขวางไอ้ยักษ์ที่ยังคงทำหน้ากวนบาทา
“ก็เพราะฉันไม่อยากให้แกมีเรื่องไง” เพื่อนสนิทก้มเก็บของที่กระจัดกระจายขึ้นมาให้ “ขอโทษแทนหลิวด้วยนะคะ” ฉันตาตื่น หยิกแขนไอ้แนนไปเต็มแรง
“ขอโทษทำไม นายนั่นต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ”
“หลิน” เพื่อนสาวเรียกชื่อกันอย่างอ่อนใจ แต่แล้วไงในเมื่อฉันพูดความจริง ไม่ผิดแล้วทำไมต้องขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจว่าเพื่อนน้องยังเด็กมากการคิดวิเคราะห์แยกแยะเลยไม่ดีเท่าที่ควร”
“นายกำลังบอกว่าฉันไม่มีสมอง?”
“ว้าว! เก่งนะเนี่ยที่เข้าใจ ไอ้เราก็อุตส่าห์พูดอ้อมโลก” ดูมัน ดูมันทำหน้าทำตาใส่ ฉันโมโห โมโหจนอยากกรี๊ด
“อย่านะหลิว!” มือเค็ม ๆ ของไอ้แนนพุ่งปิดปาก “ลาก่อนนะคะ” มันค้อมหัวให้ศัตรูหมายเลขหนึ่งของฉันแล้วกึ่งเดินกึ่งลากให้ฉันออกจากหน้าร้าน “เดินเดี๋ยวนี้หลิว ไม่อย่างนั้นวันหยุดหน้าฉันจะบังคับให้แกไปนั่งวิปัสสนาด้วย”
• คมเขี้ยว
มองตามหลังยัยเตี้ยที่โดนเพื่อนลากไปแล้วได้แต่ส่ายหัว ผู้หญิงอะไรไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด แถมยังไม่รู้ผิดรู้ถูก ตัวเองเดินไม่มองทางเองแท้ ๆ ยังหาว่าคนอื่นผิด ถ้าเกิดผิดครั้งเดียวยังพอให้อภัย แต่นี่ผิดสองครั้งถือว่าเกินเยียวยา
ถ้าไอ้หลงไม่บอกเองกับปากว่ายัยนั่นเป็นน้องสาวผมคงไม่ยอมเชื่อ ก็จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อสองคนนั้นไม่มีอะไรคล้ายกันเลย ไอ้หลงมันหน้าคมตัวสูง ผิวสีแทนเหมือนชายไทยในอุดมคติ ส่วนยัยเตี้ยหน้าหมวยตาตี่ ตี่ซะจนผมคิดว่าเธอมองเห็นทางได้ยังไง แถมผิวยังขาวมากแตกต่างจากไอ้หลงแบบสุด ๆ
“พี่เขี้ยวรอนานไหมคะ” เสียงใสทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ หันหน้ากลับมาหาคนที่กำลังส่งยิ้มให้
“ไม่นาน” ผมส่ายหน้าสำทับกับคำตอบ “ซื้อเสร็จแล้ว?”
“ค่ะ”
“หมดไปเท่าไหร่ล่ะ” ยื่นมือรับถุงมาถือเอง ก้มหน้าดูของข้างในแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“หนึ่งค่ะ”
“หนึ่งพัน?”
ใบหน้าสวยส่ายไปมา “หนึ่งหมื่น”
เท้าผมหยุดเดินอัตโนมัติเมื่อได้ยินจำนวนเงิน เงยหน้ามองคนที่กำลังส่งยิ้มแหย
“น้ำขิง! นี่กล้าเสียเงินให้ใครก็ไม่รู้เป็นหมื่นเลยงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ใครที่ไหนสักหน่อย เขาเป็นที่รักของขิงนะพี่เขี้ยว” สีหน้าเพ้อฝันแบบนั้นคืออะไร แล้วทำไมต้องยิ้มพิศวงน่าขนลุกขนาดนั้น
“สตินะขิง บ่นตลอดว่าไม่มีเงินกินข้าวแต่กลับมีเงินมาซื้ออะไรไร้สาระ”
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลย นิสัยไม่ดีมาว่าความชอบคนอื่นไร้สาระ” มือเล็กชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง คิดว่ากลัวมากมั้งไอ้เด็กนี่
“ก็มันจริง” ผมปัดมือทิ้ง “คนพวกนั้นไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ มีแต่เธอที่พร่ำเพ้อเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว”
“พี่เขี้ยวไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูด ถึงพวกเราจะไม่ได้รู้จักกัน แต่พวกเราก็รู้ว่ามีกันและกันอยู่ ความรักที่ขิงมีให้เขามันเป็นความรักอันสุดแสนบริสุทธิ์ ขิงไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน ขิงแค่ต้องการสนับสนุนคนที่ขิงรักเท่าที่ขิงจะทำได้”
ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว “แล้วแต่ละกัน เวลาไม่มีเงินกินข้าวก็อย่ามาขอ” พูดจบผมก็เดินหนี ไม่เข้าใจหรอกไอ้ความรักสุดแสนบริสุทธิ์ที่ผมเข้าไม่ถึง
“พี่เขี้ยวอย่าทำแบบนี้กับน้องสิ น้องอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนนะ” คนตัวเล็กกว่ารีบวิ่งมาดักหน้า
“แล้วใครใช้ให้เอาเงินที่พ่อแม่ส่งให้ไปใช้จ่ายไร้สาระ” ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้สนใจเลยไม่รู้ว่าน้ำขิงหมดเงินไปกับเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน รู้แค่ว่าน้องสาวชอบศิลปินเกาหลีมาก ทั้งห้องเต็มไปด้วยโปสเตอร์ใครบ้างก็ไม่รู้เต็มไปหมด พึ่งมาช่วงหลัง ๆ ที่บ่นถี่ว่าเงินไม่พอใช้ ผมเลยเริ่มสังเกตพฤติกรรมถึงได้รู้ว่าเส้นทางการเงินเป็นมายังไงบ้าง
“ขิงบอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องไร้สาระ!”
“เออ! ไม่ไร้สาระก็ไม่ไร้สาระ พอใจยัง?” เท้าเอวถามน้องตัวดี เถียงเก่งเหมือนยัยเตี้ยคนเมื่อกี้ไม่มีผิด
“ขิงขอแช่ง!”
“ว่า?” ผมกวักมือเข้าหาตัวให้อีกคนรีบ ๆ พูด จะแช่งอะไรก็ว่ามาเลยน้องรัก
“ขอให้ใครสักคนทำให้พี่เขี้ยวหลงรักหัวปักหัวปำ ขอให้พี่หลงรักเขาแต่เขาไม่รักตอบ ต้องทำทุกอย่างทำทุกทางเพื่ออ้อนวอนขอความรัก!” น้ำขิงทำหน้าตาจริงจังมาก ดูท่าน้องสาวจะแค้นที่ผมบอกว่าความรักที่เธอมีต่อศิลปินคนโปรดไร้สาระ เหอะ!
“แค่นี้?”
“แค่นี้แหละ”
“เด็กน้อยเอ๊ย” ผมส่ายหัวแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากน้ำขิงไปเต็มแรง มีอย่างที่ไหนมาแช่งเรื่องความรักกับคนไม่อินเรื่องพวกนี้
“ขิงมีเซ้นซ์ว่าเร็ว ๆ นี้จะได้เห็นพี่เขี้ยวกลายเป็นโบ้”
“รอจนรากงอนก็ไม่มีวันได้เห็นครับ” เป็นอีกครั้งที่ผมจิ้มนิ้วลงไปยังหน้าผากของน้องสาวอย่างหมั่นไส้
“ปากดีแบบนี้หอนหมาทุกรายขิงบอกเลย” ทุกรายที่ว่าไม่มีผมรวมอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน คนที่สาว ๆ โหวตให้เป็นวัสดุแฟนจะมาตกม้าตายอ้อนวอนขอความรักได้ยังไง บ้าบอคอแตก