bc

เขี้ยวยักษ์ของต้นหลิว

book_age12+
34
FOLLOW
1K
READ
family
HE
opposites attract
single mother
sweet
lighthearted
kicking
campus
childhood crush
like
intro-logo
Blurb

ตั้งแต่เจอกันมีแต่ด่ากับหยุมหัว แต่พอปากแตะกันเท่านั้นแหละ 'ถ้าเธอเงียบแบบนี้ฉันจะไม่ไหวเอานะเตี้ย'

“ไอ้หลง กูว่ามึงน่าจะได้ไอ้เขี้ยวเป็นน้องเขย” คำพูดของพี่ฮั่นเล่นเอาฉันหยุดหายใจ สะอึกจนเกือบหลับแต่ดีที่พาตัวเองกลับมาได้

“ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่หลิวจะบอกให้ตบปากตัวเองเท่าอายุ” พี่ฮั่นหัวเราะเหมือนคนบ้า เจ้าตัวไม่มีท่าทีโกรธเคืองแถมยังดูเหมือนจะชอบใจในคำพูดฉันอีกต่างหาก

“คนอย่างกูไม่ลดตัวขนาดนั้นมึงก็รู้” พูดกับพี่ฮั่นจบไอ้ยักษ์ก็หันมายักคิ้วใส่

“แหม๋พ่อคนหล่อ พ่อคนสุดแสนจะเพอร์เฟกต์” พูดเหมือนตัวเองเป็นเทวดามาจุติ ไม่ลดตัวอย่างนั้นเหรอ ฉันก็ไม่ลดตัวเหมือนกันย่ะ

“เห็นมานักต่อนักแล้วพวกชอบทะเลาะกัน สุดท้ายได้กันเอง”

“ไม่มีทาง!/ไม่มีทาง!”

คมเขี้ยว

หนุ่มหล่อ นักศึกษาชั้นปี3 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา

หน้าตาติดดุแล้วก็ค่อนข้างจะปากหมา(กับนางเอก)

แต่จริง ๆ แล้วเนื้อแท้เป็นคนดี ถ้าได้รู้จักรับรองว่าคุณจะหลงรัก

ฉายาที่ยัยเตี้ยตั้งให้ : ไอ้ยักษ์บ้า ไอ้ร่างยักษ์ ไอ้ยักษ์เขียว!

ต้นหลิว

สาวน้อยไซส์มินิ นักศึกษาชั้นปี1 คณะนิเทศศาสตร์

ผิวขาวเกือบซี้ด มีเชื้อจีนที่ได้จากฝั่งแม่

เป็นคนลุย ๆ ชอบเตะต่อยเพราะเป็นลูกนักมวยเก่า

พูดเพราะบ้างไม่เพราะ (แต่ส่วนใหญ่จะไม่เพราะ)

ชอบไอดอลเกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ

มีคู่อริหนึ่งคนคือไอ้ยักษ์ตัวใหญ่ที่ชอบหาเรื่องเธอในทุกครั้งที่เจอกัน

ฉายาที่ไอ้ยักษ์ตั้งให้ : ยัยเตี้ย!

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายฟีลกู๊ดฟีลใจ ไม่มีปมซับซ้อนเหมาะแก่การอ่านแบบเพลิน ๆ ไม่คิดมาก เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นการตีกันของพระเอกกับนางเอก ใครชอบแนวคู่กัดถูกแช่งชักให้กลายเป็นคู่รักแนะนำเลย

chap-preview
Free preview
บทที่ 1กรุณาลืมตาเดิน
“ตาย ๆ ไอ้หลิว จะเข้าเรียนทันไหมเนี่ย” ฉันวิ่งตีนแตกลงจากรถรางของมหา’ลัย รองเท้าผ้าใบก็ยังใส่ไม่ดีเลยต้องวิ่งไปใส่ไป หวิดจะล้มหัวฟาดพื้นหลายครั้งแต่ก็ยังรอดมาได้ เรื่องของเรื่องคือวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของชีวิตนักศึกษาในรั้วมหา’ลัย เด็กใหม่อย่างฉันที่เมื่อคืนมัวแต่ตื่นเต้นเลยนอนไม่ค่อยหลับ มาหลับเอาจริงจังตอนตีสี่ทำให้ตอนนี้ต้องเท้าไฟวิ่งให้ทันเรียนคาบแรก “โอ๊ยยยย!” แต่ดูเหมือนเทวดาฟ้าดินไม่เป็นใจ ยิ่งรีบยิ่งส่งคนร่างใหญ่เดินตัดหน้าชนกันจนดังปึก แถมยัง... “ไม่มีใครบอกเหรอเวลาเดินให้ลืมตา” ปากหมา! “แล้วไม่มีใครบอกเหรอว่าอย่ากระซิบลี่คนอื่น” ฉันแค่ตาตี่ไปหน่อยเท่านั้นเองไม่ได้หลับตาเดินสักหน่อยทำไมต้องมาว่ากันด้วยไอ้ตัวใหญ่ปากเสีย “บูลลี่ตรงไหน ก็เมื่อกี้เธอไม่ลืมตาจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะเดินชนฉันได้ยังไง” “ไม่ให้ชนได้ไงในเมื่อนายเดินตัดหน้าฉัน ไม่เห็นรึไงว่าคนกำลังรีบ” พูดถึงเรื่องรีบนี่มันกี่โมงแล้ว ตาย ๆ อีกแค่ห้านาทีจะถึงเวลาเรียน “จะไปไหนยัยเตี้ย” พูดไม่พอยังดึงปกเสื้อนักศึกษาของฉันไว้ ไอ้บ้านี่มันต้องการอะไรจากฉันเนี่ยคนยิ่งรีบ ๆ อยู่ “ไปเรียนสิไอ้บ้า ปล่อย!” “ไม่ปล่อย เดินชนคนอื่นไม่ขอโทษแล้วยังคิดจะชิ่ง มารยาทสะกดเป็นบ้างไหม” “เป็น แต่ฉันไม่คิดจะใช้กับคนสันดานเสียอย่างนาย ปล่อย! ปล่อยได้แล้วโว้ยยยย” พยายามตีมือหยาบให้ปล่อยจากปกเสื้อ แต่ตียังไงไอ้บ้านี่ก็หนังหนาสีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่มีความรู้สึก “กล้าว่าฉันสันดานเสียเหรอยัยตัวเตี้ยตาบอด” “ตาฉันแค่ตี่เว้ยไม่ได้บอด! อีกอย่างฉันสูงตั้งร้อยห้าสิบสอง สูงขนาดนี้บ้านนายเรียกเตี้ยไงไอ้งั่ง” “โอ๊ยยยย ไม่เรียกเตี้ยธรรมดาแต่เรียกว่าเตี้ยมาก พึ่งเคยเจอคนเตี้ยที่มั่นหน้าว่าตัวเองสูง สงสารจัง” “ไอ้บ้านี่ ฉัน ฉัน” โกรธจนตัวสั่น กัดฟันงัดเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีสะบัดมือหยาบช้าได้สำเร็จ หมุนตัวตั้งท่ายกเท้าขวาเป้าหมายคือจุดยุทธศาสตร์กะว่าจะเอาให้เจ็บจุกไปเลยทั้งอาทิตย์ ติดที่ว่า... “หยุด! พวกแกสองคนทำอะไรกัน” คนมาใหม่มองหน้าฉันสลับกับไอ้ยักษ์ “ลืมเอาหูมาจากบ้านรึไงทำไมไม่มีใครตอบ เมื่อกี้ทำอะไรหลิว แล้วมึงทำอะไรน้องกูไอ้ห่าเขี้ยว” “น้อง?” “เออ ไอ้หลิวน้องกู ที่เคยเล่าให้ฟังไงว่าจะมาเรียนที่นี่” ไอ้ปากไม่ดีมองหน้าฉัน สายตาหยาบคายไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า “หน้าไม่เห็นเหมือนมึง ตาก็ตี่ตัวก็เตี้ย” “บอกแล้วไงว่าไม่ได้เตี้ย!” “พอ ๆ” เฮียหลงรีบเดินเข้ามาแยก “ไม่อายคนกันบ้างว่ะ มหา’ลัยนะเว้ยไม่ใช่ตลาดสด” “ก็เพื่อนเฮียปากหมา” “แล้วเธอปากดีมากมั้ง เดินชนคนอื่นไม่ขอโทษสักคำ” “ไม่ได้ผิดจะขอโทษทำไม จู่ ๆ เดินมาตัดหน้า ตัวอย่างกับยักษ์ใครมันจะหลบทัน” “นี่ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดอีกเหรอห๊ะ!” “พอ!” คราวนี้เฮียหลงตะโกนดัง “ใครผิดใครถูกเอาไว้คุยทีหลัง ตอนนี้จะเข้าเรียนไม่ทันสักคนแล้วไอ้เหี้ย!” พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ตาโต ตาย ๆ มัวแต่เถียงกับไอ้ยักษ์จนลืมไปเลยว่าต้องรีบขึ้นห้องเรียน “งั้นหลิวไปแล้วนะเฮีย ส่วนนายฉันจะกลับมาคิดบัญชี” “รอนะจ้ะยัยเตี้ย” ถึงอยากหันหลังเอามือสวย ๆ ฟาดปากสักทีแต่ก็ต้องข่มใจ เดินหน้ากำมือแล้วรีบวิ่งขึ้นบันได ดีที่ห้องเรียนอยู่แค่ชั้นสามไม่อย่างนั้นคงได้หอบเหมือนปอบมากกว่านี้ “ทำไมช้า” ไอ้แนนกระซิบถาม เพื่อนสนิทเอากระเป๋าที่ใช้จองโต๊ะออกฉันเลยรีบสอดตัวนั่ง ทำตัวลีบเล็กที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ “เจอคนบ้ามาน่ะสิ” พูดแล้วอยากจับมาหักคอ “ในมหา’ลัยเนี่ยนะ?” “อือ” “เป็นไปได้ไง แล้วลุงยามจับได้ยัง” ถึงกับต้องกลอกตาถอนหายใจให้ความซื่อจนบื้อของเพื่อนสนิท พูดอะไรก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงไปหมดไอ้แนนเอ๊ย “เอาไว้เล่าให้ฟัง” ตัดบทไว้แค่นั้นเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเริ่มการสอน คาบแรกยังไม่มีอะไรมากแค่แนะนำรายวิชาแล้วก็เนื้อหาที่จะใช้เรียนในเทอมนี้ รวมถึงการให้คะแนนเพื่อวัดผลตัดเกรด ฉันกับไอ้แนนฟังอย่างตั้งใจ จดทุกอย่างที่จำเป็นต่อการได้เกรดเอ เพราะเราสองคนคุยกันไว้ว่าสี่ปีต่อจากนี้ต้องคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ “เล่าได้ยังเรื่องคนบ้าที่แกเจอ” ออกจากห้องเรียนได้ไม่กี่ก้าวเพื่อนสาวก็แสดงออกถึงความอยากใส่ใจ “เขาทำอะไรแกรึเปล่า” “ห่วงช้าไปไหม แกควรถามตั้งแต่ที่ฉันเดินเข้าห้อง” สมองประมวลผลช้าหลายชั่วโมงเลยเพื่อนรัก “โทษที ลืม” คนพูดยิ้มแหยแล้วรีบเข้ามาออเซาะ “สรุปเป็นอะไรไหม” “ไม่เป็น มีแค่อารมณ์เสียจนอยากถลกหนังหัวคน” “ทำไม” “ไอ้ยักษ์นั่นมันกวนตีน หน้าตาไม่ดีแล้วยังปากหมา” ไม่อยากเชื่อว่าเฮียหลงจะมีเพื่อนสันดานเสียแบบนี้ด้วย เคยเจอแต่เฮียฮั่นที่หล่อดีมีสกุล พึ่งเคยเจอคนสถุลก็คราวนี้ “หมายถึงคนบ้าคนนั้นเหรอ” ไม่รู้ต้องถอนหายใจอีกกี่ครั้งถึงจะพอ “อือ” “ฉันยังงงไม่หายว่าทำไมมหา’ลัยถึงปล่อยให้คนบ้าเข้ามาได้” “แนนเพื่อนรัก ฉันแค่เปรียบเทียบว่ามันเหมือนคนบ้า” “อ้าว นึกว่าเรื่องจริง” เพื่อนสาวทำหน้างง “ฉันละเบื่อแกจริง ๆ” เป็นอีกครั้งที่ต้องส่ายหัว “ไอ้บ้าที่ฉันพูดถึงเป็นเพื่อนเฮียหลง” “หือ แล้วไปไงมาไงถึงได้มีเรื่องกัน ไม่ใช่ว่าแกรู้จักเพื่อนเฮียทุกคนเหรอ” นั่นสิ ฉันว่าตัวเองรู้จักเพื่อนพี่ชายทุกคนเพราะพวกเขามักแวะไปเล่นที่ค่ายมวยอยู่บ่อย ๆ แต่กับไอ้เขี้ยวอะไรนั่นพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก “ไอ้บ้านั่นเดินตัดหน้าแล้วหาว่าฉันหลับตาเดิน” คนฟังกลั้นหัวเราะ ฉันตีมือลงแขนเล็กพร้อมกับขึงตาใส่ “โดนบู้บี้เรื่องตาอีกแล้วเหรอ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันโดนหาว่าหลับตา แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ฉันโมโหเลือดขึ้นหน้า อาจเพราะหน้าตาวอนตีนของคนพูดหรือจะอะไรหลายอย่างที่รวมเป็นไอ้ร่างยักษ์ถึงทำให้ฉันอารมณ์เสียขนาดนี้ “มันบอกด้วยว่าฉันเตี้ย” “อ่า... เถียงไม่ได้ซะด้วยสิ” เป็นอีกครั้งที่ฉันขึงตาใส่เพื่อนสนิท “แกต้องหัดยอมรับความจริงนะหลิว” “ก็ถ้าเป็นความจริงฉันยอมรับอยู่แล้ว แต่นี่ไม่ใช่ไง สูงตั้งร้อยห้าสิบสองเลยนะ ร้อยห้าสิบสอง” ฉันว่าร้อยห้าสิบก็สูงแล้วนะ เพราะฉะนั้นฉันที่สูงร้อยห้าสิบสองจะเตี้ยได้ยังไง “สูงก็สูง สูงกว่าหลักกิโลมานิดหนึ่ง” “ไอ้แนน! แกอยากหมดลมหายใจก่อนวัยอันควรใช่ไหมหา!” วิ่งเตะไอ้เพื่อนปากไม่ดี แทนที่จะเข้าข้างกันยังมีหน้าไปเข้าข้างไอ้ร่างยักษ์ อย่าให้จับได้นะไม่อย่างนั้นฉันจะส่งแกไปอยู่กับมันให้รู้สึก!

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

มาเฟียเลี้ยงต้อย MAFIA DEMON

read
9.4K
bc

My Frist Lover พิชิตรักอันตรายผู้ชายพันธุ์เถื่อน

read
1.0K
bc

My Cruel Guy รักอันตรายผู้ชายพันธุ์เถื่อน

read
1K
bc

BAD BROTHER พันธะร้ายพี่ชายตัวแสบ

read
26.2K
bc

ขุนพลหวงรัก

read
25.7K
bc

เกิดใหม่ทั้งทีดันมาอยู่ในร่างตุ้ยนุ้ยที่คู่หมั้นรังเกียจ

read
1.7K
bc

ADORE YOU ยัยตัวป่วน

read
6.8K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook