บทที่ 2อีกแล้วเหรอ

1288 Words
“หลิว ฉันไปสืบมาแล้วนะเรื่องพี่เขี้ยว” ปรายตามองไม่ได้แสดงออกถึงความใส่ใจ แต่อย่างนั้นเพื่อนตัวดีที่แม้จะซื่อบื้อแต่ชอบใส่ใจเรื่องคนอื่นก็ยังคงเล่าต่อ “ประวัติพี่เขาเริสมากเลยนะ ในกระทู้มหา’ลัยมีแต่คนชมว่าทั้งหล่อทั้งใจดี แถมเรียนเก่งจนได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ” “ไอ้เรียนเก่งก็อาจจะใช่อยู่หรอก แต่ไอ้ทั้งหล่อทั้งใจดีไม่เห็นด้วยแบบสุด ๆ” หน้าอย่างกับยักษ์เขียวการ์ตูนแชร็คมีอะไรให้หล่อกัน แล้วนิสัยก็ป่าเถื่อนถึงขั้นสุดเอาอะไรมาใจดี คนใจดีที่ไหนจะดึงปกเสื้อผู้หญิงจนตัวปลิวขนาดนั้น มีแต่อันธพาลเท่านั้นแหละที่ทำได้ “แกอคติ ดูจากรูปก็หล่อออก” ไอ้แนนยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า แค่เห็นรูปคนไม่ถูกกันฉันก็แทบจะกลืนข้าวไม่ลง “เอาไปไกล ๆ เห็นแล้วไม่เจริญอาหาร” “การโกรธเกลียดคนอื่นมันเป็นทุกข์นะเพื่อนหลิว” เอาอีกแล้ว แม่ชีแนนประทับร่างมันอีกแล้ว “แกต้องรู้จักปล่อยวางชีวิตจะได้สงบสุข” “จ้า ๆ ไว้ว่าง ๆ จะทำนะ” “หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ ไหนลองทำ” อยากจะบ้าตาย เคี้ยวข้าวเต็มปากยังต้องมานั่งยุบหนอพองหนอ มันจะตายก่อนได้บรรลุธรรมเพราะข้าวติดคอนี่แหละแม่ชีแนน ค่ายมวยหลงหลิว “กลับมาแล้วค่า” ตะโกนลั่นตั้งแต่ประตูทางเข้า พี่ ๆ นักมวยยกกำปั้นทักทายอย่างกันเอง ฉันถอนสายบัวสวัสดีทุกคนอย่างเท่าเทียม “เป็นไงบ้างเปิดเทอมวันแรก” พ่อเดินเข้ามาหาหลังถอดนวม ร่างสมส่วนยังดูดีแม้อายุจะเลยเข้าเลขห้า “ก็ดีค่ะ ว่าแต่เฮียหลงยังไม่กลับอีกเหรอคะ” “ไม่รู้จะกลับไหม โทรมาบอกว่าอยู่กินเลี้ยงฉลองเปิดเทอม” “ปิดก็กินเปิดก็กิน ขยันกินจริง ๆ” ฉันส่ายหน้าระอากับพี่ชาย เด็กมหา’ลัยเป็นแบบนี้ทุกคนเลยไหมนะ จะปิดจะเปิดต้องมีเลี้ยงฉลอง “ตามประสาวัยรุ่นนั่นแหละ แล้วเราไม่มีเพื่อนชวนไปสังสรรค์บ้างรึไง” มือใหญ่วางบนหัวแล้วคล้องคอพาเดินเข้าตัวบ้าน “มีค่ะแต่หลิวขี้เกียจไป” “ต้องมีสังคมบ้างนะลูก อยู่คนเดียวมันเหงานะบอกให้” “พ่อไม่ต้องห่วงหลิวหรอกน่า ห่วงตัวเองดีกว่าไหม บอกให้หาแฟนมาอยู่เป็นเพื่อนทำไมไม่ยอมฟัง” ตั้งแต่แม่เสียไปตอนฉันอายุเพียงห้าขวบพ่อก็เลี้ยงฉันกับพี่มาโดยลำพัง ท่านกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ต้องสู้รบตบมือกับลูกสองคนที่ดื้อยิ่งกว่าลิง ฉันนับถือพ่อมากเลยนะที่แม้จะสู้มาตัวคนเดียวแต่ก็เลี้ยงฉันกับเฮียได้เป็นอย่างดี ดีจนเราสองคนไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่น “ถ้าพ่อมีเมียใหม่แล้วเขาไม่รักพวกแกจะทำไง” “ไม่หรอกน่า หลิวเชื่อว่าคนที่พ่อเลือกจะต้องเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่ยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต” ฉันแน่ใจว่าถ้าพ่อชอบใครคนนั้นต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยให้คนที่คิดไม่ดีกับฉันหรือเฮียย่างกลายเข้ามาในชีวิตได้แม้แต่คนเดียว “เบื่อพ่อแล้วใช่ไหมตัวแสบถึงยุให้พ่อมีเมียวันเว้นวัน” ฉันถูกพ่อคล้องคอหนีบไว้ที่รักแร้ หัวเราะน้ำตาเล็ดเมื่อโดนจี้เข้าที่เอว “เปล่าสักหน่อย หลิวแค่อยากเห็นพ่อมีความสุข ฮ่า ๆ ไหว้ละพ่อ ปล่อยหลิวก่อนจะหายใจไม่ออกแล้ว” พ่อยอมปล่อยในที่สุด ฉันทรุดตัวนอนแผ่หลาอยู่กลางบ้านโดยมีสายตาสะใจของพ่อคอยมองอยู่ “แล้วใครบอกว่าตอนนี้พ่อไม่มีความสุข แค่เห็นหลิวกับเฮียหลงมีความสุขพ่อก็มีความสุขที่สุดแล้ว” มือใหญ่วางลงบนหัวแล้วลูบเบา ๆ อย่างรักใคร่ ฉันยิ้มหวานแล้วดันตัวลุกขึ้นกอดพ่อเอาไว้แน่น “หลิวรักพ่อน้า รักกว่าเฮียหลงหลายร้อยหลายพันเท่า” แค่ได้ยินฉันประจบพ่อก็ดึงตัวออกห่าง “อยากได้อะไรล่ะ” ฉันยิ้มแป้นเมื่อพ่อรู้ทันคำพูดหวาน “พอดีเมนคัมแบค” “ไอ้เมนที่ว่ามีกี่คน เดือนก่อนก็บอกว่าคัมแบค” ปากบ่นแต่มือล้วงเงินออกจากกระเป๋า ก่อนที่แบงก์พันหลายใบจะวางลงใส่มือฉัน “เยอะค่ะ นิ้วมือนิ้วเท้ารวมกันยังไม่พอ” พ่อกลอกตาเหนื่อยหน่ายใจ “เอาเถอะ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป พ่อจะหาเงินมาช่วยเปย์ก็แล้วกัน” “ขอบคุณค่า รักพ่อที่สู๊ดดดด” ยืดตัวหอมแก้มสากซ้ายขวา คุยกับพ่อต่ออีกนิดหน่อยแล้วฮำเพลงขึ้นชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของห้องนอน บ้านฉันด้านหน้าเปิดเป็นสนามมวยแล้วก็โรงยิมสำหรับออกกำลังกาย ส่วนด้านหลังจะเป็นส่วนของตัวบ้านซึ่งห่างออกมาอีกประมาณห้าร้อยเมตร แล้วก็มีสนามหญ้าที่ต่อจากหลังบ้านออกมาอีกทีหนึ่ง “เพื่อนแนน เพื่อนหลิวทุนทรัพย์พร้อมแล้ววันเสาร์นี้ไปสนับสนุนที่รักกัน” โทรหาเพื่อนสนิทนัดแนะไปร้านขายอัลบั้ม เราสองคนจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่แฟนมโนออกผลงานใหม่ (จัดไปค่ะเพื่อนรัก เพื่อยอดบั้มแม้ต้องอดข้าวอดน้ำแนนก็ยอม) เราสองคนหัวเราะคิกคัก พอใจนักเวลาได้พูดถึงศิลปินที่ชื่นชอบ หลายคนถามว่าการเป็นติ่งให้ประโยชน์อะไรกับชีวิต ตอบได้เลยว่ามากมาย พวกเขาทำให้โลกใบนี้สดใส แค่รอยยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยก็ทำเอาชุ่มฉ่ำไปทั้งปอด บางทีแค่เห็นหน้าหล่อ ๆ ก็มีกำลังใจในการเรียน เห็นไหมว่าประโยชน์ของการเป็นติ่งมันเยอะแยะขนาดไหน “โอ้มายก๊อด! คนอะไรจะเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ นิ่งก็หล่อ ยิ้มทีก็น่ารัก ทำไมตะมุตะมิไปหมดเลยลูกแม่” ตอนนี้ไอ้แนน กลายร่างจากแม่ชีเป็นชะนีเรียบร้อยแล้ว เดินซ้ายกรี๊ดเดินขวาก็ยังกรี๊ด ฉันอายคนนะแต่ว่าตัวเองก็เป็นด้วยเหมือนกันเลยปล่อยเลยตามเลยใครจะหาว่าบ้าก็ช่างเขา ในเมื่อคนที่หล่อขนาดนี้อยู่ตรงหน้าจะไม่ให้บ้าได้ยังไง! “โดนตกไปเท่าไหร่แม่ชีแนน” “เกือบเจ็ดพัน” อ้าปากค้าง เวอร์วังมากเพื่อนฉัน “แล้วแกล่ะ” ไอ้แนนยื่นหน้ามองถุงในมือฉัน “น้อยกว่าแกพันหนึ่ง” นี่ขนาดสะกดจิตตัวเองก่อนเดินเข้าร้านแล้วนะว่าอย่าธาตุไฟแตกใช้เงินหมดกระเป๋า แต่พอเห็นหน้าหล่อ ๆ ของเมนเท่านั้นแหละสรุปสิ่งที่ตั้งใจสลายหายวับไปกับตา “สู้ไปด้วยกันน่ะเพื่อนหลิว เราอดได้แต่ผู้ชายห้ามอด!” นี่คือสโลแกนที่ติ่งอย่างฉันและไอ้แนนปฏิบัติมาตลอด ไม่ว่าต้องอดขนมหรือชานมสักกี่แก้วก็พร้อมสู้ ขอแค่ได้สนับสนุนศิลปินในดวงใจแม้อดตายก็ยังคุ้ม “เฮ้ย!” เดินออกจากร้านไม่ถึงก้าวถุงในมือก็กระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้น เหตุมาจากไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เดินมาชน “นี่เธออีกแล้วเหรอยัยเตี้ย” คิ้วกระตุกเมื่อได้ยินเสียง จำได้แม่นว่าเป็นใครแม้จะยังไม่เห็นหน้า “จะรับผิดชอบยังไง เห็นไหมว่ากล่องบั้มฉันมันบุบ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD