“เสียงดังอะไรกันตั้งแต่เช้า” ยู่หน้าให้กับเสียงโหวกเหวกที่ดังมาจากหน้าบ้าน ปกติวันอาทิตย์จะไม่มีการซ้อมมวย แล้วทำไมวันนี้ถึงเสียงดังลั่นบ้านตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
“เออ เตะอีก เออ... แรงอีก!”
“เฮียหลงซ้อมมวยให้ใคร” ปิดปากหาวหวอด ๆ ออกจากบ้าน อยากรู้ว่าใครมาจนต้องหอบสังขารเดินมาดูทั้งที่ยังไม่อาบน้ำ ไม่ต้องถามถึงการล้างหน้าแปรงฟันยังไม่ทำเลยสักอย่าง “พี่ฮั่นนี่นา”
พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มกว้างในทันที รีบทำตัวลีบหลบหลังเสาเพราะสภาพไม่พร้อมเผชิญหน้ากับคนหล่อ คิดถูกจริง ๆ ที่เดินมา ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เห็นผิวขาว ๆ ซิกซ์แพ็กแน่น ๆ เป็นอาหารตาในยามเช้า
คนอะไรไม่รู้หน้าตาดีแล้วหุ่นยังเซ็กซี่ขยี้ใจ อร๊ายยยย ไอ้หลิวจะหัวใจวายค่ะคุณขา!
“เช็ดน้ำลายด้วยเตี้ย” บรรยากาศทุ่งดอกไม้หายวับไปกับตา ฉันกัดฟันหันหลังเผชิญหน้ากับต้นเสียง
“นายมาอยู่บ้านฉันได้ยังไง”
“ขับรถมา” ไอ้ยักษ์ชี้มือไปยังฮาร์เล่ย์คันใหญ่ที่จอดอยู่ไม่ไกล
“หมายถึงมาทำอะไรที่บ้านฉัน!” ไม่เข้าใจจริง ๆ หรือแค่อยากจะกวนตีน
“มาค่ายมวยก็ต้องมาซ้อมมวยสิถามโง่ ๆ”
“อยากตายใช่ไหม พูดแบบนี้ไม่กลัวได้กลับบ้านแบบไม่มีลมหายใจรึไง” ไอ้ยักษ์หัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำพูดฉัน
“เตี้ย ๆ อย่างเธอจะทำอะไรได้”
“อย่ามาดูถูกลูกนักมวยเก่าอย่างฉันนะ!” ว่าจบก็สไลด์ตัวเตะตัดขาแต่ไอ้ยักษ์มันดันไหวตัวโดดหลบทัน ฉันเลยเตะเสยขึ้นด้านบนจุดหมายคือปลายคางทู่ ๆ นั่น แต่อย่างนั้นไอ้ยักษ์ก็ยังเอนตัวหลบได้อีก คราวนี้ฉันเลยม้วนตัวสามตลบจุดหมายคือกางเกงมวยขาสั้นที่ไอ้ตัวสูงมันใส่อยู่
“เฮ้ย ๆ จะทำอะไรฮะยัยเตี้ย ปล่อยกางเกงฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่ปล่อย! วันนี้ฉันจะต้องถอดกางเกงนายให้ได้”
“โรคจิตรึไง เป็นผู้หญิงประเภทไหนมาไล่ถอดกางเกงผู้ชายห๊ะ!” ฉันพยายามดึงลง เจ้าของกางเกงพยายามดึงขึ้น จ้องตากัดฟันใส่กันในแบบที่ไม่มีใครยอมใคร
“อย่าเข้าใจผิดว่าฉันพิศวาสอยากเห็นหนอนชาเขียวของนายละ ฉันแค่อยากถอดกางเกงให้นายอับอายเป็นบทเรียนก็แค่นั้น”
“แค่นั้นบ้านเธอสิ แบบนี้นี่แหละที่เขาเรียกโรคจิต ปล่อย! ปล่อยมือจากกางเกงฉันนะเว้ย!”
“ไม่ปล่อย! ยังไงวันนี้ฉันก็จะถอดกางเกงนายให้ได้!” ฉันกัดฟันงัดแรงทั้งหมดที่มีส่งไปยังมือทั้งสองข้าง ดึงตัวต่ำลงเพื่อให้แรงโน้มถ่วงโลกช่วยอีกแรง เริ่มยิ้มกริ่มเมื่อกางเกงมวยค่อย ๆ ย้อยลงเรื่อย ๆ
เสร็จฉันแน่ไอ้ยักษ์ วันนี้นายต้องได้อับอายต่อหน้าประชาชี!
“ไอ้หลิว! แกทำอะไรของแกเนี่ย!” เสียงฝีเท้าสองคู่กำลังวิ่งมาทางนี้ รู้เลยว่าเป็นเฮียหลงกับพี่ฮั่น เพราะฉะนั้นจังหวะนี้แหละ…
“ไอ้หลงช่วยกูด้วย น้องมึงจะทำมิดีมิร้ายกู!” สีหน้าไอ้ยักษ์ตอนนี้ตลกมาก หน้าตาไม่ดีอยู่แล้วพอทำเหวอเข้าหน่อยยิ่งดูไม่ได้
“ไอ้หลิวปล่อย เฮียบอกให้ปล่อยมือ!” เฮียหลงตีมือฉันแรงมาก แต่ไม่ว่าเจ็บยังไงฉันก็จะไม่ยอมปล่อย วันนี้ฉันต้องชนะไอ้ยักษ์ให้ได้ ต้องสั่งสอนให้รู้ว่าอย่ามาปากดีกับคนอย่างต้นหลิว!
“ทำอะไรกัน” ความชุลมุนสะดุดกึกเมื่อเสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากด้านหลัง “ลงไปนอนแบบนั้นทำไมหลิว แล้วไปดึงกางเกงเฮียเขี้ยวแบบนั้นทำไมห๊ะ!” ฉันหดคอเมื่อพ่อตะคอกใส่ เฮียหลงตีมืออีกครั้งจนฉันต้องปล่อยมือแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน
“ตั้งแถวหน้ากระดานหน้าเวทีมวยภายในสิบวินาทีปฏิบัติ!” ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งแม้กระทั่งตัวฉันเอง รีบวิ่งตีนแตกยืนต่อหลังเฮียหลงพร้อมอาการหอบหายใจ
“เฮีย หลิวกลัว”
“ก็บอกแล้วว่าให้ปล่อยให้ปล่อย แล้วเป็นไงพ่อมาเห็นเข้าจนได้”
“เงียบ!” เป็นอีกครั้งที่พ่อตะโกนจนดังลั่น ฉันได้แต่ตัวสั่นหงก ๆ แล้วส่งสายตาอ้อนวอนขอชีวิต “บอกมาว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น”
เฮียหลงกระแทกไหล่ ใช้สายตาบอกให้ฉันเป็นคนตอบ “ไม่เอา หลิวไม่กล้า”
“ไม่กล้าก็ต้องกล้า ไม่งั้นเราได้ตายกันหมดแน่”
“งั้นเฮียก็พูดสิ”
“พูดยังไงเฮียไม่ได้รู้เรื่องกับพวกแก” ฉันเบ้หน้าจะร้องไห้ กลัวพ่อส่วนหนึ่งแล้วก็เสียหน้าด้วยที่ต้องมาโดนด่าต่อหน้าไอ้ยักษ์นั่น
“สรุปไม่มีใครพูดใช่ไหม” ทุกคนเงียบแล้วก้มหน้า “ได้ งั้นไปวิ่งรอบบ้านยี่สิบรอบ ดูสิว่าคราวนี้จะพอนึกขึ้นได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เอาจริงเหรอพ่อ” เป็นเฮียหลงที่ใจกล้าท้าความตาย
“ถ้าใครไม่ทำอย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากบ้านนี้” เสียงประตูเหล็กกระทบกันดังกึก ภาพที่เห็นคือนักมวยร่างใหญ่ถึงสี่คนยืนคุมหน้าประตู
“เฮียหลงหลิววิ่งไม่ไหวหรอก” ถ้าบริเวณบ้านมันแคบฉันจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่บ้านฉันพื้นที่ทั้งหมดรวมกันเกือบสามไร่ แล้วคิดดูว่าจะวิ่งยี่สิบรอบได้ยังไง
“ไม่ไหวแล้วจะให้ทำยังไง” เฮียหลงถอนหายใจอย่างปลงตกเพราะรู้ดีว่าถ้าพ่อได้ออกคำสั่งมีอย่างเดียวที่ต้องทำนั่นก็คือปฏิบัติตาม
“เพราะนายคนเดียวเลยไอ้ยักษ์”
“มาโทษฉันได้ยังไง เธอนั่นแหละที่ไม่ยอมปล่อยกางเกงฉันจนคุณลุงเดินมาเจอ”
“แล้วใครใช้ให้นายท้าทายฉัน”
“ฉันท้าแต่เธอไม่ทำก็ได้นี่ คนอีคิวต่ำก็แบบนี้”
“ไอ้บ้านี่!”
“พอเลยพอ แยก... ห่าง ๆ ยืนห่าง ๆ กันเดี๋ยวนี้!” เฮียหลงยืนคั่นกลาง ฉันกับไอ้ยักษ์เลยสะบัดหน้าหนีคนละทาง
“โดนยี่สิบรอบแล้วยังจะเถียงกันอยู่ได้”
“ก็น้องมึง/ก็เพื่อนเฮีย”
“เงียบ!” เฮียหลงกัดฟันตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า ดูท่าจะโมโหถึงขั้นสุดที่ฉันกับเพื่อนสนิทกัดกันไม่ยอมหยุด ส่วนพี่ฮั่นเอาแต่นั่งหัวเราะจนท้องแข็ง พี่แกก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเพื่อนเลยคนหล่อฉัน
สุดท้ายฉัน เฮียหลง พี่ฮั่นแล้วก็ไอ้ยักษ์ต้องวิ่งรอบบ้านตามระเบียบ สามสี่รอบแรกยังพอไหว พอเข้ารอบห้าหกนี่สิลิ้นเริ่มห้อย
“เฮียหลง หลิวว่าเราพักก่อนดีไหม พ่อไม่ได้บอกสักหน่อยว่าต้องวิ่งรวดเดียวครบ” ฉันเท้ามือลงกับเข่า ตอนนี้ขาล้าจนขยับแทบไม่ได้
“จะพักหรือไม่พักก็ต้องวิ่งเหมือนเดิมไหม ถ้าจะพักก็พักไปแต่เฮียจะวิ่งให้มันครบ” พูดจบก็ไม่รอฉันอีกเลย ดีจริง ๆ พี่ชายบังเกิดเกล้า
“ขึ้นมา”
“อะไร” ถามคนที่ย่อตัวหันหลังให้
“ขึ้นหลังมาจะพาวิ่ง”
“นายจะแกล้งฉันใช่ไหม” ฉันถอยออกมาหนึ่งก้าวอย่างไม่ไว้ใจ จู่ ๆ มาทำดีด้วยต้องมีอะไรแอบแฝงแน่
“งั้นก็แล้วแต่ เชิญนั่งลิ้นห้อยอยู่ตรงนี้ในขณะที่คนอื่นนั่งพักเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน” ดึงชายเสื้อไว้ทันก่อนที่ไอ้ยักษ์จะวิ่งหนี “นายไม่ได้จะแกล้งฉันจริง ๆ ใช่ไหม”
คนถูกถามถอนหายใจ “เออ เห็นว่าลิ้นห้อยใกล้ตายเลยสงสาร” ปากนี่นะมันน่าตบให้เลือดกลบ “เอาไง ไปไม่ไป”
“ไปสิ” ถึงไม่อยากรับความช่วยเหลือแต่ถ้ามันทำให้ฉันถึงเป้าหมายจะหลับหูหลับตาทำไปก็แล้วกัน “อย่าพึ่งออกตัวนะขอจัดระเบียบตัวเอง กรี๊ดดดดด ไอ้ยักษ์บ้า! ฉันบอกขอเวลาไม่ได้บอกให้นายวิ่ง!”
“ชักช้าน่าเตี้ย จับดี ๆ พี่จะซิ่งแล้วน้องสาว”