“น้ำ น้ำอยู่ไหนน้ำ!” วิ่งหาน้ำหลังวิ่งครบยี่สิบรอบ กระดกอึก ๆ รวดเดียวหมดขวดแล้วนอนแผ่หลากลางสนามหญ้า ไม่สนแล้วภาพลักษณ์ที่พยายามรักษาไว้ก่อนหน้านี้
“ขี่หลังคนโน้นทีคนนี้ทีอย่ามาทำเป็นเหนื่อย” เฮียหลงค่อนขอด พี่ชายใช้เท้าเขี่ยแล้วทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ ส่วนเพื่อนชายอีกสองคนก็นั่งถัดกันไป
“หลิวก็ไม่ได้ขี่หลังทุกรอบหนิ วิ่งเองก็มี”
“เหรอหลิวเหรอ เฮียเห็นแกลงจากหลังไอ้เขี้ยวก็ไปต่อหลังไอ้ฮั่น” ไม่มีอะไรแย้งเพราะมันคือความจริง “แล้วขอบคุณพวกมันยัง”
“ขอบคุณค่ะพี่ฮั่น ขอบคุณ” คนสุดท้ายฉันขอบคุณแบบลวก ๆ ถึงไอ้ยักษ์จะแบกฉันวิ่งเยอะที่สุดแต่ฉันก็ยังรู้สึกเคืองมากอยู่ดี
“ขอบคุณดี ๆ หลิว ถ้าไม่ได้ไอ้เขี้ยวจะรอดมาถึงตอนนี้ไหม”
ฉันถอนหายใจแล้วพูดใหม่ด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าก่อนหน้านี้ “ขอบคุณ”
“ไม่เอา พูดใหม่” ฉันชักสีหน้าใส่เฮียหลงอย่างหงุดหงิด
“หลิวก็พูดไปแล้วไง”
“พูดให้เหมือนที่พูดกับไอ้ฮั่น ไม่งั้นเฮียจะบอกพ่อว่าหลิวเรียกไอ้เขี้ยวว่าไอ้ยักษ์” ทำไมต้องเอาพ่อมาขู่ นี่น้องนะไม่ใช่คนอื่นทำไมชอบบังคับ “เร็ว ๆ”
หลับตาสูดลมหายใจเข้าปอด ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำใจพูดจาจนหวานหยด “ขอบคุณค่ะพี่เขี้ยว”
“ไม่เป็นไรครับน้องหลิว” อี๋... ขนลุก!
“ไอ้หลง กูว่ามึงน่าจะได้ไอ้เขี้ยวเป็นน้องเขย” คำพูดของพี่ฮั่นเล่นเอาฉันหยุดหายใจ สะอึกจนเกือบหลับแต่ดีที่พาตัวเองกลับมาได้
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่หลิวจะบอกให้ตบปากตัวเองเท่าอายุ” พี่ฮั่นหัวเราะเหมือนคนบ้า เจ้าตัวไม่มีท่าทีโกรธเคืองแถมยังดูเหมือนจะชอบใจในคำพูดฉันอีกต่างหาก
“คนอย่างกูไม่ลดตัวขนาดนั้นมึงก็รู้” พูดกับพี่ฮั่นจบไอ้ยักษ์ก็หันมายักคิ้วใส่
“แหม๋พ่อคนหล่อ พ่อคนสุดแสนจะเพอร์เฟกต์” พูดเหมือนตัวเองเป็นเทวดามาจุติ ไม่ลดตัวอย่างนั้นเหรอ ฉันก็ไม่ลดตัวเหมือนกันย่ะ
“เห็นมานักต่อนักแล้วพวกชอบทะเลาะกัน สุดท้ายได้กันเอง”
“ไม่มีทาง!/ไม่มีทาง!” ฉันกับไอ้ยักษ์พูดขึ้นพร้อมกัน
“วิ่งเร็วกว่าที่คิดเอาไว้แฮะ” เป็นพ่อที่เดินเข้ามาขัดบทสนทนาก่อนที่ฉันกับไอ้ยักษ์จะได้ปะทะฝีปากกันอีกรอบ ท่านไล่สายตามองแต่ละคนแล้วผุดยิ้มตรงมุมปาก “แยกย้ายอาบน้ำพักผ่อน ตอนเย็นเดี๋ยวพ่อเลี้ยงหมูกระทะ”
“ตบหัวแล้วลูบหลังงั้นเหรอคะ” ไม่อยากเหน็บแต่ก็ขอแซะสักหน่อย ใจร้ายสั่งให้ลูกวิ่งจนตาเหลือกพออย่างนี้มาใจดีเลี้ยงปลอบใจ
“ไม่กิน?”
“กิน!” เรื่องอะไรจะปฏิเสธในเมื่อเสียพลังงานไปขนาดนี้ ตอนเย็นก่อนเถอะจะซัดหมูให้หมดเล้า
“คีบหมูให้เฮียเขี้ยวด้วยสิหลิว” ถอนหายใจเป็นรอบที่สิบ กลอกตาเบื่อหน่ายแต่ไม่วายต้องคีบหมูให้ไอ้ยักษ์ตามคำสั่งพ่อ
“ขอบคุณครับน้องหลิว” ฉันเบ้หน้าพร้อมอาการขนลุกเกรียว ไม่ชินเลยกับคำพูดผู้ดีที่ออกจากปากคนกำลังเล่นละคร
“เรื่องเมื่อเช้าพ่อจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต่อจากนี้ไปพ่อไม่อยากเห็นเราสองคนทะเลาะกัน ขอแค่นี้ทำได้ไหม” ทำไมพ่อขอเรื่องที่มันทำได้ยาก ถ้าไอ้ยักษ์ยังกวนตีนฉันเรื่อย ๆ จะให้เลิกทะเลาะได้ยังไง ฉันก็มีศักดิ์มีศรี ให้ยอมง่าย ๆ ไม่ได้หรอก
“ครับคุณลุง ผมรับปากว่าจะไม่ถือสาน้อง”
“โอ๊ยยยยพ่อคนดี” เหลืออดจนพลั้งปาก ด้านพี่ฮั่นพอได้ยินก็เอาแต่หัวเราะจนสำลัก ลำบากเฮียหลงต้องลูบหลังเพราะกลัวเพื่อนตายเนื่องจากมันหมูติดคอ
“นี่ไง ยังไม่ทันข้ามวันหาเรื่องพี่เขาอีกแล้ว อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้นะว่าปีนเกลียวกับเฮียเขายังไงบ้าง”
“ก็เพื่อนลูกชายพ่อมาหาเรื่องหลิวก่อน หลิวเป็นผู้หญิงบอบบางร่างน้อยชอบอยู่แบบสันโดษ ถ้าไม่มีใครมายุ่งก่อนหลิวก็ไม่ยุ่งหรอก” ไอ้ยักษ์เบ้ปากให้กับคำพูดของฉัน พะงาบปากไม่มีเสียงส่งมา ‘ร่างน้อยกี่โมง’ ฉันเลยสนองโดยการเตะเข้าไปที่หน้าขาตอนพ่อเผลอจนร้องโอ๊ย บอกแล้วว่าอย่ามาเล่นกับไอ้หลิว
“จะยังไงก็ช่างแต่เราเป็นน้องก็ต้องรู้จักเคารพพี่ ต่อไปนี้อย่าให้พ่อได้ยินเราเรียกเฮียเขาไม่ดีอีก” ฉันเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำมึนใช้ตะเกียบพลิกหมู เห็นว่าสุกกำลังดีจะส่งเข้าสู่ปาก แต่พ่อดันสกัดดาวรุ่งด้วยการดึงมือไว้ ทำให้ตอนนี้ฉันอยู่ในท่าอ้าปากค้าง “ถามว่าเข้าใจไหม”
ฉันยังไม่ตอบพยายามดึงมือกลับ ยึกยักกับพ่อราวกับเล่นชักเย่อ หมูจะเข้าปากแล้วแท้ ๆ มาขวางทำไมกัน ไม่รู้เหรอว่าการขัดขวางไม่ให้คนกินมันเป็นบาป!
“หลิวเข้าใจแล้ว พ่อปล่อยมือนะ” กลืนน้ำลายลงคอหลายอึกใหญ่ มองชิ้นเนื้อสีเหลืองทองตาละห้อย แล้วในที่สุดพ่อก็ยอมทำตามขอ จากนั้นหมูเกรดดีก็แทบละลายหายไปในปาก
งานเลี้ยงหมูกระทะผ่านไปด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน ทนในที่นี้คือทนที่จะไม่ชักสีหน้าหรือพูดจาไม่เพราะต่อหน้าพ่อ ทั้งที่ใจอยากด่าไอ้ยักษ์ที่บังอาจมาขโมยหมูที่ฉันย่างหลายต่อหลายครั้ง
“ขยับไปเตี้ยเดี๋ยวช่วยล้าง” นึกว่าหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้วยังจะเดินตามเข้ามาอีก
“เลิกพูดเพราะแล้วเหรอ เมื่อกี้ยังเห็นน้องอย่างนั้นน้องอย่างนี้”
“คุณลุงไม่อยู่แล้วนี่” เหอะ ๆ ฉันบอกแล้วเห็นไหมว่าไอ้ยักษ์นะซาตาน พ่อฉันน่ะไม่ทันคน เห็นเพื่อนลูกชายทำหน้าซื่อตาใสหน่อยก็หลงเชื่อ ไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
“อย่างน้อยให้ออกจากบ้านค่อยกลายร่างก็ได้มั้ง แต่อย่างว่าละเนอะ อะไรที่ไม่ใช่ตัวเองก็มักจะทำได้ไม่นาน”
“เหมือนเธอไง ปากว่าตาขยิบ”
“ฉันไม่เคยทำแบบนั้น”
“เหรอ แล้วใครที่มันเตะขาฉันตอนพ่อเผลอ” ไอ้ยักษ์ชี้มือไปยังหน้าขาที่ขึ้นรอยช้ำสีเขียว ว้าว!นี่มันผลงานชิ้นโบแดง
“แค่เท้าลั่น” ฉันยิ้มเยาะแล้วหันกลับมาล้างจานต่อ
“อ๋อ... เท้าลั่น” น้ำเสียงเย็นเยียบดังใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ “ฉันเองก็อยากลองเท้าลั่นบ้างจังเลย” รอยยิ้มแบบนั้นคืออะไร อย่าบอกนะว่าไอ้ยักษ์มันคิดจะเตะคืน
“อย่านะ” ชี้หน้าคนที่กำลังวอมเท้าเป็นวงกลม “ถ้ากล้าเตะผู้หญิงก็ไปเอากระโปรงแม่มาใส่”
“สมัยนี้เขานิยมความเท่าเทียม ผู้ชายผู้หญิงก็ไม่ต่างกันหรอกเตี้ย” ไม่ต่างกันก็บ้าแล้ว จริงอยู่เรื่องสิทธิที่มันควรเท่าเทียม แต่ไม่ใช่เรื่องรูปร่างหรือว่าพละกำลังไหม ดูฉันกับไอ้ยักษ์สิต่างกันราวเสาไฟหลักกิโล ขาหนึ่งข้างใหญ่ยิ่งกว่าตอซุง เตะทีเดียวฉันไม่ขาดครึ่งไปเลยเหรอ
“อย่าเข้ามานะ” ฉันถอยหลังไปเรื่อย ๆ หยิบตะหลิวได้ก็เอาขึ้นมาขู่ “บอกว่าอย่าเข้ามาไง เฮียหลงช่วยด้วยไอ้ยักษ์จะฆ่าหลิว!”