พีรดาถอดรองเท้าผ้าใบตรงหน้าบ้าน ก่อนจะถอดมือออกจากมือเขาแล้วขอเอาไปวางด้านข้างประตูจะได้ไม่เกะกะ
กฤษณะมองตามที่เธอทำ ก่อนเขาจะยื่นมือออกไปคว้ามือเรียวมากุมอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นประสานกันในเวลาต่อมา
เดินเข้ามาในบ้านได้เพียงห้าก้าวเท่านั้นล่ะ รับรู้ได้ถึงความสั่นไหวของใครบางคน หันไปมองคนด้านข้างที่เดินฉีกยิ้มมาตลอดทาง แต่ตอนนี้ใบหน้าหวานกลับซีดเผือดเป็นไก่ต้ม
"ดาครับ" กฤษณะหัวเราะร่วนเมื่อเจอคล้ายคนจะเป็นลม "แม่ผมไม่ดุหรอก"
พีรดาหน้ามุ่ย ไม่รู้จะเชื่ออะไรแล้ว
"ผมล้อคุณเล่นน่าเด็กน้อย" ก่อนที่เขาจะวางมือลงบนหัวทุยแล้วยีเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แต่พอเห็นเธอยังไม่คลายความกังวลใจลงไป เขาจึงเปลี่ยนเป็นรั้งเธอเข้ามาโอบกอดเอาไว้ลูบแผ่นหลังปลอบ
พีรดาตัวแข็งทื่อเมื่อไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ กระทั่งความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านจากศีรษะเมื่อเขาประทับจูบลงมาแทนทำให้พีรดาหลับตาพริ้มลง
หญิงสาวที่ปราศจากอ้อมกอดของพ่อกับแม่มานานหลายเดือน เสมือนได้รับความรักความอบอุ่นอีกครั้งจึงทำให้เธอไม่ห้าม
"ไม่ต้องกลัวนะ คุณมีผมอยู่ทั้งคน" เขาบอกเสียงทุ้ม
นั่นจึงทำให้พีรดาพยักหน้าหงึกหงักกับอกของเขา คลายความกังวลใจลงไปแทบทั้งหมด
พอทั้งสองคนค่อยๆ ผละตัวออกจากกัน กำลังว่าจะเดินไปทางห้องนั่งเล่นที่กฤษณะบอกคนเป็นแม่ว่าจะเข้ามาหาในนั้นกลับเห็นทั้งพ่อและแม่ของเขาพร้อมแหม่มศรียืนมองมาทางนี้ก่อนหน้าแล้ว ข้อนี้เลยทำให้เขากระตุกข้อมือพีรดาให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง
พีรดาเบิกตากว้างขึ้น ใจเต้นแรงคล้ายจะทะลุออกมา ไม่รู้ว่าตกใจที่เจอพ่อแม่เขา หรือตกใจที่เรายืนกอดกันในบ้านของท่าน มันน่าอายจริงๆ จึงรวบรวมสติอีกที พักนี้สติเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวบ่อยมาก
"อะ..เอ่อ สะ..สวัสดีค่ะ" พีรดายกมือไหว้คนทั้งสาม แล้วพยายามหักห้ามใจไม่ให้กลัว
ถึงแม้คนตรงหน้าที่เดาว่าเป็นแม่ของเขาจะขมวดคิ้วแทบชนกันราวกับนางยักษ์มาให้ก็ตาม ทว่าคนด้านข้างเขาบอกเอาไว้แล้วว่าไม่ต้องกลัวมีเขาอยู่ทั้งคน พีรดาก็คลายความกังวลใจลงไป
"สบายดีนะครับพ่อแม่" ก่อนที่กฤษณะจะเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นพ่อและแม่ พ่อเขาโอเค แต่แม่ของเขานี่สิ ไม่วางตาจากใบหน้าของคนที่เขาพามาด้วยสักนิด
กระทั่งเขาหันกลับไปส่งยิ้มบางๆ ให้พีรดาไป แล้วขยับปากบอกพอให้เข้าใจกันแค่สองคน
"ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ทั้งคน" แค่นั้นก็สามารถเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าหวานได้มากแล้ว
"นี่แฟนลูกเหรอ" คำที่คุณรตีใช้ถามลูกชาย แต่เหมือนจะเหน็บมาทางพีรดาด้วยไม่แน่ใจ ว่าเธอมีอะไรที่ท่านไม่ชอบหรือเปล่า
แต่มันคงใช่แหละ สภาพของเธอไม่ใช่คุณหนูรวยๆ ไม่ใช่คนแต่งตัวสวยออกงานสังคมแม่เขาคงไม่ชอบใจ
"ครับแม่ เราเข้าไปนั่งคุยกันด้านในดีกว่าไหมครับ เกิดแม่ล้มแข้งขาพับลงไปล่ะอดได้ลูกสะใภ้สมใจเลย"
"ตากฤษนี่นะ!" หน้ามุ่ยใส่ลูกชายแล้วเดินกอดเอวกันเข้าไปในห้องนั่งเล่น
คุณผู้ชายของบ้านอย่างคุณกฤษฎาจึงเอ่ยชวนแฟนสาวของลูกชายไปด้วยกัน
พีรดายังคงอึ้งกับเหตุการณ์ที่ไวปุบปับ คำว่าลูกสะใภ้ที่ออกจากปากท่าน ทำเอาใจดวงน้อยแทบระเบิดตูมตามเกือบรับไม่ทัน
"ปะลูก" กระทั่งพ่อเขาเอ่ยชวนอีกรอบอย่างเป็นมิตร พร้อมส่งรอยยิ้มบางๆ มาให้
คนด้านหลังรูปร่างท้วมที่พีรดาไม่แน่ใจว่าเป็นใครกระทั่งท่านแนะนำตัวเองเสร็จก็ส่งยิ้มมาให้อีกเหมือนกัน นั่นทำให้หญิงสาวได้รับกำลังใจดีขึ้นมาอีกครั้งแล้วเดินตามหลังท่านทั้งสองเข้าไป
ทุกคนมาอยู่ในห้องนั่งเล่นกันแล้ว กฤษณะนั่งที่โซฟาตัวยาวราคาเจ็ดหลักกับแม่ของตัวเอง พีรดานั่งโซฟาเดี่ยว และพ่อของเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เช่นกัน
มองแหม่มศรีที่เดินเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ
"ขอบคุณค่ะ" พีรดาที่คอแห้งพอดีจากการเดินเร็วราวห้าสิบเมตรหน้ามหาวิทยาลัยก็คว้ามือเรียวไปจับที่แก้วน้ำเปล่าเพื่อยกขึ้นดื่ม ทว่ากลับได้ยินประโยคอะไรบางอย่างดังขึ้นมาเสียก่อน
"จะมีหลานให้ฉันตอนไหนเหรอ" นั่นทำให้พีรดาแทบสำลักทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ นี่เธอยังไม่ได้แต่งงานกับลูกชายท่านนะ ทำไมถามถึงหลานแล้วล่ะ
"ใจเย็นๆ ครับแม่ แม่ได้อุ้มหลานแน่นอนคราวนี้ผมสัญญา" กฤษณะมองพีรดาด้วยความเป็นห่วง
พีรดาตาโต ทำไมเขาบอกแม่ตัวเองว่าอย่างนั้นไม่เข้าใจ ไหนว่าแค่ให้เธอมาปรากฏตัวในฐานะแฟนไง ซึ่งหมายถึงอาจคบกันต่อหรือเลิกหลังจากนี้ก็ได้
"จริงนะกฤษ อย่าโกหกแม่นะ นี่แม่ก็รอมาจนพ่อเราจะเข้าโลงอยู่แล้ว กว่าเราจะมีหลานให้แม่ ปานนั้นพ่อเราได้เข้าโลงก่อนจริงๆ พอดี"
"นี่คุณหญิง!" คนเป็นสามีขึ้นเสียงทันที จะบอกว่าตัวเองก็ตัวเองสิ ทำไมต้องมาอ้างชื่อเขาให้เข้าใกล้ความเป็นความตายทุกวี่ทุกวันด้วย
"ก็มันจริงไหมละคะ" คนเป็นภรรยาที่ถากถางสามีตลอดเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมช่วยหาเมียให้ลูกชายสักที มีแต่เธอกับแหม่มศรีที่วิ่งไปหาคนดีๆ มาให้ลูกเลือก
"คุณนั่นแหละจะลงโลง!" คนเป็นสามีเอาคืนแล้วนั่งหันข้างให้
คุณรตีจิ๊ปากเมื่อสามีตอบโต้ "คุณนั่นแหละ!"
"เอ่อๆๆ พ่อแม่หยุดก่อนครับ" กฤษณะรีบห้ามปราม เอาจริงตอนนี้เขาอายคนที่พามาด้วยเลยนะ ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี พ่อกับแม่ก็ยังทะเลาะกันไม่เลิก หากแต่อย่างนั้นเวลากลางคืนกลับสมานฉันท์กันกลมเกลียวดี ช่างสวนทางกันจริงๆ
พีรดาทำเป็นนิ่ง เพราะนั่นมันเรื่องครอบครัวของเขา ไม่ว่าใครมองมาเธอก็ทำเพียงแค่อมยิ้มอย่างเดียว ถึงในใจจะถามตัวเองว่าเธอมาทำไม
"ไม่มีใครต้องตายก่อนทั้งนั้นล่ะครับพ่อแม่ เพราะอีกเพียงปีกว่าดาก็เรียนจบแล้วครับ"
พีรดาหูตาตั้งเมื่อได้ยินเขาว่าอย่างนั้น ความจริง? โกหก? นี่คือเขากำลังโกหกแม่ตัวเองอยู่ใช่ไหม ทำไมดูหวาดเสียวแบบนี้
"ปีกว่า?" คุณรตีที่คิดตาม ก่อนจะมองไปยังพีรดา กำลังสำรวจอะไรบางอย่างในตัว กระทั่งเอ่ยออกมา
"แฟนลูกยังเรียนอยู่งั้นเหรอ" ข้อนี้ทำให้คุณรตีที่ทั้งอยากถอดใจทั้งอยากดีใจไปตามๆ กัน
"ครับ อีกปีกว่าๆ ก็เรียนจบแล้วครับ นี่ผมกะว่าหากดาเขาไปฝึกงานก็จะเร่งทำหลานให้คุณแม่เลย ระหว่างที่รอหลานคุณแม่มา ผมจะแต่งงานกับเธอ หากดาเขาฝึกงานเสร็จได้รับปริญญาก็ออกมาอยู่บ้านเพื่อรอเวลาคลอด คุณแม่คิดว่ายังไงกับความคิดนี้ครับ" กฤษณะอธิบายยาวเหยียดราวกับคนที่วางแผนมาก่อนหน้า ใช่ว่าเขาวางแผนมาก่อนหน้าจริงๆ เมื่อห้านาทีนี้เอง
คุณรตีมีสีหน้าที่ดีขึ้นทันที เมื่อเช้าได้ยินจากขวัญตาเล่าแล้วไม่สบายใจจนต้องโทรหาลูกชายให้พาแฟนตัวจริงมาเจอ แต่อย่างนั้นก็ยังไม่ค่อยแน่ใจทั้งหมดในบางเรื่อง
"ลูกไม่ได้ไปจ้างใครมาเป็นแฟนใช่ไหมตากฤษ" คุณรตีถามอย่างจ้องจับผิดทั้งลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้สลับกันไปมา
"ครับ?" กฤษณะชะงักไปนิดเมื่อคิดว่าเขากับพีรดามีอะไรผิดพลาดกันอย่างนั้นเหรอ ในเมื่อเขาแสดงออกว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอทั้งตัวและหัวใจขนาดนี้
คุณรตีมองใบหน้าหล่อเหลาที่นับวันก็ยิ่งหล่อขึ้นๆ ไปอีกตามอายุอย่างต้องการคำอธิบาย "เพราะเมื่อไม่กี่วันลูกยังบอกแม่ว่าไม่มีแฟนอยู่ไง แล้ววันนี้กลับพามาเจอ จะให้แม่เชื่อใจได้อย่างนั้นเหรอ"
"แม่เคยได้ยินรักแรกพบไหมครับ" กฤษณะมองสบตาคนเป็นแม่จริงจัง แววตาไม่มีความล้อเล่นอยู่ในนั้น และนั่นทำให้คนที่นั่งอยู่ไม่ไกลตัวเกร็ง
"ก็อือ" คุณรตีพยักหน้าเบาๆ เธอก็เคยได้ยินมาบ้าง ไม่ใช่แค่ได้ยินมาบ้างสิ แต่บ่อยเลยแหละ แต่น้อยนักที่จะลงเอยด้วยการครองคู่กัน
หากเป็นอย่างนั้นคนทั้งสองต้องเรียนรู้กันก่อนอีกหลายปี แบบนี้เธอจะได้อุ้มหลานตอนไหน
"นั่นแหละครับคือผมกับดา ผมปิ๊งเธอและเธอก็ปิ๊งผม"
พีรดาที่ได้ยินดังนั้นเถียงตัวเองในใจ ปิ๊งอะไรกัน ความจริงเธอไปยืมเงินเขาต่างหาก แถมเขายังกลัวเธอไม่คืน เรามันเจ้าหนี้กับลูกหนี้ชัดๆ
"แต่แม่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ว่าลูกจะคบกับเธอคนนี้ได้นานจนแต่งงานมีหลานให้แม่จริงๆ" เธอหันไปชำเลืองว่าที่ลูกสะใภ้เล็กน้อยเพื่อสำรวจดูความจริงใจ
"ด้วยเกียรติของผมครับแม่" เอ่ยแล้วปรายตาไปมองพีรดาเล็กน้อยทั้งที่มือของเขายังลูบปลอบคนเป็นแม่ให้คลายความกังวลลงไป ก็เห็นเธอมองมาเหมือนกัน
"แม่เชื่อกฤษก็แล้วกัน"
"ครับ" กฤษณะถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก อมยิ้มเล็กน้อย รอดแล้วเรา
"แต่แม่ไม่เชื่อหนูคนนี้"
"คะ!" พีรดาที่ถูกพาดพิงเงยขึ้นหน้าทำตาโต
"เธอเป็นแฟนลูกชายฉันจริงๆ ใช่ไหม" คุณรตีมองอย่างจ้องจับผิด
"แต่เรามีอะไรกันแล้วนะครับแม่!" กฤษณะรีบอธิบายให้แม่ตัวเองเข้าใจทันที เมื่อคิดว่าความสงสัยของแม่ที่มีมาอีกแล้ว นึกว่าจะรอด!
พีรดาที่ได้ยินยอมรับว่าตกใจจนตาโต ราวกับคนที่กำลังโกหกแล้วถูกจับได้แบบนั้น แต่ดีว่าเธอเคยได้ยินคำพูดนี้ของเขามาบ้าง จึงรีบปรับอารมณ์ได้ทัน
"หนูเป็นแฟนคุณกฤษจริงๆ ค่ะ" พีรดารีบย้ำความเชื่อมั่นให้แม่ของเขาไป
"ทำไมเธอถึงไม่เรียกลูกชายฉันว่าพี่กฤษล่ะถ้าอย่างนั้น"
"คะ" พีรดาไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหน
"ก็เราเพิ่งปิ๊งกันไงครับแม่ ผมให้เกียรติดา และดาให้เกียรติผม อีกอย่างเรียกอะไรก็ได้ครับ ถ้าอยู่บนเตียงกันสองคนเราก็เรียกผัวๆ เมียๆ"
พีรดาแทบช็อก! เธอไปเรียกเขาว่าผัวบนเตียงตอนไหนอีก อยากจะบ้าตาย!
"แต่ลูกบอกว่าเพิ่งเจอเธอไง" แล้วจะให้เธอเชื่อแบบสนิทใจได้อย่างไรกันว่าไม่ใช่แค่คนที่มาขายตัว
"ผมเป็นผู้ชายนะครับแม่ แค่ผมพอใจว่าจะรักใครสักคน วันเวลาไม่เกี่ยวครับ"
"งั้นเหรอ" คุณรตีทำท่าครุ่นคิด "อืมๆ ก็ได้ แล้วเธอล่ะขัดขืนไหม" มองไปที่พีรดา
"คุณ!" คนเป็นสามีอดที่จะเอ่ยขึ้นไม่ได้คราวนี้ เพราะคิดว่าคุณหญิงรตีเริ่มละลาบละล้วงเรื่องราวของลูกจนเกินไป
"เรารักกันครับแม่" กฤษณะรีบย้ำให้แม่เข้าใจว่าเราทั้งคู่รักกันจึงสมยอมไง
"ก็ไม่ไง แม่แค่ระแวงว่าเธอคนนี้อาจมาปอกลอกลูกชายแม่" คุณรตีไม่ได้อยากจะกล่าวหาอีกคนเท่าไหร่ เพราะเธอก็อยากให้เป็นแฟนลูกชายจริงๆ เธอไม่ตำหนิว่าจะเป็นใคร ขอเพียงลูกชายอย่าล้อเล่น เพราะสามีเธอจะลงโลงอยู่แล้วจริงๆ
"ผมโตแล้วครับแม่ ไม่มีใครมาหลอกผมได้แล้วครับ แม่เชื่อผมนะ" กฤษณะอมยิ้มให้กำลังใจแม่ตัวเองอีกที
"งั้นแม่ขออีกคำถาม" แล้วทุกคนก็ตั้งใจฟัง ยอมรับว่าแต่ละถามของคุณผู้หญิงบ้านนี้ค่อนข้างหวาดเสียวเอาการ
"เธอ..รักลูกชายฉันตรงไหนกัน"
พีรดาเม้มปากเบาๆ เมื่อได้ยินดังนั้น มองหน้าแม่ของเขาสลับกับใบหน้าของคนที่พาเธอมา แน่นอนว่า เขามองเธอไม่วางตา เขาคงกลัวว่าเธอจะทำให้แม่ของเขาผิดหวัง "รักที่..ลูกชายคุณแม่หล่อค่ะ"
คำตอบของพีรดาทำให้คุณผู้หญิงของบ้านขำพรวดออกมาราวกับพึงพอใจมาก "ใช่ๆ ตากฤษหล่อ ลูกชายฉันหล่อมาก เธอ..ตาถึงนะเนี่ย" เออออกับพีรดาแล้วหันไปจับแก้มนุ่มของลูกชายด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาทำราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็ก
ส่วนคนเป็นพ่อนั่งส่ายหัว บ้ายอจริงๆ
กฤษณะเองที่ได้ยินก็แทบกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ แล้วมองไปยังพีรดาที่นั่งอมยิ้ม เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ แต่เอาตัวรอดเป็นใช่เล่นเลย