“ย่าไม่ดีใจเหรอครับ” พสุธาเอ่ยถามผู้เป็นย่า ตกใจที่อีกฝ่ายไม่ยินดีกับเขา ที่เขาจะได้เรียนหนังสือดี ๆ
“ย่าเป็นห่วงเรา เราไม่เคยจากกันเลยนะ” นราเริ่มไม่โอเค ไม่อยากให้หลานชายห่างไปไหนไกล
“ผมสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน แล้วก็จะกลับมาเยี่ยมคุณย่าทุกครั้งที่มีเวลาครับ”
นราอึ้งไป ใจของนางเริ่มหวาดกลัวว่าหลานชายจะไปเจอกับแม่บังเกิดเกล้าแล้วรู้ความจริง
“คุณย่ากลัวอะไรครับ บอกผมสิ” เพราะในชีวิตนี้มีแค่ผู้เป็นย่าเท่านั้นที่ดูแลเขามาตลอด หากเขาต้องทำอะไรก็ตามแล้วผู้เป็นย่าไม่สบายใจหรือมีความสุข เขาจะไม่ทำมันเด็ดขาด
“ย่ากลัว”
“กลัวอะไรครับ”
“กลัวว่าเราจะไปเจอกับผู้หญิงใจร้ายคนนั้นอีก”
“หมายถึงใครครับ”
“แม่ของเราไง เขาทิ้งเราไปตั้งแต่เด็ก ถ้าได้เจอกัน เห็นว่าเราโตแล้ว ก็คงจะทวงบุญคุณ พูดจาโกหกหลอกลวง ทำให้เราหลงเชื่อ เราไม่เคยได้รับไออุ่นจากอ้อมอกแม่ ก็คงจะหันไปรักไปหลงแม่ของเราแล้วก็ทิ้งย่า”
“ไม่หรอกครับคุณย่า ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นเด็ดขาด เขาใจร้าย ทิ้งผมไป ผมจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด”
“ย่ากลัว”
“ถ้าคุณย่าไม่อยากให้ผมไปเรียนที่กรุงเทพฯ ผมเรียนที่นี่ก็ได้ครับ” ที่นี่ก็มีมหาวิทยาลัย แต่เขาได้ทุนไปเรียนที่โน่น ถ้าเรียนที่นี่เขาต้องหาทุนเรียนเอง ซึ่งคิดว่าเอาความสบายใจของย่าดีกว่า
เขาอาจจะคิดน้อยไปหน่อย ย่าของเขาแก่มากแล้ว จะทิ้งท่านไป ท่านก็ต้องอยู่คนเดียว
“จริงเหรอหลานย่า” นรายิ้มอย่างดีใจ
“จริงสิครับ ผมคิดน้อยไปหน่อย คุณย่าแก่มากแล้ว ถ้าผมไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วคุณย่าจะอยู่กับใคร”
“แต่เรียนที่นี่ต้องหาเงินเอง ไปเรียนกรุงเทพฯ ได้ทุนนะ” นราหยั่งเชิงถามหลานชาย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะถึงได้ทุนผมก็คิดว่าไปเรียนที่โน่นก็ต้องหางานทำอยู่ดี เรียนที่นี่ผมก็พอมีลู่ทางทำงานอยู่แล้ว”
“แต่ย่าไม่สบายใจเลย เป็นเพราะย่าเราเลยไม่ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ ที่กรุงเทพฯ”
“โธ่... คุณย่าอย่าคิดมากสิครับ เรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“แต่จำเอาไว้อย่างหนึ่งนะดิน ว่าย่าน่ะรักดินที่สุดในโลก ไม่มีใครจะรักดินเท่านี้อีกแล้ว”
“ครับคุณย่า ผมก็รักคุณย่าครับ” พสุธากอดรัดผู้เป็นย่าเอาไว้แนบอก
พ่อเลี้ยงอินทร์กับแม่เลี้ยงจันทราไม่มีลูกเต้า เห็นพสุธามาตั้งแต่เด็ก จึงมาขอพสุธาจากนรามาเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งจริงๆ ก็ขอกันมาหลายครั้งแล้วแต่นราไม่ยอมยกให้
ครั้งนี้นราไม่อยากให้พสุธาต้องทำงานเหนื่อยไปมากกว่านี้ เพราะเรียนมหาวิทยาลัยค่าใช้จ่ายสูง จึงยอมยกพสุธาให้เป็นลูกบุญธรรมของสองสามีภรรยา
นั่นสร้างความยินดีให้กับพ่อเลี้ยงอินทร์และแม่เลี้ยงจันทราเป็นอันมาก
ความจริงแล้วนราหมายตาสองผัวเมียนี้เอาไว้ตั้งแต่ต้น ที่เล่นตัวไม่ยอมยกหลานชายให้ไปเป็นลูกบุญธรรมเพราะว่าอยากสร้างคุณค่าให้หลานชาย หากสิ่งไหนได้มายากๆ มักมีคุณค่าเสมอ ทุกคนจะถนอมของยากๆ ที่ได้มาในชีวิตมากกว่าสิ่งที่ได้มาง่าย ๆ
ที่สำคัญก็คือนางอยากให้พสุธาชนะใจสองสามีภรรยผู้แสนร่ำรวยด้วยความดีของตัวพสุธาเอง
พสุธาเป็นคนขยัน กตัญญู แล้วก็เป็นคนดี สองสามีภรรยาที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่มีลูกจึงอยากได้พสุธาไปเป็นลูกแทบขาดใจ
“เราคิดไม่ผิดจริง ๆ เลยนะคะพ่อเลี้ยงที่รับดินมาเป็นลูกบุญธรรม ดูซิ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็มาช่วยทำงาน กลับจากมหาวิทยาลัยก็มาช่วยทำงาน ถึงไม่ใช่ลูกในไส้ก็เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ฉันมั่นใจค่ะพ่อเลี้ยงว่าดูคนไม่ผิด” แม่เลี้ยงจันทราคุยกับสามี สองสามีภรรยาเอ่ยชื่นชมลูกชายบุญธรรมไม่ขาดปาก อาจเพราะว่าเห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
“จริงจ้ะ” พ่อเลี้ยงอินทร์เห็นความขยัน เป็นคนดี เจียมเนื้อเจียมตัวและไม่ยอมแบมือขอเงินใครง่าย ๆ แต่ทำงานแลกเงินเอา เพื่อดูแลย่ามาตั้งแต่เด็ก นั่นทำให้สองสามีภรรยานับถือและชื่นชมในน้ำใจของลูกชายบุญธรรมไม่น้อย
พสุธาตั้งใจเรียนและตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระของบิดาและมารดาบุญธรรม จนเขาเรียนอยู่ปีสุดท้าย ซึ่งใกล้เรียนจบแล้วนั่นเอง
ยิ่งใกล้เรียนจบ นราก็ยิ่งคิดแผนการชั่วร้าย ในเมื่อพ่อเลี้ยงอินทร์กับแม่เลี้ยงจันทรารับพสุธาเป็นบุตรบุญธรรมอย่างชอบธรรมตามกฎหมายแล้ว หากสองสามีภรรยาเสียชีวิตไป ทรัพย์สินทุกอย่างก็จะต้องเป็นของพสุธาแต่เพียงผู้เดียว
นางรอวันนี้มานานแล้ว รอวันที่จะกลับมาร่ำรวยทรงอิทธิพลอีกครั้ง ที่สำคัญที่สุดก็คือการมีหลานที่ดีอย่างพสุธา จึงไม่มีใครระแวงสงสัยแน่นอน
จังหวัดกาญจนบุรี...
“ทำไมลูกไปเรียนตั้งไกล ที่กรุงเทพฯ ก็มีมหาวิทยาลัยเยอะแยะ” ภัคธีมาพูดอย่างใจหาย
“หนูสอบได้ที่นี่ค่ะคุณแม่ขา ให้หนูไปเถอะนะคะ สัญญาว่าจะโทร. มาคุยกับคุณแม่ทุกวัน คิดถึงเราก็วิดีโอคอลคุยกันก็ได้นี่คะ” นิลรัตน์กอดรัดออดอ้อนมารดา
“ก็แม่คิดถึงนี่นา”
“ลูกโตแล้วมล ให้ลูกไปเถอะ” ธรเอ่ยกับภรรยา เพราะเห็นสายตาออดอ้อนของลูกสาว
แม้นิลรัตน์จะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา แต่นิลรัตน์ก็เป็นที่รัก เพราะเป็นเด็กดี กตัญญู ขยัน และมีนิสัยเรียบร้อยน่ารัก ขี้อ้อน นิลรัตน์คือยารักษาใจของภัคธีมาอย่างแท้จริง เพราะตั้งแต่ได้เลี้ยงดูนิลรัตน์มา อีกฝ่ายก็หายจากโรคซึมเศร้า
“คุณแม่ไม่อยากเจอพี่ดินเหรอคะ”
“หมายความว่ายังไง”
“หนูไปเรียนคราวนี้อาจจะได้เจอพี่ดินก็ได้นะคะ ที่หนูไปเรียนถึงที่โน้นเพราะอยากจะไปตามหาพี่ดินให้คุณแม่ด้วยไงคะ” ธรมองลูกสาวอย่างรู้ทัน อีกฝ่ายนั้นเฉลียวฉลาดรู้จักพูด
พอพูดถึงพสุธาลูกชายเพียงคนเดียวที่หายสาบสูญไป อีกทั้งนราที่ไม่เคยมีข่าวคราวเลย ก็ทำให้ภัคธีมาเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น ความหวังเดียวของภัคธีมาก็คือการได้เจอกับลูกชายอีกครั้ง ได้กอดหอม บอกรัก และปรับความเข้าใจกัน ภัคธีมาคิดว่านราต้องสร้างความเกลียดชังในใจของพสุธาให้มีต่อคนเป็นแม่แบบเธอแน่นอน
เธอจึงอยากเจอลูกสักครั้ง และปรับความเข้าใจกัน บอกลูกว่ารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน
“จริงเหรอลูก”
“จริงสิคะ ถ้าหนูเจอพี่ดิน หนูจะทำให้พี่ดินมาเจอคุณแม่ให้ได้ ทำให้พี่ดินปรับความเข้าใจกับคุณแม่ให้ได้”
“หนูจะทำยังไงจ๊ะ”
“หนูมีวิธีการของหนูค่ะคุณแม่ แต่คงไม่เดินไปบอกโต้ง ๆ หรือเล่าทุกอย่างให้พี่ดินฟังหรอกค่ะ เพราะพี่ดินเองก็คงจะไม่เชื่อ คุณแม่เล่าเรื่องพี่ดินกับคุณย่านราให้หนูฟังละเอียดจนหนูจดจำทุกคำ หนูจะระวังผู้หญิงคนนั้น และทำทุกอย่างให้ดีที่สุดค่ะ”
“หนูจะเจอพี่ดินเขาจริงๆ น่ะเหรอ” ภัคธีมาเริ่มมีความหวัง ไม่รู้ว่าลูกชายนั้น ตอนนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เธอกับธรตามหามาหลายปี แต่เธอก็ยังมีความหวัง ไม่แน่ว่านิลรัตน์ไปเรียนต่อในคราวนี้ โชคชะตาอาจจะทำให้ลูกสาวของเธอได้เจอกับพี่ชายที่พลัดพรากจากกันหลายปีก็เป็นได้