“คนอย่างแกไม่มีค่าพอที่จะเป็นเมียใครหรอก ไปอยู่ในที่ที่แกควรอยู่เถอะนะ” นราเหยียดยิ้ม
“แกนอนอยู่นี่ก่อน ความจริงฉันอยากหาอะไรฟาดแก ให้เลือดไหลหมดตัวแล้วก็ตาย ๆ ไปซะ แต่เพราะว่าแกจะเสียโฉมและไร้ค่า เสี่ยกัปตันต้องการแก ทั้งที่ยังสวยสดแบบนี้ ถ้าแกตายก็จะไม่มีใครใช้หนี้ให้ฉัน”
นราเตรียมเสื้อผ้าข้าวของเตรียมที่จะพาหลานหนีไปจากที่นี่หลังจากเคลียร์หนี้สินจบสิ้น และส่งภัคธีมาให้เสี่ยกัปตันเรียบร้อยแล้ว
“เรียบร้อยแล้วเสี่ย มารับนังมลไปได้เลย” การส่งภัคธีมาให้เสี่ยกัปตันทำให้นางปลดหนี้ได้ แต่บ้านและทุกอย่างต้องถูกยึดไป ก็ช่างมัน อย่างน้อยนางก็มีหลาน และขอไปตายเอาดาบหน้า แต่จะไม่ให้หลานไปอยู่กับภัคธีมาเด็ดขาด
เสี่ยกัปตันที่เคยชอบภัคธีมามาก มารับตัวหญิงสาวถึงที่บ้าน ในขณะที่นราไม่ได้อยู่รอ นางหอบหลานชายหนีไป อย่างเงียบเชียบ
การที่เสี่ยกัปตันเอาภัคธีมาไป ก็เท่ากับว่าในอนาคตภัคธีมาก็จะไม่มายุ่งกับพสุธาอีก เพราะนางพอรู้ว่าพอเสี่ยกัปตันเบื่อผู้หญิงคนไหนก็พาไปจัดการทุกราย แต่ตอนอยากได้ลูกเมียใครไม่สน
เสี่ยกัปตันให้ลูกน้องหิ้วร่างของภัคธีมาออกมาจากบ้าน ในสภาพที่เธอสลบไสล
“นั่นจะทำอะไร” ธรเอ่ยเสียงเข้ม เขาพาเพื่อนที่เป็นตำรวจมาด้วย เพราะโทร. หาภัคธีมาแล้วไม่ติด คิดว่าหญิงสาวอาจจะเกิดเรื่องขึ้นมาได้ เขาจึงรีบมาหาเธอที่บ้าน ก็พบว่าเธอกำลังถูกอุ้มออกมาจากบ้าน
เสี่ยกัปตันหันขวับไปมอง พอเห็นว่าเป็นธรคนรักเก่าของภัคธีมาก็กัดกรามจนขึ้นสัน แถมมันยังพาตำรวจมาด้วย ก็ทำให้เขาต้องสบถยาวเหยียดในใจ
“ปล่อยมลซะ” เสี่ยกัปตันไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ เพราะตอนนี้เขากำลังถูกเพ่งเล็ง ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยภัคธีมาไปอย่างน่าเสียดาย
“ผมต้องขอเชิญตัวคุณไปโรงพักด้วยนะครับ”
“ข้อหาอะไรไม่ทราบ ผมเห็นเธอสลบอยู่เลยจะพาไปหาหมอ ผมผิดอะไร”
“มีแน่ครับ” สุรศักดิ์หยิบเอกสารสำคัญให้เสี่ยกัปตัน อีกฝ่ายก็ใบหน้ากระตุกในทันที
“แบบนี้ไปโรงพักได้ไหมครับ”
“ผมไม่ได้ทำ ผมต้องการทนาย”
“ไปคุยกันที่โรงพักครับ” สุรศักดิ์หันไปสั่งลูกน้องให้เข้าไปดูเด็กน้อยพสุธา ลูกชายคนเดียวของภัคธีมา ที่เพื่อนเล่าว่าโดนแม่สามีกักเอาไว้ในบ้าน แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเลยสักคน ในบ้านว่างเปล่า ดังนั้นธรจึงต้องพาภัคธีมาไปโรงพยาบาล
พอเธอตื่นขึ้นมาก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ว่าลูกชายหายตัวไปพร้อมกับนราก็ถึงกับเป็นลม
ธรสัญญาว่าจะช่วยตามหา เขากับเธอไปแจ้งความ และช่วยกันออกตามหา แต่ก็ไร้วี่แววของพสุธร เด็กน้อยกับผู้เป็นย่าหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย
ธรดูแลภัคธีมาอย่างดี บิดามารดาของธรเองไม่ยอมรับภัคธีมา เพราะเป็นลูกของพฤกษ์ คนที่ครอบครัวเกลียดและเป็นศัตรูกันเรื่อยมา นั่นทำให้ธรตัดสินใจพาภัคธีมาไปอยู่ที่อื่น
เมื่อลูกเลือกลูกของศัตรู แต่ธรก็คือทายาทคนเดียวของตระกูล ประพงศ์จึงจำต้องยอมรับภัคธีมา เพราะภรรยาคอยช่วยพูดให้พ่อกับลูกชายคืนดีกัน
แม้จะยอมให้เข้ามาอาศัยอยู่ในไร่ แต่ประพงศ์ก็ไม่ได้ญาติดีกับเมียลูกชายนัก และถึงจะไม่ญาติดีแต่ก็ไม่กลั่นแกล้งตามคำขอของภรรยา เรียกว่าไม่สุงสิงด้วยเท่านั้น เพราะอย่างไรเสียธรก็ไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนอีก ตอนแต่งงานกับวิไลลักษณ์ก็เพราะว่าธรสงสารอีกฝ่าย ไม่ได้รักชอบแต่แรก พวกท่านเองก็เพิ่งมารู้ตอนวิไลลักษณ์ตายแล้ว
ภัคธีมาตามหาลูกไม่เจอก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า แม้ประพงศ์จะไม่ยุ่ง แต่พิมพ์พาผู้เป็นภรรยาสงสารลูกสะใภ้ จึงมักมาชวนลูกสะใภ้ทำโน่นทำนี่เพื่อหากิจกรรมให้ทำ เพื่อจะได้ไม่ฟุ้งซ่านจนเกินไป
“ขอบคุณคุณแม่มากนะครับที่มาอยู่เป็นเพื่อนมล”
“แม่ก็เป็นแม่คน เข้าใจหัวอกของลูกผู้หญิงดีจ้ะ” พิมพ์พาบอกลูกชาย ท่านเข้าใจดีว่าแม่ที่รักลูกมากๆ เป็นเช่นไร
“คุณแม่ว่าผมเอาลูกมาให้มลเลี้ยงจะดีไหมครับ”
“ลูก ลูกใคร”
“ลูกคนงานครับ พ่อแม่ตายหมด โดนรถชนตายวันนี้เองครับ ผมเพิ่งไปรับศพกลับมา จะจัดพิธี”
“ตายแล้ว ลูกใครจ๊ะ”
“ทัศน์กับนิ่มครับ”
“เวทนาเสียจริง เด็กเพิ่งคลอด”
“เราตามหาพสุธามาหลายปีแล้วก็ไม่เจอ มลเองก็สุขภาพไม่ดี หมอบอกว่าคงมีลูกไม่ได้อีก ผมเองก็เลยอยากรับหนูนิลรัตน์มาเลี้ยงครับ”
“ก็เอาสิ แม่น่ะถูกชะตาเด็กนั่นตั้งแต่คลอด” เพราะท่านไปรับขวัญนิลรัตน์ด้วยกำไลข้อเท้าทองคำตอนไปเยี่ยม
ที่นี่อยู่กันแบบพี่น้อง ญาติมิตร เป็นครอบครัวเดียวกัน ทั้งเธอและสามีเลี้ยงลูกน้องเป็นอย่างดี นางเลยเข้าใจว่าแม้จะไม่ถูกกับครอบครัวของพฤกษ์เพียงใด แต่พอเห็นความทุกข์ยากของภัคธีมา และเห็นว่าลูกชายรักภัคธีมาจริง สามีจึงไม่ได้คัดค้านหัวชนฝาเมื่อธรรับภัคธีมาเป็นภรรยา
งานศพของทัศน์กับนิ่มจบไป ธรก็รับเด็กหญิงตัวน้อยมาเลี้ยงดู ซึ่งภัคธีมาเองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งได้เลี้ยงดูนิลรัตน์ก็ยิ่งรัก ยิ่งคิดถึงลูก นิลรัตน์จึงกลายเป็นตัวแทนของพสุธา และการได้เลี้ยงดูนิลรัตน์ทำให้ความรู้สึกหลายอย่างที่ขาดหายถูกเติมเต็ม
ภัคธีมาจึงดูแลนิลรัตน์อย่างดี ทั้งรักทั้งห่วงใย ดูแลไม่ให้ห่างกาย เพราะกลัวนิลรัตน์จะหายไปเหมือนลูกชายอีก
ทางด้านนรา นางหนีไปอยู่กับญาติของทิสาที่ต่างจังหวัด ไปอยู่ในเขาในดอย และไม่ติดต่อโลกภายนอกอีก จึงไม่มีใครหาเจอ
นราเลี้ยงพสุธามาให้เกลียดชังคนเป็นแม่ และเล่าถึงแต่ความดีของคนเป็นพ่อ
นางปลูกหนามในใจของพสุธาให้เกลียดแม่ที่หนีตามผู้ชายคนอื่นไป และทิ้งลูกเอาไว้ แถมยังไปสร้างหนี้ล้างผลาญครอบครัวจนย่อยยับทำให้หมดตัว ทำให้นางต้องหนีมาอยู่ในดงในดอย ใช้ชีวิตลำบากเช่นนี้
พสุธรเกลียดมารดาจับใจ เขามีเพียงย่าที่รักเขามาก การใช้ชีวิตที่สุดแสนจะลำบากที่นี่ทำให้เขาสู้ชีวิตตั้งแต่เด็ก
“ย่าหิวหรือยังครับ” พสุธาหรือดิน เด็กหนุ่มวัยสิบแปดเอ่ยถามผู้เป็นย่า
“ยังเลยจ้ะ เรากลับมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนสิ” นราแก่ชรามากแล้ว ก็ได้พสุธานี่แหละคอยดูแล นางคิดไม่ผิดที่นำพสุธามาเลี้ยงดู
“ผมมีข่าวดีจะบอกย่าด้วยนะครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงเพรียวแข็งแรง เพราะรับจ้างทำงานในสวนในไร่ของพ่อเลี้ยงอินทร์กับแม่เลี้ยงจันทราตั้งแต่เด็ก
พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็จำได้ว่าย่าพาไปรับจ้างทำงานไปทั่ว เขาเองพอทำงานได้ก็ทำ จนไปช่วยย่าดายหญ้าในไร่ของพ่อเลี้ยงอินทร์และแม่เลี้ยงจันทรา จนทั้งสองรักใคร่เอ็นดู ให้ทำงานด้วย ส่งเสียให้เล่าเรียนด้วย ทำให้พสุธาได้เรียนหนังสือจนถึงทุกวันนี้
“ข่าวดีอะไรจ๊ะ” นราเอ่ยถามหลานชาย
“ผมสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ได้ครับ ผมอยากเรียนต่อเกษตรศาสตร์ ถ้าเรียนจบกลับมา พ่อเลี้ยงจะให้ที่ดินผมหนึ่งแปลง เพื่อให้ผมจัดการตามแบบฉบับที่ผมต้องการ เราจะมีที่ดินเป็นของตัวเอง แล้วผมก็จะสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างงาน สร้างเงินให้ตัวเอง ผมจะเลี้ยงย่าให้สบาย ย่าดีใจไหมครับ”
“เราจะจากย่าไปอยู่ตั้งไกลนี่นะ” นราเสียงสั่น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหุบยิ้มลงไปในทันที