น้ำตาลใกล้มด1nc18+

1115 Words
มินตราหันไปมองหน้าของชายหนุ่มตามสายตาของคุณยาย ในใจก็ลุ้นให้แดนดินช่วยเธอ แดนดินพยักหน้าให้คุณยายคำเล็กน้อย เพื่อบอกว่าเขาอนุญาตให้มินตราอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ มินตราถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คุณยายจึงหันมาพูดกับมินตราด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เราจะให้หนูอยู่ด้วยก็ได้ แต่ว่าหลานชายของยายมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว การมีผู้หญิงหน้าตา... ดีๆ แบบหนูมาอยู่ร่วมด้วย โดยไม่ได้เป็นญาติกัน อาจทำให้คู่หมั้นของแดนดินหึงหวงเอาได้ หนูจะว่ายังไง” “หนูจะอธิบายให้คู่หมั้นของหลานชายของคุณยายเข้าใจเองค่ะ โดยบอกว่าหนูเป็นหลานสาวห่างๆ ของคุณยาย ตามคำแนะนำของคุณดินค่ะ” คุณยายเงยหน้าขึ้นมองหลานชายเพียงคนเดียวอีกที ก็เห็นแดนดินพยักหน้ารับ “ก็เป็นอันว่าเราตกลงนะ” ทว่าแววตาของคุณยายก็ยังมีรอยกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองใบหน้าสวยใสของหญิงสาวตรงหน้า ที่อาจทำให้เกิดรักสามเส้าขึ้นได้ในภายหลัง แต่คุณยายที่แสนใจดี ก็ไม่อาจปฏิเสธสายตาวิงวอนของมินตราได้ และลึกๆ ก็อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างเช่นกัน เมื่อความมืดเข้ามาปกคลุม แสงไฟนีออนหลอดกลมๆ ที่แขวนอยู่หน้าบ้านของแต่หลังคาเรือนก็ส่องสว่าง มองเห็นถนนลางๆ กับสายน้ำในลำคลองที่วาววับสะท้อนแสงไฟ มินตราอยู่ในชุดเสื้อสีขาวตัวโคล่งกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินแถบแดงที่ต้องมัดจุกเอาไว้ด้านข้างกันหลุดของผู้ชายตัวโตๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ มาสวมใส่แก้ขัด เธอกำลังยืนอยู่ตรงราวระเบียงมองออกไปทางลำคลองที่พัดพาเอากระเป๋าเดินทางของเธอลอยหายไป แดนดินมองคนตัวเล็กสวมชุดของเขาแล้วแอบยิ้มโดยไม่ให้เธอเห็น มินตราหันไปมองคนข้างๆ แล้วก็เริ่มทำลายความเงียบด้วยการชวนชายหนุ่มคุย “อากาศที่นี่บริสุทธิ์และเย็นสบายดีจังค่ะ ไม่เหมือนในกรุงเทพฯ ที่ยังร้อนอบอ้าวแถมเต็มไปด้วยควันพิษ” “อย่าติดใจอากาศของที่นี่จนไม่ยอมกลับบ้านล่ะ” เขาสนทนาด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองฝ่าความมืดสลัวออกไป ดูทิวไม้ไหวสลับกับหันมามองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ “ฉันสัญญาว่าจะรีบกลับบ้านค่ะ หลังจากที่คุณยายของคุณอโหสิกรรมให้ฉันด้วยใจของท่านที่อยากจะพูดอโหสิกรรมให้แก่ฉันจริงๆ” “แล้วถ้ายายของผมไม่ยอมพูดคำนั้นออกมาล่ะ คุณจะอยู่ที่นี่ตลอดไปหรือไง” หญิงสาวหลับตา แล้วนึกภาพตามที่ชายหนุ่มพูด แล้วเธอก็ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า “ค่ะ ฉันจะไม่ไปจากที่นี่ จนกว่าฉันจะได้รับการอโหสิกรรมค่ะ แต่ว่า... ฉันก็จะขออนุญาตไปเยี่ยมครอบครัวของฉันบ้างนะคะ” “คุณไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผมหรอก มันเป็นชีวิตของคุณนี่ แต่ผมก็หวังว่า คุณยายจะไม่รำคาญคุณจนไล่คุณออกจากบ้านไปเสียก่อนนะ” “แล้วคุณล่ะคะ คิดจะไล่ฉันออกไปหรือเปล่า” แดนดินพ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วหันมามองหน้าของคนตัวเล็กตรงหน้า ขณะที่เธอหันหน้ามาสบตบเขาเช่นกัน “ก็อาจจะ ถ้า...” “ถ้าอะไรคะ... ถ้าคุณแต่งงานหรือเปล่า” ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วหันหน้ากลับไปทางเดิม เขาไม่ตอบแต่ปล่อยให้คำพูดของตนเองคาใจหญิงสาวต่อไป ‘ถ้าอะไร... ทำไมเขาไม่พูดออกมาตรงๆ คงเป็นเรื่องที่เขาจะแต่งงานนั่นล่ะ ก็เขาบอกเธอตอนหัวค่ำแล้วว่า เขาหมั้นหมายแล้วนี่นา’ “ฉันก็หวังว่าคุณยายของคุณจะอโหสิกรรมให้ฉัน ก่อนจะถึงฤกษ์แต่งงานของคุณค่ะ” “คิดเองเออเองก็เป็นนะคุณ” เขาเอ่ยโดยไม่ได้หันมามองเธอ แล้วก็นึกถึงใบหน้าของคู่หมั้นสาว นารีหน้าดี นิสัยดี แล้วก็มีใจให้กับเขา เขาก็พอรู้ ทว่าสำหรับเขายังไม่ได้นึกถึงเรื่องของความรักเลย แต่ที่ไม่ปฏิเสธการหมั้นหมายก็เพราะเขาทำไป เพื่อให้ยายของเขาสบายใจนั่นเอง “ก็ คุณไม่ยอมบอกเหตุผลนี่” “พรุ่งนี้เช้าผมจะไปถามชาวบ้านให้นะ ว่าเห็นกระเป๋าคุณไหม” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย “ขอบคุณนะคะ” “คนในหมู่บ้านของเรา ก็เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ผมไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีขโมยในหมู่บ้านของเราสักครั้ง จะมีก็แต่ผู้ใหญ่บ้านมาประกาศเรื่องของหาย แล้วประกาศตามหาเจ้าของบ่อยๆ ผมคิดว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าๆ อาจจะได้ยินเสียงพ่อผู้ใหญ่บ้านประกาศหาเจ้าของกระเป๋าที่มีคนเก็บได้ที่ลำคลองก็ได้” “ขอให้เป็นเช่นนั้นนะคะ ฉันจะขอบคุณมากๆ เลยค่ะ” “แล้วถ้าผมเก็บได้ล่ะ คุณมีรางวัลจะให้ไหม” “ฉันไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แต่ฉันพอมีเงินอยู่บ้าง คุณอยากกินอะไรล่ะ ฉันเลี้ยงเอง” “ผมไม่ชอบกินข้าวนอกบ้าน ผมชอบกับข้าวฝีมือคุณยาย ไม่ก็ทำกินเองดีกว่า” “แสดงว่าคุณยายของคุณทำกับข้าวอร่อยใช่ไหมคะ” “ใช่ อร่อยทุกอย่าง” มินตรายิ้ม แล้วก็นึกถึงกับข้าวของฝีมือของคุณแม่ของเธอเอง และคุณพ่อของเธอก็ไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านเช่นกัน ตอนนี้เธอรู้สึกคิดถึงพวกท่านมาก “ถ้าโชคดี ฉันคงได้ชิมฝีมือทำกับข้าวของคุณยายของคุณนะคะ” เธออยากจะกลับไปกินข้าวฝีมือของแม่เธอมากกว่า มินตราแอบคิดในใจ “ดูสิอยู่ๆ ฝนก็ตก” “ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จังค่ะ ฝนตกปรอยๆ มองสายฝนกระทบกับแสงไฟแบบนี้สวยจังเลยค่ะ” “ไม่กลัวฝนสาดหรือไง ผมว่าคุณรีบกลับเข้าห้องไปนอนดีกว่า ผมไม่อยากให้มีคนป่วยไข้ในบ้าน ผมกลัวว่าคุณยายจะติดไข้ไปด้วย” “ฉันแข็งแรงค่ะ ไม่เป็นไข้ง่ายๆ หรอก” หญิงสาวยังดื้อ ยืนดูฝนตกพรำๆ ที่เริ่มหนาเม็ดลงเรื่อยๆ “ว้าย! อุ๊บ” จู่ๆ ลมเย็นก็พัดเอาสายฝนมาโดนทั้งคู่ มีบางพัดมาเข้าตาหญิงสาวทำให้เธอเสียหลักจนเกือบล้ม แต่โชคดีที่ชายหนุ่มรับร่างของเธอเอาไว้ได้ทัน ทำให้ร่างเล็กตกอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโตอย่างช่วยไม่ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD