ญารินกุมขมับ เธอนั่งอยู่ในห้องน้ำอยู่นานจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ขิม เป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ! เอ่อ...พอดีเครื่องสำอางมันล้างออกยากน่ะค่ะ” เธอจำเป็นต้องโกหกเขาในขณะที่จ้องมองตัวเองในชุดนอนสุดเซ็กซี่ผ่านเงาสะท้อนในกระจกเพราะยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงกับชีวิต
“ขิม เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร” เสียงปุณณภัทรดังขึ้นอีกครั้งทำให้ญารินยิ่งลนลาน
“ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ”
“งั้นก็ออกมาได้แล้ว ถ้าไม่ออกมาฉันก็จะขังเธอไว้...” พูดยังไม่ทันจบประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางระหงที่กำลังหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาพันรอบตัวทับชุดนอนเบาบางเอาไว้
“ออกแล้วค่ะ”
“เป็นอะไรทำไมต้องใส่แบบนี้ด้วย” เขาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นญารินกำลังจะเดินผ่านไปยังเตียงกว้าง
“เอ่อ...หนูหนาวน่ะค่ะ น่าจะไม่ค่อยสบาย”
“งั้นเหรอ” ว่าแล้วจึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากกลมกลึงนั้นทันทีเพื่อตรวจเช็กอุณหภูมิ “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่”
“เอ่อ...”
“เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” เขามองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างนึกขันยิ่งเห็นว่ามือเรียวนั่นพยายามจับปมผ้าขนหนูไว้แน่นเขาก็ยิ่งนึกสนุก อยากจะดึงมันให้หลุดเสียเหลือเกิน
“ไม่ได้กลัวค่ะ แต่หนูเอ่อ...หนูหนาวจริง ๆ ”
“หนาวบ้าอะไร แอร์ก็ไม่ได้เย็นขนาดเสียหน่อย” ปุณณภัทรขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าญารินไปกินอะไรผิดสำแดงมาถึงได้ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ขนาดนี้
“คุณไม่หนาวแต่หนูหนาวนี่คะ”
“หรือว่า...” ชายหนุ่มหยุดชะงัก ดวงตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเหมือนต้องการจะจับผิด “ที่เธอหายเข้าไปในห้องน้ำเพราะเธอแอบเข้าไปทำของมา แล้วเอามาซ่อนไว้ใช่ไหม”
“ของอะไรกันคะ” ญารินอุทานลั่นไม่คิดว่าเขาจะโมเมเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้
“จะไปรู้เหรอ เธอต้องซ่อนมันไว้ในนี้แน่ ๆ ” เขาจ้องมองผ้าขนหนูที่เธอถือไว้แน่นด้วยความสงสัย ความอยากรู้ทำให้มือหนาเอื้อมไปกระชากชายของมันจนอีกฝ่ายสะดุ้งตกใจ
“อย่าค่ะ หนูไม่ได้ทำของอะไรแบบนั้นเลยนะคะ”
“งั้นก็ปล่อยสิ ทำไมต้องทำตัวมีพิรุธด้วย”
“อ๊ะ!” หญิงสาวหน้าเหวอทันทีที่ผ้าขนหนูของเธอลอยติดมือของปุณณภัทรไป ความเย็นที่ตกกระทบลงบนผิวกายทำให้มือเรียวรีบยกขึ้นปิดหน้าอกหน้าใจและต้นขาของตัวเองไว้ทันที
“นี่เธอ...”
“อย่าเข้าใจผิดนะคะ หนูไม่ได้จะแต่งมายั่วคุณนะ ป้านิดเป็นคนหาชุดนี้ไว้ให้ ในกระเป๋ามันก็มีแค่ชุดเดียว หนูจำเป็นต้องใส่” ญารินรีบอธิบายจนลิ้นแทบพันกันเพราะเธอไม่อยากให้ปุณณภัทรเข้าใจไปในทางที่ผิด
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย” ชายหนุ่มเผลอจ้องมองเรือนร่างงามผ่านเนื้อผ้าบางเบาจนมองเห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหน รู้สึกได้ทันทีว่าบางอย่างในกายกำลังลุกฮือขึ้นจนต้องรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “แม่ฉันคงอยากจะได้หลานเต็มทีถึงได้ทำแบบนี้”
“ขอผ้าขนหนูคืนด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องปิดให้อึดอัดหรอก เดี๋ยวเธอขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วห่มผ้าไว้ละกันส่วนฉันจะไปนอนที่โซฟาเอง” ปุณณภัทรขันอาสาทำให้ญารินรีบหันหลังไปยังเตียงกว้าง วินาทีนั้นเธอไม่รู้เลยว่าสายตาของเขากำลังจ้องมองตามไป
ยิ่งเห็นสะโพกงามขาวนวลผ่านร่มผ้าบาง ๆ นั้นมันก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกหายใจติดขัดจนต้องรีบไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่โซฟา
“เอ่อ...หนูจะปิดไฟแล้วนะคะ” หญิงสาวรีบเหวี่ยงผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างตัวเองไว้จนเหลือแต่ส่วนหัวที่โผล่พ้นออกมา
“อืม” ปุณณภัทรตอบกลับมาแต่เพียงสั้น ๆ พอเห็นว่าเขาปิดตาลงแล้วพลิกตัวไปอีกทาง เธอจึงรีบจับผ้าห่มไว้แล้ววิ่งโหยง ๆ ไปปิดไฟอย่างทุลักทุเลเพราะยังรู้สึกเจ็บเท้าก่อนจะกระโดดกลับมาที่เตียงแล้วเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงแทน
หลังจากสวดมนต์ไหว้พระเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ หญิงสาวจึงทิ้งตัวลงนอนพยายามข่มตาให้หลับลงด้วยความยากลำบาก
อาจเป็นเพราะว่านอนผิดที่หรือเป็นเพราะเธอนอนในห้องเดียวกับผู้ชายในฝัน จึงรู้สึกตื่นเต้นจนข่มตาให้หลับไม่ลง
“นอนไม่หลับเลยแฮะ” หญิงสาวพึมพำแผ่วเบาแล้วปิดตาลงนับแกะอีกรอบก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ พอลองผงกศีรษะดูปุณณภัทรก็พบว่าเขาหลับไปแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงลองปิดตาลงอีกครั้ง พยายามทำใจให้สบายก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับความเหนื่อยล้าหลับตาลงสู่ห้วงนิทราไปในที่สุดโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเวลานั้นใครอีกคนกำลังว้าวุ่นเพราะภาพที่เห็นก่อนหน้านี้
“บ้าจริง” ปุณณภัทรพลิกตัวไปมาบนโซฟาคับแคบหลังจากพยายามสงบสติอารมณ์อยู่นาน ภาพที่ญารินกำลังใส่ชุดนอนเมื่อครู่ยังติดตรึงอยู่ในหัวไม่จางหาย ใครจะคิดว่าเจ้าของร่างที่ผอมบางจะซ่อนรูปได้ถึงขนาดที่ทำให้เสือผู้หญิงอย่างเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ลองไปล้างหน้าหน้าตาดูดีกว่า เผื่อจะได้หายฟุ้งซ่าน” ชายหนุ่มครุ่นคิดก่อนจะถลาลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่คิดเลยว่าวินาทีที่เขาเหลือบขึ้นไปมองยังเตียงกว้าง ญารินจะพลิกตัวจนผ้าห่มผืนใหญ่มากองอยู่ปลายเท้า มิหนำซ้ำชุดนอนเจ้าปัญหาก็ยังเลิกขึ้นจนเห็นไปถึงเนินเนื้อคู่งาม แม้จะมีบราตัวจิ๋วปิดไว้แต่ก็ไม่อาจจะทำให้เขาหยุดเพ่งมองได้ “บ้าจริง ยั่วขนาดนี้ใครทนไหวก็บ้าแล้ว”
เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าญารินจงใจจะยั่วทั้งที่ความจริงแล้วเธอกำลังหลับจนไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ
ไม่อยากคิดเลยว่าผู้ชายอย่างเขาจะกลายมาเป็นโจรลักหลับ จากที่เคยกระดิกนิ้วครั้งเดียวก็มีแต่คนยินยอมพร้อมขึ้นเตียง แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาแอบมองผู้หญิงที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงโดยที่เธอยังไม่รู้ชะตาตัวเองเลยด้วยซ้ำว่ากำลังจะถูกเชือด
“แต่งงานแล้วคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ปุณณภัทรพยายามปลอบใจตัวเองในขณะที่สายตายังจ้องมองเรือนร่างงามและสะโพกกลมกลึงของญารินจนเผลอเอื้อมมือไปแตะอยู่หลายครั้งแต่ก็ต้องรีบชักมือหนี “ไม่ได้ มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลง อย่าลืมสิว่าเราแต่งงานกับยัยนี่แค่ในนามเท่านั้น”
เขานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่ความคิดหนึ่งจะเข้ามาแทนที่
“แต่คุณย่าอยากได้เหลนนี่ แต่ถ้ายัยนี่ท้องแล้วไม่ยอมหย่าขึ้นมาจะทำยังไง” ปุณณภัทรยืนเถียงกับตัวเองอยู่นานหลายอึดใจ ยิ่งเห็นร่างนั้นขยับตัวพลิกไปมาจนชายเสื้อเลิกขึ้นไปถึงไหนต่อไหนก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายมันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของสมองอีกต่อไป
“อดทนนะไอ้ปุณ ห้ามมอง...ยุบหนอ...พองหนอ...พองหนอ...พองแล้ว บ้าจริง ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!” พูดจบเขาก็กระโดดขึ้นบนเตียงคร่อมร่างของญารินเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงสูดดมกลิ่นกายสาวเข้าปอดอย่างหื่นกระหายจนคนใต้ร่างตื่นขึ้นมาในสภาพที่ยังงัวเงีย
“คุณปุณ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวลืมตาขึ้นจ้องมองเขาผ่านแสงไฟสลัวจากโคมไฟบนหัวเตียง รู้สึกสับสนเหมือนกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น
“เอ่อ...” ปุณณภัทรรีบผละจากร่างนั้นแล้วล้มตัวลงนอนเคียงข้างแทนเพราะกลัวว่าไก่จะตื่นเสียก่อน “ที่โซฟามันแคบน่ะฉันนอนไม่หลับ ขอนอนด้วยนะ”
“ได้สิคะ” เธอตอบแต่เพียงสั้น ๆ พร้อมกับปิดตาลงอีกครั้ง คนเจ้าแผนการจึงขยับเข้าไปใกล้ พอเห็นใบหน้าหวานนั้นชัด ๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกกระสับกระส่ายพยายามกัดปากตัวเองจนห้อเลือดเพื่อข่มใจไว้
“ยุบหนอ...พองหนอ...ยุบหนอ...ยุบซะ ยุบเดี๋ยวนี้”
“คุณปุณ...” ญารินลืมตาขึ้นเอ่ยเรียกเขาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงนั่นดังอยู่ใกล้ ๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“คือ...” ชายหนุ่มพยายามหาข้อแก้ตัวเมื่อเห็นหญิงสาวตื่นเต็มตาแล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาปิดกายไว้ทำให้เขาเหลือบไปเห็นข้อเท้าของเธอพอดีจึงรีบใช้มันเป็นข้ออ้าง “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้น่ะว่าเธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าไปทำเอาท่าไหนถึงข้อเท้าแพลง”
“อ้อ!” หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ แล้วจึงตอบขาไปโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องเงาของบุคคลปริศนาที่เธอเห็นในบ้านเพราะคิดว่าตอนนั้นเธอคงจะตาฝาดไปจริง ๆ “หนูตกบันไดน่ะค่ะ”
“แล้ว...ยังเจ็บอยู่ไหม”
“แม่นวดให้แล้ว ค่อยยังชั่วแล้วล่ะค่ะ” เธอยิ้มตอบพลางขยับกายลุกนั่งแต่กลับถูกมือหนากดไหล่เล็กไว้แล้วกระซิบบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ดีเลย พอดีฉันมีเรื่องจะขอให้ช่วยหน่อยน่ะ”
“มีอะไรเหรอคะ”
“คือ...” ปุณณภัทรพลิกตัวนอนตะแคงข้างก่อนจะขยับลุกขึ้นมาคร่อมร่างของเธอไว้อีกครั้งโดยที่อีกฝ่ายยังนอนนิ่งด้วยความงุนงง “ตอนนี้เราก็แต่งงานกันแล้ว...”
“ค่ะ” ญารินพยักหน้าหงึก ตัวแข็งทื่อเพราะไม่เคยใกล้ชิดเขาแบบนี้มาก่อน “คุณปุณจะให้ช่วยอะไรเหรอคะ”
“เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะขอ...มีอะไรกับเธอสักครั้ง”
“คะ!? ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ “แต่ว่าเรา...อื้อ...”
คำถามมากมายที่ผุดเข้ามาในหัวถูกกลืนหายไปทันทีเมื่อคนบนร่างโน้มตัวลงมาปิดปากของเธอไว้ด้วยความเร็วปานสายฟ้า มือเรียวจิกลงบนไหล่กว้างแน่นเมื่อสัมผัสได้ว่าลิ้นของเขากำลังรุกล้ำเข้ามาด้านในเพื่อควานหาความหอมหวาน
“อืม...” ปุณณภัทรครางกระเส่าอย่างพอใจ ตอนนี้บางอย่างในกายมันกำลังลุกโชนจนทำให้เขาไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้ไหวอีกต่อไป