ตอนที่ 8 เสน่หาแสนชัง (1)

3718 Words
ตอนที่ 8 เสน่หาแสนชัง (1) 'อย่าเชียวนะปรายฟ้า อย่าไปหลงกล' อมลรดาพยายามเตือนหัวใจตัว แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับแววตาทอประกายปรารถนาอย่างชัดเจน หญิงสาวโปรยยิ้มหวานกลับไปพร้อมยื่นแบบเตียงนอนส่งให้เจ้าตัวพิจารณา "ถ้าหากห้องของคุณปิดตายวันใด ไม่เปิดรับให้ใครเข้าไปนอนซ้ำรอยกันบนเตียง เราค่อยมาคุยกันนะคะ" เธอพูดเป็นนัยให้เขาได้รู้ว่า หากจะมองกันเป็นเพียงดอกไม้ริมทางเหมือนคนอื่นๆ เห็นทีเขาคงจะต้องผิดหวัง เพราะเธอจะไม่ยอมให้เขาเด็ดไปเชยชมแล้วขว้างทิ้งเมื่อหมดกลิ่นหอมและความสวยงามแน่นอน "แต่ห้องหัวใจของผมก็ไม่เคยเปิดรับใครเรี่ยราด ความรู้สึกพิเศษที่มีต่อใครสักคนก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ คุณคือคนแปลกหน้าที่แสนอันตราย...ความหวั่นไหวนั้นอันตรายต่อหัวใจคนยิ่งนัก" "น้ำตาลกับมดเป็นของคู่กัน ฟ้ากำลังคิดว่าคุณเองก็ไม่ต่างไปจากมด เมื่อน้ำตาลมาอยู่ใกล้มด ไม่แปลกที่ความหอมหวานจะล่อหลอกให้มดมาตอม เป็นกลไกของธรรมชาติที่ถูกกำหนดขึ้นมา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องหัวใจเลยสักนิด" คนฟังถึงกับหัวเราะอยู่ในลำคอ กับความช่างเปรียบเปรยของเธอ "ผมไม่รู้ว่ายายจันทร์เผาอะไรผมให้คุณฟังบ้าง แต่อย่าไปเชื่อแกมากนะ ยายจันทร์แกขี้โม้" "แต่คุณยายก็รักและเป็นห่วงคุณมาก ไม่อยากให้คุณจมปลักอยู่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว" เพียงเท่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้าคมคร้ามถึงกับจางหายไปทันที ท่าทีแปรเปลี่ยนไปราวเป็นคนละคนที่อมลรดารู้จัก เป็นอีกมุมที่เธอไม่คุ้นเคย "เหอะ!” เขากระตุกยิ้มคล้ายหยัน ก่อนจะเถียงหัวชนฝา "ยายจันทร์ชอบคิดแบบนั้น ทำไมผมจะต้องจมปลักกับอดีตด้วย ผมไม่เคยจดจำมันเลยสักนิด" ชายหนุ่มหยิบแบบเตียงนอนมาดู แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดที่อีกฝ่ายพยายามจะสื่อออกมา "จริงเหรอคะ ที่คุณไม่ได้เก็บเรื่องราวในอดีตมาผูกใจเจ็บ" "คุณเชื่อยายจันทร์เหรอ" "....." "แกก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย เหมือนคนแก่ทั่วๆไป" "คุณปราย แม้เราจะรู้จักกันไม่นาน ไม่ได้ต้องการที่จะทำตัวเก่งเหนือคุณและไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดีมากกว่าคุณ แต่ฟ้าก็แค่อยากให้คุณเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ บางทีอาจมีเหตุผลที่เราไม่รู้ก็เป็นได้ เหตุผลที่ทำให้ใครคนหนึ่งตัดสินใจทำอะไรลงไปสักอย่าง" “คุณมองโลกในแง่ดีเกินไป...คุณอาจเติบโตขึ้นมาด้วยความรักจากคนรอบข้าง และมีครอบครัวที่อบอุ่น คุณเลยไม่รู้ว่าโลกนี้มันโหดร้ายกว่าที่คุณคิด" "บางทีการมีครอบครัวที่พร้อมหน้า ก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป หากทุกวันนี้ฟ้ามีความสุข ก็คงไม่มาเร่ร่อนอยู่ทุกวันนี้หรอกค่ะ" หญิงสาวหัวเราะกับคำพูดตัวเองในท้ายประโยค เพราะเห็นสถานการณ์เริ่มจะตึงเครียด และเธอไม่อยากให้เสียบรรยากาศที่ดีไป "แล้วยังเชื่อใจคนแปลกหน้าสุ่มสี่สุ่มห้าด้วย" "ก็เพราะคุณช่วยฟ้าเอาไว้ไงคะ หากคุณจะทำก็คงทำไปแล้วจริงมั้ย" "ผมไม่รู้ว่ายายจันทร์บอกอะไรคุณบ้าง แต่หากรู้อย่างนี้แล้วคุณยังเชื่อใจผมอยู่มั้ย คุณไม่กลัวเหรอปรายฟ้า ไม่กลัวว่าสักวันผมอาจจะเผยอีกมุมที่คุณไม่ เห็นออกมาก็ได้" "ฟ้าเชื่อว่าลึกๆ คุณเป็นคนดี คุณคงไม่ซ้ำเติมคนกำลังไร้ที่พึ่งใช่มั้ยคะ" น้ำเสียงออกแนวอ้อนเล็กๆ ทำให้คนฟังอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "ยายเด็กหลงทางเอ๊ย" "เด็กหลงทาง แล้วยังบังอาจมาสั่งสอนเจ้าบ้านอีกแน่ะ" "ใช่ บังอาจมากๆ" "ก็เหมือนกับที่คุณเคยบอก ว่าฟ้าเป็นกวางหลงฝูงไงคะ ซ้ำยังหาญกล้าขอความช่วยเหลือจากพญาราชสีห์...พญาราชสีห์ที่จ้องแต่จะขย้ำเหยื่อทีเผลอ" "ก็ถ้าหากเหยื่อนั้นน่าขย้ำราชสีห์คงจะไม่ยืนดูเฉยๆ แน่ คงจะมีแต่พญาราชสีห์กลายพันธุ์เท่านั้นแหละ ที่ปล่อยให้เหยื่อลอยนวล" "แล้วพญาราชสีห์มีหัวใจกับเขามั้ยน๊า หรือเกิดมาเพื่อเป็นนักล่าอย่างเดียว" "ก็...ไม่รู้สินะ" "ต้องรู้สิคะ" "หากอยากรู้คุณก็ต้องลองศึกษาดู กล้าพอมั้ยล่ะ" หญิงสาวถึงกับส่ายหน้าทันควัน มาพร้อมกับรอยยิ้มหน้าเป็น "ม่ายยยค่ะ ฟ้าไม่อยากเล่นกับไฟ" เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังแว่วไปเข้าหูนวลจันทร์ ที่กำลังเดินยิ้มร่าตรงมา ในมือแกมีผลไม้สีสดหลากชนิดที่หั่นจนสวยงามเรียงไว้บนจานเปล และน้ำเสาวรสคั้นสดที่ได้มาจากไร่ของอรรณพ กับเครื่องดื่มเมนูโปรดของอารชวิน "ยายจันทร์...ขัดตลอด" อารชวินเข่นเสียงรอดไรฟัน ที่เวลาอันมีค่าต้องถูกขัดให้สะดุดลงอีกครั้ง และเหมือนเขาจะกลายเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที ชายหนุ่มสัมผัสได้ "ยายกลัวพวกคุณจะหิว ก็เลยนำของว่างมาให้จ้ะ" อมลรดาปรายตามองไปยังแก้วที่ถูกวางลงตรงหน้า สีสันเครื่องดื่มคล้ายน้ำส้มคั้นแต่เธอคิดว่าไม่น่าจะใช่ "น้ำอะไรคะคุณยาย สีสันสดใสดีจัง" "น้ำเสาวรสจ้ะ ได้มาจากไร่คุณอาของคุณปราย เคยเห็นมั้ยที่ลูกกลมๆ เหลืองๆ ส้มๆ น่ะ" คนฟังทำท่านึก เพราะเหมือนจะเห็นผ่านๆ ตาในวันที่อารชวินพาเธอไปมาเมื่อวันก่อน ด้านนวลจันทร์คงไม่รู้ตัวว่าอยู่นานเกินไป เมื่อหันไปทางเจ้านายหนุ่มก็เห็นแววตาเชิงขับไล่ส่งมา "อร่อยจัง...เขาทำกันอย่างไรคะ วันหลังคุณยายสอนฟ้าบ้างนะคะ" "ได้เลยจ้ะ วันหลังยายจะสอนทำแมนฮัตตัน ของโปรดของคุณปรายด้วย” คนพูดพยักพเยิดไปยังแก้วค็อกเทลที่อยู่ในมืออารชวิน อยู่กันมานานจนรู้ใจดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าโปรดปรานเจ้าแมนฮัตตันที่มีส่วนผสมจากไรย์วิสกี้มากเพียงใด อมลรดาถึงกับยิ้มในสำเนียงที่อีกฝ่ายเปล่งเสียงออกมาชัดถ้อยชัดคำ พลางคิดว่ายายนวลจันทร์ช่างทันสมัยสิ้นดี รู้จักค็อกเทลชื่อฝรั่งเสียด้วย แต่แล้วสายตาเชิงขับไล่ที่ส่งมาครั้งที่สอง ทำให้นวลจันทร์รีบขยับกายถอยห่างอย่างรู้ในความหมาย โดยไม่ต้องรอให้เอ่ยปากไล่แต่อย่างใด "คุณชอบดื่มค็อกเทลเหรอคะ" อมลรดามองไปยังเครื่องดื่มสีชมพูอ่อนๆ ในแก้วทรงสูง ที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเป็นส่วนผสมอยู่บ้าง "ผมชอบเป็นบางสูตร อย่างแก้วนี้มันมีทั้งรสชาติที่ซับซ้อน ลุ่มลึก ผสานกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวไรย์ เพราะผมชอบอะไรที่ดูน่าค้นหา การดื่มค็อกเทลที่ถูกใจแต่ยากจะคาดเดาในส่วนผสม ก็คล้ายๆ กับการเดินไปพบผู้หญิงสักคนที่ดึงดูดใจ แล้วอยากที่จะค้นหาอะไรหลายๆ อย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ" อารชวินยื่นแก้วเครื่องดื่มมาข้างหน้า อมลรดาจึงคว้าของตนมาบ้าง แล้วนำไปชนแก้วกันเบาๆ อย่างรู้ในความหมายทางภาษากายที่อีกฝ่ายสื่อออกมา ต่างฝ่ายต่างยิ้มคล้ายขบขัน เมื่อยามก้มลงมองเครื่องดื่มของตน ค็อกเทลเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์กับน้ำเสาวรสดูแล้วไม่เข้ากันเลยสักนิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนสองคนที่จะนั่งละเลียดความหอมหวานละมุนลิ้น กรุ่นกลิ่นไอฝนเคล้าเมฆหมอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว "ถือว่าเป็นการดื่มเพื่อมิตรภาพที่ดีสำหรับเราสองคน" "ค่ะ มิตรภาพดีๆ ที่คุณมีให้กับฟ้า ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน" "ยายจันทร์มีแผนอะไรหรือเปล่า ถึงคิดจะมอมเหล้าผมแต่หัววัน" "ยังไงก็อย่าเพิ่งเมานะคะ เรายังคุยงานกันไม่ถึงไหนเลย" "คุณเองก็ระวังเมาน้ำเสาวรสยายจันทร์นะ เพราะแกทำอร่อยจนต้องขอเบิ้ล" "ขนาดนั้นเชียว" "แกไม่ได้ฝีมือดีอย่างเดียว ฝีปากแกยังไม่เบา คุณยังไม่รู้อะไรอีกเยอะเกี่ยวกับวีรกรรมยายจันทร์ ไม่เคยมีใครอยู่ได้เกินสามวัน เพราะพอเจออิทธิฤทธิ์แกเข้าไปก็วิ่งหนีกันหมด นี่ผมยังสงสัยคุณกล่อมแกอีท่าไหน ยายจันทร์ถึงดูเหมือนเอ็นดูคุณนักหนา” "ก็...เพราะฟ้ามีของดีไงคะ" "เหรอ...คุณมีของดีอะไรไหนผมขอดูหน่อยสิ" คนพูดแกล้งไล่มองสำรวจไปทั่วร่างอิ่ม จริงๆ แล้วเขาอยากกระโจนเข้าไปขย้ำก่อนจับกดกับพื้น กระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูว่าอย่ามาทำหน้าเป็นใส่เขามากนัก อย่ามาทำน่ารักใส่กันบ่อยๆ เพราะเธออาจจะได้รับฝากหัวใจให้ไปเลี้ยงดูโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเริ่มอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ดูเหมือนเรื่องงานจะถูกพักเอาไว้ชั่วคราวเพราะเครื่องดื่มยายจันทร์ทำพิษ แต่เจ้าของเรือนวารีเองก็อยากกระซิบบอกมือออกแบบว่าไม่เป็นไรเขาไม่รีบ ตกแต่งเสร็จเมื่อไหร่ก็เปิดใช้บริการเมื่อนั้น หากเธอคิดจะหนีกลับบ้านก่อนจบโปรเจคก์ เขาก็จะกักตัวเอาไว้ กักเอาไว้จนกว่าจะทำงานเสร็จตามสัญญา อมลรดายังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่เรือนวารี อยู่ในโลกแห่งความฝันที่คิดว่าไม่มีใครเข้าถึงมันได้ และเป็นเรื่องธรรมดาของกลไกเมื่อมีช่วงเวลาแห่งความสุข ก็ไม่พ้นที่จะต้องพานพบช่วงเวลาแห่งความทุกข์ หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป คงจะดีไม่น้อยหากเธอคือนกที่ไม่มีเจ้าของ ความเป็นจริงที่ไม่อาจหนีพ้นปลุกหญิงสาวที่กำลังนอนหลับฝันให้ตื่นขึ้นมายอมรับความจริง...ความจริงที่ไม่อาจเอาชนะมันได้เลย ‘แย่ล่ะปรายฟ้า!’ ใบหน้าตัวเองที่โชว์หราอยู่บนสื่อออนไลน์พร้อมประกาศตามหาคนหาย อมลรดาถึงกับใจหายวาบไปอยู่ที่ตาตุ่ม หญิงสาวเหลียวมองไปรอบกายคล้ายหวาดระแวงทั้งๆ ที่อยู่เพียงลำพังในห้อง เพราะเธอไม่แน่ใจว่าทางบ้านลงตามหาไว้นานเท่าไหร่แล้ว แต่ถ้าถามเธอ...เธอก็เพิ่งจะเห็นเพราะทำตัวตัดขาดจากสื่อทุกชนิดนับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาเหยียบเรือนวารี มือบางทาบไปที่อกเมื่อใจเริ่มเต้นแรงเพราะความหวาดหวั่น เธอกำลังคิดกลัวไปต่างๆ นานา กลัวว่าจะมีคนเห็นประกาศแล้วจำหน้าเธอได้ จนนำเบาะแสไปบอกทางบ้านของเธอเพื่อแลกกับเงินรางวัล และนั่นหมายถึงเธอจะต้องถูกลากกลับบ้านไปแต่งงานกับเตชินทร์แน่นอน หรือบางทีเขาอาจจะไม่อยากได้ตัวเธอแล้ว อมลรดาภาวนาให้เป็นอย่าง หลัง เธอภาวนาว่าขอให้เตชินทร์เบื่อที่จะวิ่งตามแล้วเดินเข้าไปบอกผู้ใหญ่ว่าขอล้มเลิกการแต่งงานกับเธอ 'แล้ว...คุณปราย...เขา...เขาจะเห็นมั้ยนะ' อดที่จะเหลียวมองไปยังผนังที่กั้นข้างห้องเอาไว้ไม่ได้ ยามนี้เธอเหมือนคนจิตตกและมีท่าทีขลาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตกลอกไปมาด้วยเริ่มจะร้อนรนจนนั่งไม่ติด ไม่อาจคาดเดาได้ว่าหากอารชวินเห็นประกาศตามหาเขาจะทำเช่นไรกับเธอต่อไป หญิงสาวเดินพล่านไปมาในห้องด้วยความกระสับกระส่าย อยากเดินไปเคาะห้องของอารชวินเพื่อเรียกมาถามให้หายหวั่นวิตก แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าไม่สมควร เพราะอาจจะเป็นการไปรบกวนการนอนของเขา เพราะเวลานี้ก็ดึกมากแล้วการกระทำแบบนั้นก็ดูจะเสียมารยาทเกินไป… 'นี่มันเรื่องบัดซบอะไร!' อารชวินถึงกับสบถออกมาหลังจากชะงักนิ่งงันไปพักใหญ่ ด้วยใจกำลังช็อคกับสิ่งที่ได้รับรู้ อันที่จริงเขาไม่ควรเข้ามาเห็นด้วยซ้ำ เพราะไม่ค่อยมีเวลาท่องโลกออนไลน์ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจสักเท่าใดนัก แต่เพราะมันเป็นข่าวที่ถูกแท็กต่อๆ กันมา ไม่คิดว่าการที่เพื่อนแท็กมาด้วยความหวังดีนั้น จะกลายเป็นเรื่องที่พัวพันกับตัวของเขาเอง แววตาคมกล้าจับจ้องไปยังใบหน้าที่โชว์หราอยู่บนสื่อออนไลน์ ในโลกนี้จะมีหน้าแบบนี้สักกี่คนกัน ชายหนุ่มคิดด้วยความมั่นใจว่า หญิงสาวที่กำลังถูกติดประกาศตามหานั้น คือคนเดียวกันกับที่นอนอยู่ห้องติดกันแน่นอน 'ปรายฟ้า เธอคือลูกสาวมัน บ้าสิ้นดี!' ชายหนุ่มบดกรามจนเป็นสันนูน เขาไม่อยากนำมาปนกันเลยสักนิด แต่ดูเหมือนว่าความเกลียดชังในตัวก้องภพจะถูกเผื่อแผ่ไปถึงคนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เขายอมรับว่ากำลังพาล ในขณะที่ส่วนลึกร้องบอกว่าเธอไม่เกี่ยว อะไร ใจที่สับสนทำให้อดที่จะเหลียวมองไปยังผนังกั้นข้างห้องไม่ได้ ความจริงที่ได้รับรู้ดั่งคมมีดกรีดลงกลางใจ จนความเจ็บแปลบแล่นพล่านไปทั่วร่าง ความเจ็บปวดฉายออกมาทางแววตาที่มีทั้งความเคียดแค้นชิงชังไปพร้อมกัน มันเป็นค่ำคืนแห่งฝันร้ายและแสนทรมานที่แทบฆ่ากันให้ตายทั้งเป็น อารชวินยังคงนั่งนิ่งจมอยู่กับความดำมืดของจิตใจ ความทรงจำที่ไม่อาจสลัดพ้นทำให้ชายหนุ่มปล่อยกายและใจดำดิ่งสู่ห้วงอดีตเนิ่นนาน...นานเสียจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว ปรายฟ้าคือลูกสาวก้องภพ...คนสารเลวที่พรากทุกสิ่งไปจากครอบครัวของตน เขาไม่เคยสนใจและติดตามความเป็นไปของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคนเห็นแก่ตัวอย่างก้องภพ ไม่เคยคิดว่ามีครอบครัวนี้อยู่ร่วมโลกด้วยซ้ำ ความเกลียดชังทำให้เขาเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวและเดินอยู่บนทางคู่ขนานมาโดยตลอด ไม่คิดไม่ฝันว่าโชคชะตาจะเล่นตลก ที่จู่ๆ ก็นำพาคนในครอบครัวของก้องภพเข้ามาในชีวิตของเขาอย่างบังเอิญ มันจะไม่มีอะไรที่ต้องคิดมากหากใจดวงนี้มีแต่ความเกลียดชังในสายเลือดของก้องภพ ชายหนุ่มพานโทษโกรธเคืองผู้ลิขิตที่ขีดให้เขาและอมลรดาได้มาเดินร่วมทาง หลอกให้ความผูกพันทางใจก่อเกิดรวมทั้งความรู้สึกดีๆ ที่มีให้แก่กัน ก่อนจะลงทัณฑ์เหยียบย่ำซ้ำลงบนหัวใจของเขาจนแหลกเละคามือ ความเจ็บปวดที่เขาได้รับในวันนี้คงสาสมใจพระเจ้าที่เฝ้ามองดู โลกสร้างผู้หญิงเช่นอมลรดาขึ้นมา แล้วโลกก็สร้างเขาขึ้นมาเพื่อให้เธอมาฆ่าอย่างแท้จริง ความจริงที่ยากเกินทำใจตอกย้ำซ้ำไปซ้ำมาจนในหัวอื้ออึง อาการปวดศีรษะจู่โจมรุมเร้าอย่างรุนแรงจนอยากอาเจียนออกมา แม้พยายามที่จะสลัดความรู้สึกดีๆ ที่มีกับอมลรดาออกไปจากใจแต่ก็ไม่เป็นผล ตรงกันข้าม เมื่อยิ่งสลัดเท่าไหร่ความเจ็บปวดยิ่งกินลึกมากเท่านั้น ความทรมานจากความรู้สึกสองอย่างที่ตีกันจนยุ่งเหยิง กำลังฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น เมื่อไม่อาจข่มตาให้นอนหลับลงได้ การลงไปหาอะไรดื่มดับความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในอกจึงเป็นทางเลือกที่ดี อารชวินหอบใจที่บอบช้ำออกจากห้องนอนที่กำลังร้อนเป็นไฟ ยังไม่ทันที่จะดึงบานประตูให้ปิดลง เสียงเปิดประตูที่ดังมาจากห้องข้างๆ พร้อมกับคนที่อยู่ในห้องเดินออกมา ทำให้เขาถึงกับก้าวขาไม่ออกทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว "คุณปราย..." สายตาสองคู่ที่สบประสานกันอันมาจากความรู้สึกคนละอย่าง เปลี่ยนโลกให้หยุดหมุนชั่วคราว บรรยากาศรอบกายเริ่มอึดอัดเมื่อต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา ความรู้สึกของทั้งสองยามนี้เหมือนมีม่านบางๆ มาขวางกั้น รู้สึกเข้าหน้ากันไม่ติดเหมือนเช่นทุกวัน มือบางกระชับเสื้อคลุมชุดนอนเข้าหากัน เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวราวกำลังมีไข้ต่ำๆ ซ้ำแววตาของเขายังทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น มันดูแปลกและห่างเหินไปพร้อมกัน แววตาแบบนี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวคิดพลางเผยยิ้มเจื่อนออกมา "ออกมาทำอะไร ดึกแล้วทำไมถึงยังไม่นอน" อารชวินฝืนตัวเองอย่างยากเย็น หลังจากที่ยืนทำใจอยู่นาน "ละ แล้วคุณล่ะคะ ทำไมยังไม่นอน" "ผม...นอนไม่หลับ..." บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง เรื่องรบกวนที่วนเวียนอยู่ในหัวทำให้อารชวินหงุดหงิดตัวเอง เขาอยากเกลียดเธอแต่หน้าหวานๆ และแววตาซุกซนกลับทำให้มีอีกความรู้สึกแทรกเข้ามา แต่อคติก็ทำให้ชายหนุ่มพยายามหลอกหัวใจตัวเองว่ามันไม่ใช่ความรัก ที่ผ่านมาเขาแค่ต้องการล่อหลอกเพื่อให้ได้มาซึ่งร่างกายของเธอเท่านั้น เหตุผลร้อยแปดถูกยกขึ้นมาสนับสนุนความคิดด้านมืด เพื่อที่จะใช้หลอกตัวเองว่าเขายังไม่ได้ถลำลึกรักเธอเข้าแล้วจริงๆ "คุณปราย..เอ่อ..." พูดแล้วต้องหยุดค้างเอาไว้ เมื่ออีกใจร้องบอกว่าควรดูท่าทีของเขาเสียก่อน บางทีเธออาจคิดกลัวไปเองโดยที่เขายังไม่รู้อะไรเลยก็ได้ หญิงสาวพยายามปลอบใจตัว "ไปนอนซะ ไม่ต้องตามมา!" แต่ทำไมเธอจึงรู้สึกหวิวอยู่ในหัวใจ กับสายตาเย็นชาห่างเหินที่มองมา หญิงสาวคิดขณะมองตามร่างสูงที่เดินหนีลงไปข้างล่าง ความเคลือบแคลงและสงสัยในท่าทีคล้ายขุ่นเคืองทำให้เธอตัดสินใจสาวเท้าตามลงไป เธอเห็นเขาเทวิสกี้พรวดลงไปในแก้ว ก่อนยกกระดกกรอกลงไปในลำคอรวดเดียวจนเกือบหมด ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจแรงๆ เมื่อยามแววตาคมกล้าตวัดมองมายังตน "คุณตามลงมาทำไม...ทำไมไม่กลับเข้าไปนอน" "คุณเป็นอะไรคะ ทำไมถึงทำร้ายตัวเองแบบนี้" พูดพลางปรายตาไปยังแก้วว่างเปล่า สื่อให้เขารู้ว่าการใช้น้ำเมานั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" อมลรดากำลังคิดว่าหากเป็นเรื่องที่เธอกำลังกลัว เขาก็ไม่น่าที่จะโกรธถึงเพียงนี้ บางทีอาจมีเรื่องอื่นมากระทบใจเขาก็เป็นได้ หญิงสาวคิดในแง่ถึงความน่าจะเป็น "ฟ้า...ทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าคะ" "กลับไปนอนซะ อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำอีกรอบนะปรายฟ้า" เขาไม่ตอบในสิ่งที่ถาม ยังคงเติมน้ำสีอำพันลงในแก้วใบเดิม ซัดมันเข้าปากอย่างไม่รู้สึกรู้สา ทำราวกับเป็นน้ำเปล่าที่ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่มีทางเมา "ไม่ค่ะ จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง" หญิงสาวยังคงดื้อดึง แต่แล้วต้องสะดุ้งเมื่อแววตาน่ากลัวตวัดมองมา "ผมอยากอยู่คนเดียว อย่ามาวุ่นวายจะได้มั้ย" "คุณปราย..." เขาว่าเธอกำลังวุ่นวายในชีวิตของเขามากเกินไป หัวใจดวงน้อยเจ็บแปลบราวถูกมีดเฉือนกับถ้อยคำตัดเยื่อใยที่เอ่ยออกมา เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้รู้สึกเจ็บปวดไปกับทุกถ้อยคำและการแสดงออกของเขา หรือนี่ที่เขาเรียกกันว่าความรัก เมื่อได้รักแล้วจึงไม่แปลกที่จะรู้สึกเจ็บปวด หญิงสาวลองถามใจตัวเองดู "ไม่ได้ยินรึไงว่าผมอยากอยู่คนเดียว อย่าทำตัวน่ารำคาญมากไปกว่านี้ จะไปไหนก็ไป!" ดวงตากลมโตสั่นระริก หญิงสาวพยายามฝืนกลั้นหยาดน้ำตาไม่ให้ไหลริน อันมาจากความเสียใจในท่าทีหมางเมินและผลักไส ราวกับไม่ใช่อารชวินคนเดิมที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป "คุณไล่ฟ้า...คุณไม่เคยเป็นแบบนี้ ทำไมคะ มีปัญหาอะไรทำไมเราถึงไม่คุยกัน" "....." 'ให้ตายสิปรายฟ้า เธอจะร้องไห้ออกมาทำไม' ชายหนุ่มขบกรามเข้าหากันพลางรีบเมินหน้าหนี เขาไม่อยากมองหน้าและสบกับแววตาน่าสงสารนั่นเลยสักนิด แววตาที่ทำให้หัวใจต้องอ่อนยวบ เขาจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความอ่อนโยนด้วยเธอไม่ใช่คนที่เขาสมควรจะรักอีกต่อไป "บอกมาสิคะ ฟ้าทำผิดอะไรคุณถึงทำเหมือนเกลียดกันขนาดนี้" ความอัดอั้นที่มาถึงจุดเดือด ทำให้เขาระเบิดเสียงออกมาดังลั่น "ก็เพราะเธอเป็น!..." แววตาแข็งกร้าวสั่นระริก ชายหนุ่มหยุดค้างเอาไว้แค่นั้นเมื่อคิดว่าไม่ควรพูดมันออกมา "ไปนอนซะ!" "......" "ไป! ไปเซ่!" เพล้ง! เสียงตวาดลั่นมาพร้อมกับแก้วในมือที่ถูกขว้างไปกระทบกับผนังจนแตกกระจาย ความตกใจทำให้หญิงสาวถอยกรูดทันที "คุณใจร้าย ใจร้ายที่สุด!" อมลรดาหันหลังกลับ ผลุนผลันจากไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบร่องแก้ม ท่ามกลางสายตาที่ฉายแววเจ็บปวดไม่ต่างกันที่มองตามไปจนลับสายตา "โธ่เว้ย!" น้ำตาของเธอกำลังทำให้เขาคลั่งจนบ้า วินาทีที่หันหลังจากหัวใจของเขากลับถูกกระชากออกไปด้วย ทิ้งไว้เพียงร่างที่ไร้วิญญาณของชายขี้เมา เขาคือชายขี้เมาที่มีเพื่อนแท้คือน้ำเหล้า เพราะมันช่วยให้เขาไม่ต้องรับรู้อะไรแม้จะช่วยได้แค่ชั่วคราวก็ตามที…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD