เมฆครึ้มลอยตามรถจิ๊บคันขาวตลอดทาง นี่ก็เย็นมากแล้วเธอคงต้องหาที่พักแถวนี้จริงๆ เสียแล้ว แต่โชคก็ไม่เข้าข้างคุณหมอสาวเสียเท่าไหร่ เมื่อฝนที่ทำท่าจะตกกลับเทลงมาอย่างแรง อากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้วยิ่งเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ สองข้างทางไม่มีบ้านคน มีเพียงต้นไม้ใหญ่เท่านั้น รถลานานๆ ทีจะขับมาตีตื่นคันของเธอแล้วก็แซงไป เธอได้แต่บังคับรถเอาไว้ไม่ให้ไปชนอะไรเสียก่อน เพราะความไม่ชำนาญทางด้วยส่วนหนึ่งและยิ่งฝนตกหนักแบบนี้แล้วละก็เธอต้องตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่กระจกหน้ารถจะเปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างจากแสงไฟรถอีกคันที่กำลังพุ่งเข้าหาจนเธอต้องหักพวงมาลัยรถหลบ...“อร้ายยยยยย” เสียงของคนมาใหม่ดังลั่น ทำเอาคนในบ้านที่กำลังนั่งย่อยหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จกรูเข้ามาดูกันใหญ่“แม่หนู ฟื้นแล้วเหรอ” ผกามาศเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงข้างฟูกที่เจ้าของเสียงร้องนอนอยู่“เป็นไงบ้างล่ะอิหนูเอ๊ย ปวดหัวมั้ย เมื่อคืนพ่อวีเขาไปเจอหนูอยู่ข้างทางน่ะเห็นหนูหมดสติเลยพากลับมาก่อน” หินผาเองก็เอ่ยถามเช่นกัน“เอ่อ...แล้วที่นี่ที่ไหนเหรอคะ...ปวดหัวจัง” มือเรียวยกกุมหน้าผากที่โนขึ้นเล็กน้อยอย่างอ่อนแรง“ไร่ชาของพ่อหนูมนเองค่ะ พี่สาวชื่ออะไรเหรอคะ เมื่อคืนคุณพ่ออุ้มพี่สาวขึ้นมาบนบ้านพี่สาวตัวเปียกเลย” ปริชมนตอบคำถามก่อนจะซักถามแถมเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอเห็นปฐวีผู้เป็นพ่อพาหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาบนบ้านด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอนทั้งคู่ตามประสาเด็ก ก่อนที่ผกามาศจะใช้ปิ่นมุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหญิงสาวผู้มาใหม่ หลังจากที่วานให้สาวใช้พาหลานสาวไปเข้านอน“หนูมน พี่เขายังไม่หายดีนะลูก ออกไปเล่นกับพี่ปิ่นก่อนไป” หินผาอดดุปริชมนมิได้ที่ช่างซักช่างถามเกินวัย ทั้งดีใจที่หลานสาวมีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กคนอื่นแต่ก็แอบปวดหัวอยู่บ่อยๆ ที่เธอรู้เรื่องมากเกินไป“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูชื่อหนูมนใช่มั้ยคะ พี่ชื่อฟ้านะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ปลายฟ้าเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเด็กหญิงหน้าเจื่อนลงแถมคอยังตกอีกต่างหาก ก็อดสงสารไม่ได้ที่โดนดุ“ใช่ค่ะหนูมนชื่อหนูมน หนูเป็นลูกพ่อวีค่ะ คนที่พาพี่ฟ้ามาที่นี่ไงคะ”“เหรอคะ แล้วพ่อวีของหนูมนอยู่ไหนเหรอคะ”“พ่อวีเขาไปทำงานแล้วล่ะแม่หนู ดีขึ้นก็ดีแล้วไปล้างหน้าล้างตาซะนะ ป้าทำกับข้าวเอาไว้เผื่อแล้ว”“ขอบคุณมากนะคะ”ไม่นานนักปลายฟ้าในชุดสำรองจากกระเป๋าข้างกระเป๋าแพทย์ของเธอก็เดินออกจากห้องมา ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นเหมือนเช่นความฝัน มันช่างสวยเกินกว่าจะเป็นความจริง พื้นที่สีเขียวสุดลูกหูลูกตาลาดยาวลงไปเป็นขั้นบันได ใบชาหลายใบถูกคนงานนับสิบก้มๆ เงยๆ เก็บใส่ตะกร้าสานสะพายหลัง ก่อนที่จะหันไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อจดจำภาพที่เห็นตรงหน้าเอาไว้ด้านล่างเยื้องไปทางซ้ายเป็นบ้านเล็กๆ อีกหนึ่งหลังแต่เมื่อมองเข้าไปทางหน้าต่างกลับเห็นตู้และเอกสารมากมายจนไม่เหลือที่ให้ได้หลับนอน 'สงสัยจะเป็นสำนักงานสินะ’ ไม่นานคุณหมอสาวก็เห็นชายร่างสูงคนหนึ่งเดินไปเดินมาภายในบ้าน ท่าทางเคร่งเครียดจนปลายฟ้าขมวดคิ้วงามตาม“คุณปวดหัวอยู่เหรอคะ” เสียงสำเนียงทางเหนือของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ปลายฟ้าหันไปมองทางเสียงพบหญิงสาววัยรุ่นยืนถือตะกร้าผ้าอยู่ ใบหน้ามอมแมมจากการเพิ่งทำงานบ้านเสร็จ อดให้ร่างโปร่งเอ็นดูหล่อนมิได้“อ่อเปล่าจ้ะ ดีขึ้นแล้ว เอ่อ...” ปลายฟ้าตอบอย่างจริงใจก่อนจะหันนิ้วมือไปทางบ้านทรงจั่วหลังเล็กอย่างสงสัย“อ่อ สำนักงานค่ะ ที่นี่เป็นไร่ชาน่ะค่ะคุณ พ่อเลี้ยงที่ช่วยคุณไว้เขาทำงานอยู่ที่นั่นแหละค่ะ”“ที่นี่กว้างใหญ่ดีจังเลยนะ”“ใช่ค่ะ พ่อเลี้ยงน่ะขยันมากเลยนะคะ ตอนแรกที่หนูมาอยู่ใหม่ๆ ยังเล็กกว่าครึ่งที่มีอยู่ตอนนี้อีกนะคะ...อื้มม คุณเป็นคนที่นี่เหรอคะ ทำไมหนูไม่คุ้นหน้าเลย”“อ่อเปล่าหรอก ชั้นมาจากกรุงเทพ ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลในอำเภอเมืองน่ะ พอดีวันหยุดก็เลยมาขับรถเที่ยว โชคร้ายไปหน่อยเลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”“ทำงานโรงพยาบาล?” ปิ่นมุกทำหน้าสงสัย จนคุณหมอสาวเอ็นดูกับท่าทางของเธอเพิ่มขึ้นอีก“จ๊ะ ชั้นเป็นหมอน่ะ...คุยกันมาตั้งนานชั้นยังไม่รู้ชื่อเธอเลยนะ”“อ่อเอ่อ หนูชื่อปิ่นค่ะ ปิ่นมุก”“ชั้นปลายฟ้านะ เรียกฟ้าเฉยๆ ก็ได้”“ค่ะหมอฟ้า”ข้าวต้มอุ่นๆ ถูกเป่าให้เย็นลงก่อนจะกลืนหายลงไปในกระเพาะที่ว่างเปล่าตั้งแต่เมื่อวานเย็นของคุณหมอสาวจนหมดเพียงไม่กี่ประโยคที่ได้พูดคุยกับปิ่นมุก กลับทำให้ปลายฟ้ารู้สึกเอ็นดูหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะการช่างพูดช่างถามของเธอล่ะมั้ง จะว่าไปก็ทำให้คิดถึงพี่ชายกับน้องสาวตัวแสบซะแล้วสิ“เอ่อปิ่นจ๊ะ แถวนี้ไม่มีสัญญาณเหรอ” คุณหมอสาวเอ่ยถามขณะที่ชูโทรศัพท์มือถือไปในทิศทางต่างๆ เพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์ที่เธอหามันมาเกือบสิบนาทีแล้ว“สัญญาณโทรศัพท์เหรอคะ อื้ม น่าจะมีแถวสำนักงานนะคะหมอฟ้า” เธอตอบออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก เพราะปกติเธอก็ไม่เคยใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอะไรอยู่แล้ว แต่เธอก็เคยเห็นผ่านๆ ว่าพ่อเลี้ยงเคยใช้โทรศัพท์ติดต่องานในสำนักงานอยู่บ้าง“ขอบใจมากจ้ะ”สำนักงานปฐวีที่กำลังยุ่งอยู่กับงานเอกสารมากมายตรงหน้า ที่ต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยในเร็ววัน จากที่ปวดหัวเพราะเมื่อคืนลุยฝนไปช่วยผู้หญิงคนนั้นแล้วลืมกินยาดักเอาไว้ ยังจะต้องมาปวดหัวเพราะงานกองเป็นภูเขาตรงหน้าอีกหลังจากจมกับกองเอกสารอยู่นาน สายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างสำนักงานของเขา ตอนแรกก็คิดว่าสิงขร ลูกน้องคนสนิทของเขาที่เป็นผู้ชาย แต่เมื่อหันไปมองอีกทีคนตรงนั้นกลับเป็นผู้หญิง“ใครอะ” ปฐวีตะโกนออกไปอย่างหัวเสียแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา จนเขาต้องเดินออกไปดูให้เห็นกับตาว่าใครกันที่ทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงานร่างโปร่งเดินหาสัญญาณโทรศัพท์ไปรอบๆ สำนักงาน พอขึ้นมาขีดหนึ่งสักพักก็หายเข้ากลีบเมฆไปอีก“นี่ใครอะ!!” ปฐวีส่งเสียงอีกครั้งเมื่อเดินเข้าไปใกล้ตัวการ เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับปลายเท้าของคุณหมอสาวที่สะดุดเข้ากับท่อนไม้ตรงพื้นดินจนเกือบจะหน้าคะมำลงพื้นมือหนาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก่อนที่มือหนาข้างหนึ่งจะคว้าต้นแขนของเธอไม่ให้ล้มลงไป จนแผ่นหลังของเธอชนเข้ากับแผงอกของเขาอย่างจัง แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาสะเทือนได้เป็นเธอเสีย