test bcca

4406 Words
เมฆครึ้มลอยตามรถจิ๊บคันขาวตลอดทาง นี่ก็เย็นมากแล้วเธอคงต้องหาที่พักแถวนี้จริงๆ เสียแล้ว แต่โชคก็ไม่เข้าข้างคุณหมอสาวเสียเท่าไหร่ เมื่อฝนที่ทำท่าจะตกกลับเทลงมาอย่างแรง อากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้วยิ่งเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ สองข้างทางไม่มีบ้านคน มีเพียงต้นไม้ใหญ่เท่านั้น รถลานานๆ ทีจะขับมาตีตื่นคันของเธอแล้วก็แซงไป เธอได้แต่บังคับรถเอาไว้ไม่ให้ไปชนอะไรเสียก่อน เพราะความไม่ชำนาญทางด้วยส่วนหนึ่งและยิ่งฝนตกหนักแบบนี้แล้วละก็เธอต้องตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่กระจกหน้ารถจะเปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างจากแสงไฟรถอีกคันที่กำลังพุ่งเข้าหาจนเธอต้องหักพวงมาลัยรถหลบ...“อร้ายยยยยย” เสียงของคนมาใหม่ดังลั่น ทำเอาคนในบ้านที่กำลังนั่งย่อยหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จกรูเข้ามาดูกันใหญ่“แม่หนู ฟื้นแล้วเหรอ” ผกามาศเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงข้างฟูกที่เจ้าของเสียงร้องนอนอยู่“เป็นไงบ้างล่ะอิหนูเอ๊ย ปวดหัวมั้ย เมื่อคืนพ่อวีเขาไปเจอหนูอยู่ข้างทางน่ะเห็นหนูหมดสติเลยพากลับมาก่อน” หินผาเองก็เอ่ยถามเช่นกัน“เอ่อ...แล้วที่นี่ที่ไหนเหรอคะ...ปวดหัวจัง” มือเรียวยกกุมหน้าผากที่โนขึ้นเล็กน้อยอย่างอ่อนแรง“ไร่ชาของพ่อหนูมนเองค่ะ พี่สาวชื่ออะไรเหรอคะ เมื่อคืนคุณพ่ออุ้มพี่สาวขึ้นมาบนบ้านพี่สาวตัวเปียกเลย” ปริชมนตอบคำถามก่อนจะซักถามแถมเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอเห็นปฐวีผู้เป็นพ่อพาหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาบนบ้านด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอนทั้งคู่ตามประสาเด็ก ก่อนที่ผกามาศจะใช้ปิ่นมุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหญิงสาวผู้มาใหม่ หลังจากที่วานให้สาวใช้พาหลานสาวไปเข้านอน“หนูมน พี่เขายังไม่หายดีนะลูก ออกไปเล่นกับพี่ปิ่นก่อนไป” หินผาอดดุปริชมนมิได้ที่ช่างซักช่างถามเกินวัย ทั้งดีใจที่หลานสาวมีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กคนอื่นแต่ก็แอบปวดหัวอยู่บ่อยๆ ที่เธอรู้เรื่องมากเกินไป“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูชื่อหนูมนใช่มั้ยคะ พี่ชื่อฟ้านะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ปลายฟ้าเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเด็กหญิงหน้าเจื่อนลงแถมคอยังตกอีกต่างหาก ก็อดสงสารไม่ได้ที่โดนดุ“ใช่ค่ะหนูมนชื่อหนูมน หนูเป็นลูกพ่อวีค่ะ คนที่พาพี่ฟ้ามาที่นี่ไงคะ”“เหรอคะ แล้วพ่อวีของหนูมนอยู่ไหนเหรอคะ”“พ่อวีเขาไปทำงานแล้วล่ะแม่หนู ดีขึ้นก็ดีแล้วไปล้างหน้าล้างตาซะนะ ป้าทำกับข้าวเอาไว้เผื่อแล้ว”“ขอบคุณมากนะคะ”ไม่นานนักปลายฟ้าในชุดสำรองจากกระเป๋าข้างกระเป๋าแพทย์ของเธอก็เดินออกจากห้องมา ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นเหมือนเช่นความฝัน มันช่างสวยเกินกว่าจะเป็นความจริง พื้นที่สีเขียวสุดลูกหูลูกตาลาดยาวลงไปเป็นขั้นบันได ใบชาหลายใบถูกคนงานนับสิบก้มๆ เงยๆ เก็บใส่ตะกร้าสานสะพายหลัง ก่อนที่จะหันไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อจดจำภาพที่เห็นตรงหน้าเอาไว้ด้านล่างเยื้องไปทางซ้ายเป็นบ้านเล็กๆ อีกหนึ่งหลังแต่เมื่อมองเข้าไปทางหน้าต่างกลับเห็นตู้และเอกสารมากมายจนไม่เหลือที่ให้ได้หลับนอน 'สงสัยจะเป็นสำนักงานสินะ’ ไม่นานคุณหมอสาวก็เห็นชายร่างสูงคนหนึ่งเดินไปเดินมาภายในบ้าน ท่าทางเคร่งเครียดจนปลายฟ้าขมวดคิ้วงามตาม“คุณปวดหัวอยู่เหรอคะ” เสียงสำเนียงทางเหนือของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ปลายฟ้าหันไปมองทางเสียงพบหญิงสาววัยรุ่นยืนถือตะกร้าผ้าอยู่ ใบหน้ามอมแมมจากการเพิ่งทำงานบ้านเสร็จ อดให้ร่างโปร่งเอ็นดูหล่อนมิได้“อ่อเปล่าจ้ะ ดีขึ้นแล้ว เอ่อ...” ปลายฟ้าตอบอย่างจริงใจก่อนจะหันนิ้วมือไปทางบ้านทรงจั่วหลังเล็กอย่างสงสัย“อ่อ สำนักงานค่ะ ที่นี่เป็นไร่ชาน่ะค่ะคุณ พ่อเลี้ยงที่ช่วยคุณไว้เขาทำงานอยู่ที่นั่นแหละค่ะ”“ที่นี่กว้างใหญ่ดีจังเลยนะ”“ใช่ค่ะ พ่อเลี้ยงน่ะขยันมากเลยนะคะ ตอนแรกที่หนูมาอยู่ใหม่ๆ ยังเล็กกว่าครึ่งที่มีอยู่ตอนนี้อีกนะคะ...อื้มม คุณเป็นคนที่นี่เหรอคะ ทำไมหนูไม่คุ้นหน้าเลย”“อ่อเปล่าหรอก ชั้นมาจากกรุงเทพ ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลในอำเภอเมืองน่ะ พอดีวันหยุดก็เลยมาขับรถเที่ยว โชคร้ายไปหน่อยเลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”“ทำงานโรงพยาบาล?” ปิ่นมุกทำหน้าสงสัย จนคุณหมอสาวเอ็นดูกับท่าทางของเธอเพิ่มขึ้นอีก“จ๊ะ ชั้นเป็นหมอน่ะ...คุยกันมาตั้งนานชั้นยังไม่รู้ชื่อเธอเลยนะ”“อ่อเอ่อ หนูชื่อปิ่นค่ะ ปิ่นมุก”“ชั้นปลายฟ้านะ เรียกฟ้าเฉยๆ ก็ได้”“ค่ะหมอฟ้า”ข้าวต้มอุ่นๆ ถูกเป่าให้เย็นลงก่อนจะกลืนหายลงไปในกระเพาะที่ว่างเปล่าตั้งแต่เมื่อวานเย็นของคุณหมอสาวจนหมดเพียงไม่กี่ประโยคที่ได้พูดคุยกับปิ่นมุก กลับทำให้ปลายฟ้ารู้สึกเอ็นดูหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะการช่างพูดช่างถามของเธอล่ะมั้ง จะว่าไปก็ทำให้คิดถึงพี่ชายกับน้องสาวตัวแสบซะแล้วสิ“เอ่อปิ่นจ๊ะ แถวนี้ไม่มีสัญญาณเหรอ” คุณหมอสาวเอ่ยถามขณะที่ชูโทรศัพท์มือถือไปในทิศทางต่างๆ เพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์ที่เธอหามันมาเกือบสิบนาทีแล้ว“สัญญาณโทรศัพท์เหรอคะ อื้ม น่าจะมีแถวสำนักงานนะคะหมอฟ้า” เธอตอบออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก เพราะปกติเธอก็ไม่เคยใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอะไรอยู่แล้ว แต่เธอก็เคยเห็นผ่านๆ ว่าพ่อเลี้ยงเคยใช้โทรศัพท์ติดต่องานในสำนักงานอยู่บ้าง“ขอบใจมากจ้ะ”สำนักงานปฐวีที่กำลังยุ่งอยู่กับงานเอกสารมากมายตรงหน้า ที่ต้องจัดการให้เสร็จเรียบร้อยในเร็ววัน จากที่ปวดหัวเพราะเมื่อคืนลุยฝนไปช่วยผู้หญิงคนนั้นแล้วลืมกินยาดักเอาไว้ ยังจะต้องมาปวดหัวเพราะงานกองเป็นภูเขาตรงหน้าอีกหลังจากจมกับกองเอกสารอยู่นาน สายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างสำนักงานของเขา ตอนแรกก็คิดว่าสิงขร ลูกน้องคนสนิทของเขาที่เป็นผู้ชาย แต่เมื่อหันไปมองอีกทีคนตรงนั้นกลับเป็นผู้หญิง“ใครอะ” ปฐวีตะโกนออกไปอย่างหัวเสียแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา จนเขาต้องเดินออกไปดูให้เห็นกับตาว่าใครกันที่ทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงานร่างโปร่งเดินหาสัญญาณโทรศัพท์ไปรอบๆ สำนักงาน พอขึ้นมาขีดหนึ่งสักพักก็หายเข้ากลีบเมฆไปอีก“นี่ใครอะ!!” ปฐวีส่งเสียงอีกครั้งเมื่อเดินเข้าไปใกล้ตัวการ เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับปลายเท้าของคุณหมอสาวที่สะดุดเข้ากับท่อนไม้ตรงพื้นดินจนเกือบจะหน้าคะมำลงพื้นมือหนาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก่อนที่มือหนาข้างหนึ่งจะคว้าต้นแขนของเธอไม่ให้ล้มลงไป จนแผ่นหลังของเธอชนเข้ากับแผงอกของเขาอย่างจัง แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาสะเทือนได้เป็นเธอเสียเองที่เกือบจะหน้าทิ่มลงไปอีกครั้ง คราวนี้มือหนาไม่เพียงคว้าต้นแขนเอาไว้แต่กลับโอบไปถือไหล่อีกข้าง ทำให้หล่อนหมุนตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมอกเขาอย่างช่วยไม่ได้คนโดนกระทำยังอึ้งไม่หายนึกว่าจะต้องล้มหน้าคลุกดินไปเสียแล้ว แต่กลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้อีก ส่วนคนกระทำก็ตกใจไม่แพ้กันที่เหตุการณ์มันออกมาเป็นแบบนี้ ก่อนจะผละคนในอ้อมกอดออกและทำหน้าเรียบใส่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“คุณ! คุณมาทำอะไรที่นี่” เขาเอ่ยออกมาอย่างหัวเสียที่เธอน่าจะนอนพักอยู่บนบ้านของเขา มากกว่าจะลงมาทำตัวลับๆ ล่อๆ ที่นี่หญิงสาวในชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่เกินตัวกับกางเกงผ้ายืดสีเทา ใบหน้าใสที่ตอนแรกเจอเขาว่าละม้ายคล้ายคนรักเก่าในตอนนี้กลับแค่เหมือนบางมุมเท่านั้น ผมสีน้ำตาลเข้มถูกมัดอย่างลวกๆ ไว้ตรงท้ายทอย“คุณคือพ่อเลี้ยงที่ช่วยชั้นไว้เมื่อคืนใช่มั้ยคะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วย” ปลายฟ้านึกอยากตวาดกลับไปเหมือนกันที่มีใครก็ไม่รู้มาขึ้นเสียงใส่ แต่เมื่อเงยหน้ามองและประมวลผลดูแล้วต้องเป็นเขาแน่ๆแม้ว่าเธอจะตัวโปร่งสูงกว่ามาตรฐานผู้หญิงทั่วไปแล้วแต่ณ เวลานี้คนตรงหน้ากลับสูงใหญ่เกินไปจนเธอต้องแหงนคอคุย หัวของคุณหมอสาวที่ยังโนอยู่เล็กน้อยอยู่เพียงแค่ระดับไหล่ของเขาเท่านั้นชายหนุ่มในชุดทำงานประจำในทุกๆ วัน เพียงแค่เสื้อยืดที่ถูกทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อตกับกางเกงยีนสีเข้ม ทรงผมที่ไม่ได้ถูกจัดทรงเพียงเช็ดให้หมาดๆ หลังจากสระเสร็จ ตาคมเข้ม หนวดเคราที่รำไรรอบปากหนา ใบหน้าที่แม้จะมีริ้วรอยไปบ้างตามประสาคนอายุสามสิบกว่าแต่ก็ยังคงหล่อเหลาเอาการ อย่างที่เขาว่า ผู้ชายยิ่งมีอายุยิ่งดูดี“ใช่ ผมเอง แล้วคุณจะตอบผมได้รึยังว่ามาทำอะไรที่นี่ ทำไมไม่พักอยู่บนบ้าน”“เอ่อ คือชั้นอยากโทรศัพท์น่ะค่ะ ปิ่นบอกว่าที่สำนักงานน่าจะมีสัญญาณชั้นก็เลย...”“มีแต่ต้องใช้โทรศัพท์อันนั้นถึงจะโทรติด” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ก่อนจะหันหน้าไปทางโต๊ะทำงานของเขาที่มีโทรศัพท์ตั้งโต๊ะวางอยู่“ขอชั้นใช้ได้มั้ยคะ”“เอาสิ ตามสบาย”“ขอบคุณค่ะ”หลังจากได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของปลายฟ้าก็ไม่รีรอรีบเข้าไปกดเบอร์โทรศัพท์ของม่านหมอกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางสายหลังจากคุยกันได้ไม่นาน เธอก็ใช้มือเรียวกดไปที่ปุ่มเลขอีกครั้ง“ฮัลโหลพี่เมฆ คิดถึงจังเลย”ปฐวีที่เดินตามเข้ามาทีหลังได้ยินเข้าพอดี ‘เมฆงั้นเหรอ แฟนสินะ’ เมื่อคืนตอนที่เขาอุ้มเธอเข้าบ้านก็ได้ยินเธอเพ้อเรื่องชื่อนี้“ขอบคุณมากนะคะพ่อเลี้ยง ที่ให้ใช้โทรศัพท์” เมื่อพินิจพิจารณาดูแล้วชายตรงหน้าอายุอนามคงจะยังไม่มากเท่าไหร่ แต่จากคำให้การของปิ่นมุกแล้วพ่อเลี้ยงคนนี้ก็น่าจะเก่งพอตัว“ไม่เป็นไรแค่นี้เอง แล้วนี่อาการดีขึ้นแล้วเหรอคุณ...”“ฟ้าค่ะ ชั้นชื่อปลายฟ้า ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ ได้ข้าวต้มร้อนๆ ของป้ามาศก็ดีขึ้นมากเลยค่ะ” คุณหมอสาวเอ่ยก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ อย่างที่เคยทำ ถึงแม้ปกติเวลาไม่ยิ้มจะดูเป็นคนหยิ่ง มั่นใจในตัวเองอย่างที่ใครๆ บอกก็เถอะ แต่เมื่อยามที่เธอสบายใจมีความสุขการได้ยิ้มมันก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อตัวเธอเองและคนที่ได้เห็น เช่นเดียวกับชายตรงหน้าเธอที่ตอนนี้สายตาของเขามองรอยยิ้มของเธอก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเช่นกัน ‘ยิ้มเหมือนกันจัง’“ดีขึ้นก็ดี คุณคงต้องอยู่ที่นี่สักพักนะ เมื่อคืนฝนตกแรงมากน้ำท่วมถนนขาดกว่าจะซ่อมเสร็จเกือบเดือนน่ะ”“ตายแล้ว หนักขนาดนั้นเลยเหรอ ชั้นหยุดงานแค่สามวันสิคะ วันนี้วันสุดท้ายแล้วด้วย เอ่องั้นชั้นขอใช้โทรศัพท์อีกครั้งนะคะ” ปลายฟ้าไม่รอคำตอบ มือเรียวยกหูโทรศัพท์ขึ้นก่อนกดปุ่มเลขตามเบอร์ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์“มิ้ม นี่หมอฟ้าเองนะ พอดีเกิดเหตุนิดหน่อยน่ะ ชั้นจะกลับไปทำงานอีกสามสี่อาทิตย์นะ...เอ่อไม่มีอะไรพอดีที่บ้านมีปัญหาน่ะ ต้องกลับไปดู ฝากลาหมอวิตกับหมอแป้งด้วยนะ ขอบใจจ้ะ” เพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วงจึงได้โกหกไปอย่างนั้น“คุณเป็นหมอเหรอ” ปฐวีที่ได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบจำใจความได้นิดหน่อย เนื่องจากหญิงสาวพูดเร็วกว่าเมื่อครู่มาก จนเขาฟังแทบไม่ทัน“ค่ะ ชั้นเป็นหมออยู่โรงพยาบาลในอำเภอเมือง”“มิน่าถึงมีกล่องปฐมพยาบาลอยู่ในรถ ผมต้องขอโทษนะที่ถือวิสาสะหยิบมันออกมา กระเป๋าเสื้อผ้าคุณด้วย”“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วก็นั่นเขาเรียกกระเป๋าแพทย์เครื่องที่ไม่ใช่กล่องปฐมพยาบาลค่ะพ่อเลี้ยง”“ผมจะไปรู้เหรอ ผมไม่ใช่หมอแบบคุณนะ อ้อเรื่องรถคุณน่ะผมให้คนไปขับมาไว้ที่หน้าไร่แล้วนะ”“ขอบคุณมากอีกครั้งนะคะพ่อเลี้ยง ยังไงชั้นขอรบกวนคุณ ขออยู่ที่นี่สักสองอาทิตย์นะคะ”“ไม่รบกวนหรอก เพราะผมจะไม่ให้คุณอยู่เฉยๆ แน่ คุณจะต้องทำงานแลกข้าวแลกที่นอน”“ห้ะ!? ทำงานแลกข้าว คุณจะให้ชั้นทำงานอะไร” ปลายฟ้าหวาดกลัวกับรอยยิ้มที่เขาส่งให้เสียจริง“ใช่ คุณจะทำอะไรอะเดินแบบมั้ยในไร่ชาเนี่ย” เขาเย้าไปทีแม้เขาจะเป็นกันเองกับลูกน้องแต่ก็ไม่ใช่กับทุกคนเสียเมื่อไหร่ และยิ่งว่าที่ลูกน้องคนใหม่อย่างคุณหมอสาวตรงหน้าแล้วเนี่ยต้องเอาความกวนเข้าสู้ความมั่นที่ฉายแววออกมาพร้อมๆ กับความสดใสของเธอ“ชั้นนึกว่าคุณจะใจดีซะอีก ที่ไหนได้...”“ทำไม จะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำคุณก็ต้องไปหาที่นอนที่อื่นน้า จะมาอยู่กันฟรีๆ ไม่ได้หรอกนะคุณ”“ก็ได้ๆ คุณจะให้ชั้นทำอะไรว่ามา” ร่างโปร่งตอบรับอย่างหัวเสีย กับอาการหน้ามือเป็นหลังมือของพ่อเลี้ยงตรงหน้า“มาเป็นคนงานในไร่ผมจนกว่าถนนจะซ่อมเสร็จ เริ่มงานพรุ่งนี้ ดีล?”“ดีล!” เมื่อไม่มีทางเลือกเธอจึงตอบรับไปแต่โดยดี จากคุณหมอสาวในโรงพยาบาลกลับต้องมาเป็นคนงานในไร่ชาแทน ‘ชีวิตเล่นตลกอะไรกับชั้นเนี่ย’ สำนักงานแม้งานจะกองเป็นพะเนินอยู่ตรงหน้า แต่คนทำกลับไม่มีสมาธิอยู่กับมัน รอยยิ้มของหญิงสาวที่คล้ายกับคนรักเก่าเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัว ปฐวีเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึง แต่ก็ต้องส่ายหัวสลัดความคิดนั้นออกไปอย่างไม่ไยดี เพราะตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะไม่มองหญิงใดอีก แม้ดอกไม้จะร่วงโรยแต่เขาจะเป็นผืนดินที่ยืนหยัดไม่ยอมให้รากของต้นใดมากทับที่แม่ของลูกเขาได้ แม้ใบหน้าคุณหมอสาวที่ดูหยิ่งเวลาทำหน้านิ่งๆ แต่ยามยิ้มแล้วจะทำให้ใจที่เคยปิดตายเกือบละลายแล้วก็ตามสิงขรเดินนำพาคนงานใหม่ไปตามที่ต่างๆ ทั่วไร่ จนตะวันอยู่กลางหัวเลยพากลับมาที่โรงอาหารอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไปตักข้าวจากถาดอาหารที่เตรียมเอาไว้ให้คนงานสองสามอย่าง โดยแม่ครัวเก่าแก่“อิหนูคนนี้ บ่เกยหัน มาใหม่ก่ออิหนูเอ๊ย”“จ้ะ ใช่จ้ะ” ปลายฟ้าตอบขณะที่ยื่นจานข้าวให้คนถามตักแกงโฮะให้“งามแท้เนอะ บ่ใช่คนที่นี่กา”“จ้ะ ชั้นมาจากกรุงเทพน่ะ”“จริงเหรอ กรุงเทพมันไกลมากเลยนะ”“ใช่ๆ ชั้นได้ยินแต่คนใหญ่คนโตเขาพูดกันไม่เคยเห็นเลย สวยมากมั้ยอะเธอกรุงเทพน่ะ”“ก็...สวยนะ” คนงานใหม่โดนรุม จนตอบไม่ถูกจากแค่แม่ครัวคนเดียว เพิ่มเป็นคนงานอีกสอง สามและมาจากไหนอีกไม่รู้จนเธออยู่ในวงล้อม“เอ้าๆ มุงอะไรกันนั่น ไม่รีบกินข้าวกินปลากันรึไง” เสียงเข้มดังมาจากทางด้านหน้าโรงอาหาร ก่อนที่สาวๆ รอบตัวจะพากันสลายหายไปเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหลือเพียงแม่ครัวและปลายฟ้าที่ยังคงถือถาดอยู่“คนงานใหม่เหรอจ๊ะน้องสาว” ชายอีกคนเอ่ยขึ้น จากสามคนที่เดินเรียงหน้ากระดานกันมาจนกินพื้นที่ทางเดิน“สวยดีนี่หว่า” คนตรงกลางสบถ“ไม่เข้าใจตรงไหน ส่วนไหน ถามพี่ได้นะจ๊ะน้องสาว” ชายเสียงเข้มคนแรกเอ่ยอย่าชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับไล่มองร่างโปร่งด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ ดูจากสายตาแล้วนั้น ตรงไหน ส่วนไหน คงไม่ได้หมายถึงงานในไร่ แต่หมายถึงสาวตรงหน้าเป็นแน่“เอ่อ สวัสดีครับคุณปฐพี นึกยังไงมาที่ไร่ได้ครับเนี่ย” สิงขรเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกจากโต๊ะที่เพิ่งนั่งไปกินข้าวได้ไม่กี่คำ เดินมาแทรกระหว่างหนุ่มสาว“ทำไมวะไอ้สิง นายข้าจะมาหรือไม่มาต้องมีเหตุอะไรด้วยเหรอวะ ห้ะไอ้เข้ม” คนตอบหันไปหาพวกกับคนชื่อเข้มที่เสียงเข้มตามชื่อ“นั้นดิไอ้ศักดิ์ หลบไปเลยไอ้สิง”“อย่ามีเรื่องกันเลยนะจ๊ะ” หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“พอๆ ไอ้สองตัวนี้ เราไม่ได้มาหาเรื่องใคร แค่จะแวะมาดูตามประสาคนที่ติดกันน่ะ” คนเป็นนายเอ่ยทัก ก่อนจะเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำที่มีชายเสื้อเชิ้ตสีเขียวมิ้นยัดเอาไว้อยู่ความสูงของชายตรงหน้าพอๆ กับสิงขร ต่างจากลูกน้องทั้งสองที่เตี้ยกว่าหน่อยแต่ก็ยังถึงว่าสูงตามมาตรฐานชายไทย ผมที่ถูกเชตอย่างดีกับใบหน้าที่จะว่าเหมือนก็ไม่ใช่ต่างก็ไม่เชิงกับพ่อเลี้ยงเจ้าของไร่ของเธอ“เธอเพิ่งมาทำงานใหม่เหรอ ชั้นไม่เคยเห็นหน้า” ชายตรงหน้าเอ่ยถามอีกครั้ง“ค่ะ”“ชั้นปฐพีนะ ถ้าอยากทำงานสบายๆ ก็บอกชั้นได้ รีสอร์ตชั้นอยู่ข้างไร่นี่เอง”“ปฐพี? ชื่อคล้ายพ่อเลี้ยงจัง ปฐพี ปฐวี”ความจริงปลายฟ้าก็เพิ่งรู้จากสิงขรตอนที่เขาสอนงานในไร่เมื่อครู่ว่า พ่อเลี้ยงมีชื่อว่า ปฐวี‘เอ่อ พ่อเลี้ยงชื่ออะไรนะจ๊ะพี่สิง’‘วี ปฐวี นี่มาสมัครงานยังไงเนี่ยไม่รู้ชื่อเจ้าของไร่’เมื่อโดนถามปลายฟ้าก็ได้แต่ขำกลบเกลื่อนไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่องอื่น หลังจากที่รู้ว่าสิงขรอายุมากกว่าเธอสองปีเขาขึงให้เธอเรียกว่าพี่สิง ตามคนงานในไร่ที่อายุน้อยกว่าคุณหมอสาวเอ่ยอย่างเบาแต่ก็มิวายเข้าหูลูกน้องของปฐพีอย่างนายศักดิ์“จะไม่ให้คล้ายได้ยังไงล่ะจ๊ะสาวน้อย ก็เขาเป็นพี่น้องกัน”“คนละแม่” เสียงคุ้นเคยเอ่ยขึ้น ก่อนที่เจอของเสียงจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอและหลังกลับไปประจันหน้ากับ น้องต่างแม่“อ้าว พี่วี ปกติไม่เห็นลงมาที่นี่ ฝนท่าจะตกซะมั้ง” ปฐพีเอ่ยทักพี่ชายต่างมารดา“แล้วแกล่ะมาทำไม จะมาสอยคนงานในไร่ชั้นไปอีกเหรอ”“โถ พี่ก็พูดเกินไป ผมแค่แวะมาดูเฉยๆ ว่าจะพอมีที่ให้ขยายรีสอร์ตรึเปล่า”“ไม่มี ชั้นบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าชั้นไม่ขาย กลับไปได้แล้ว”“ค้าบ ค้าบบ พี่ไว้ผมมาเยี่ยมใหม่นะ อ้อ...หวังว่าคราวหน้าพี่จะเปลี่ยนใจ” ปฐพีพูดก่อนจะยิ้มให้พี่ชายไปทีหลายต่อหลายครั้งที่ได้รับคำปฏิเสธ แต่น้องชายคนนี้ก็ไม่ลดละความพยายามที่อยากจะได้ที่ดินของเขา แถมยังชอบชักชวนคนงานในไร่ที่หวังอยากจะสบายให้ไปทำงานที่รีสอร์ตอีก บางคนก็ไปแล้วไปลับ แต่บางคนไปไม่นานก็กลับมาซบอกเขาดังเดิม ด้วยความที่ไม่สบายอย่างที่คิดบ้างล่ะ โดนกดขี่จากรุ่นพี่บ้างล่ะปฐวีรู้ดีว่าน้องชายคนนี้เป็นคนหัวดื้อ เอาแต่ใจตัวเอาเป็นที่ตั้ง เพราะโดนให้ท้ายมาตั้งแต่เด็กๆ หลังจากที่พ่อกับแม่เลี้ยงของเขาเสียชีวิต แถมยังชอบกวนประสาท นานทีปีหนพี่น้องถึงจะคุยกันดีๆ แทบนับครั้งได้พอเรียนจบปริญญาโท บริหารที่ต่างประเทศปฐพีก็เริ่มสร้างรีสอร์ตในจังหวัดแม่ฮ่องสอนในพื้นที่ที่ได้รับมรดกมาจากผู้เป็นพ่ออย่างพิภพ ที่ท่านเคยซื้อเอาไว้ติดกับที่ของตระกูลทรายขวัญแม่ของปฐวี ภรรยาคนแรกของท่าน“เอ่อ ว่างๆ ไปเยี่ยมปู่บ้างนะพี่ นานๆ ทีแกจะบ่นคิดถึงพี่น่ะ ผมไปนะ” เดินยังไม่ทันพ้นหลังคาปฐพีก็นึกขึ้นได้ ก่อนจะหันมาบอกถึงเรื่องที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่และหันหลังเดินต่อไป โดยมีลูกกะจ๊อกทั้งสองตามผู้เป็นนายไปติดๆ คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่นึกถึงสาเท่าไหร่นักเนื่องด้วยพิศาลผู้มีศักดิ์เป็นปู่ของทั้งสองชรามากแล้ว ด้วยความที่หนุ่มๆ ท่านทำงานไม่หยุด ขยันหาเงิน เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียจนมีธุรกิจโรงแรมใหญ่โตหลายที่ ใช้ทั้งแรงกายแรงใจจนทำให้ร่างกายทรุดโทรมไปมาก ที่ตอนนี้ท่านพักร่างกายอยู่ที่รีสอร์ตของปฐพีข้างๆ ไร่ชาของเขาแต่ถึงที่จะติดกัน กว่าจะเดิทางไปถึงบ้านพักของพิศาลก็ใช่เวลาพอสมควร กว่าจะออกจากไร่เขากว่าจะไปถึงรีสอร์ตและยังต้องเข้าไปอีกหลายกิโลกว่าจะถึงบ้านพักอีกแม้ปฐวีจะเคยถูกเลี้ยงดูมาโดยพิศาล แต่ก็เป็นเพียงตอนเด็กๆ เท่านั้น เพราะเมื่อเขาอายุสิบหกก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับพ่อและแม่เลี้ยงของเขา จนหินผาผู้เป็นลุงต้องขอเอามาเลี้ยงดูแทน และด้วยความที่ท่านจะเป็นคนประเภทพูดน้อย ระเบียบจัดอารมณ์ดีก็ดีใจหาย แต่พอร้ายก็ตัวใครตัวมันจึงทำให้เมื่อหลานๆ โตมาแล้วไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับท่านเท่าที่ควร“คุณ...คุณ”“ห้ะ คะ มีอะไร”“ป้าให้มาชวนคุณไปทานข้าวเย็น”“อ้าว แค่นี้อะนะคุณ” เมื่อเห็นปฐวีทำท่าจะเดินกลับจึงร้องทัก“อืม” ไม่พูดเปล่า เท้าสองข้างทำหน้าที่อย่างดีก่อนเดินออกจากโรงอาหารไป ถ้าเป็นวันปกติในเวลาอาหารกลางวันแบบนี้ เขาคงจะอยู่ทานข้าวในสำนักงาน แต่เพราะผกามาศไหว้วาน คะยั้นคะยอให้มาชวนคุณหมอสาวไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้าน จึงต้องจำใจเดินมาจนได้มาเจอน้องชายตัวแสบที่แม้อายุจะปาเข้าไปเกือบสามสิบแล้วก็ยังกวนประสาทเขาไม่เลิกไม่นานปลายฟ้าก็ทานกลางวันเสร็จ พอๆ กับสิงขร เขาจึงอาสาสอนงานเธอคร่าวๆ เริ่มจากเรื่องการขยายพันธุ์ชาในไร่พฤกษ์พิรุณเป็นอันดับแรก“ต้นชาในไร่ของเราเนี่ย จะขยายพันธุ์โดยการติดตาต่อกิ่ง เพื่อให้ต้นมันแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดีด้วย แถมยังช่วยแก้ปัญหาจากวิธีแบบปักชำด้วยนะ เพราะการทำแบบนั้นมันจะไม่มีรากแก้ว...” พี่เลี้ยงจำเป็นอธิบายไปด้วยเดินไปด้วย โดยมีคนงานใหม่เดินตามพร้อมประมวลข้อมูลเก็บเอาไว้ในสมองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เรื่องอื่นๆ มากมายที่เธอต้องเรียนรู้จะทาโถมเข้ามาอย่างเต็มพิกัดจากลูกน้องคนสนิทของเจ้าของไร่ดวงตะวันบนฟากฟ้าก็คล้อยลงเรื่อยๆ บอกเวลาเลิกงาน สิงขรจึงขอปลีกตัวออกเพื่อกลับไปตรวจดูงานอีกสักรอบก่อนที่ฟ้าจะมืดไปกว่านี้จะว่าไปไม่ใช่วันนี้สินะที่เธอจะได้เริ่มทำงาน เพราะกว่าจะสอน เรียนรู้เรื่องต่างๆ ในไร่ก็ปาไปหลายชั่วโมงแล้ว พรุ่งนี้แหละคือการทำงานแลกข้าววันแรก ‘คืนนี้ต้องรีบเข้านอนเก็บแรงไว้ลุยงานต่อพรุ่งนี้ สู้โว้ย!!’“จริงสิ คุณป้านัดกินข้าวเย็นนี่นา” เพราะเรื่องราวมากมายเข้าหัวสมองอันปราดเปรื่องอย่างรวดเร็วจนเกือบลืมนัดที่เจ้าของไร่อย่างปฐวีถ่อสังขารมาบอกเธอถึงที่ร่างโปร่งเดินกลับไปยังบ้านพักคนงานอีกฟากเพื่อทำการอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ แม้จะยังไม่ได้เริ่มงาน แต่การทัวร์รอบไร่วันนี้ก็เล่นเอาเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เกรงว่าถ้าไปในสภาพนี้คงจะกลบกลิ่นอาหารอันหอมฉุยเป็นกลิ่นเหงื่อเหม็นฉึ่งจนกระเดือกข้าวกันไม่ลงเป็นแน่  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD