chapter one
Chapter 2 ห้องอาหารอาหารมากมายละลานตาถูกยกมาวางโดยสองสาวของบ้านอย่าง เอมิกาและม่านหมอก หนุ่มๆเองก็ช่วยเคลื่อนย้ายบางส่วนให้ถูกที่ถูกทาง ก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งห้าจะลงมือรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีหนูน้อยอีกสามคนนั่งอยู่ข้างๆพ่อแม่ของตัวเอง“เอ่อ...ทุกคนคะ” ปลายฟ้าเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นว่าพี่ๆน้องๆเริ่มทานกันจนอิ่มแล้ว“ว่าไงฟ้า” เมฆาเอ่ยตอบกลับและเป็นคำถามไปในตัว“คือว่าฟ้าต้องไปทำงานที่แม่ฮ่องสอน พอดีหมอที่นั่นเขาลาออกน่ะค่ะ อาจารย์หมอเลยให้ฟ้าไปช่วย”“ไปอยู่นานมั้ยอะพี่ฟ้า”“สักพักหนึ่งแหละหมอก พี่ก็ยังไม่แน่ใจ ถ้าเขาหาคนมาแทนได้พี่ก็กลับ” ปลายฟ้าเอ่ยตอบไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครมาทำหน้าที่นี่แทนเธอได้เมื่อไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์หมอขอร้องเธอมาให้ไปแทนเพื่อนหมอที่เคยเรียนด้วยกันอย่าง ยุวนันท์ เธอก็คงไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะย้ายไปทำงานห่างบ้านให้คิดถึงพี่ๆน้องๆเล่นหรอก ถึงแม้ภายนอกเธอจะดูมั่นใจแค่ไหน แต่ถ้าเอาเข้าจริงๆเธอก็แอบหวั่นใจไม่ได้ หรือที่เขาเรียกกันว่า แข็งนอกอ่อนใน นั่นแหละ“ไปวันไหนล่ะจ๊ะฟ้า” เอมิกาที่นั่งฟังสามพี่น้องเมื่อครู่อยู่เอ่ยถาม“อาทิตย์หน้าค่ะ”“ห้ะ อาทิตย์หน้า เร็วไปมั้ยเนี่ยฟ้า”“ก็ที่นู่นเขาขาดหมอนี่ไอ้เมฆ คนป่วยมาจะทำยังไง” อาทิตย์เอ่ยตอบ“เออว่ะ ข้าลืม ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกันนะฟ้า มีอะไรอะโทรมาเลยนะพี่จะรีบบินไปหา” เมฆาเอ่ยอย่างเป็นห่วง เขาสามารถทำอย่างที่พูดได้ก็เพราะเขาและภรรยาสาวไม่ต้องบินไปมาระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาบ่อยๆแล้ว นานทีปีหนถึงจะบินไปเยี่ยมเพื่อนอย่าง ทินกร และร้านของพวกเขาที เนื่องจากสองสามีภรรยาได้ตัดสินใจเปิดร้านอาหารไทยของเขาเอง โดยที่เมฆาและเอมิกาต่างตั้งใจลงทั้งทุนลงทั้งแรงไปกับมัน และก็ได้ผลตอบรับดีเกินคาด แม้จะยังเปิดกิจการได้ไม่ถึงปี“ขนาดนั้นเลยนะพี่เมฆ”“ไม่ได้หรอกหมอก พี่สาวเธอไปอยู่ไกลหูไกลตา เดี๋ยวหนุ่มๆมาจีบจะทำยังไง”“งั้นก็ตามไปเฝ้าเลยสิ”“อ้าวฟ้าอย่าท้านะ พี่ไปจริงนา”“โอ้ยยย พอเลยพี่เมฆ ขืนพี่ไปนะฟ้าได้ตรวจแค่คนไข้ผู้หญิงแน่ ไม่เอาอะพี่อยู่นี่เล่นกับลูกไปเถอะ”“เออ พี่ก็ว่างั้น ถ้าเอ็งไปฟ้าคงไม่ได้ทำงานทำการแหละวะ” อาทิตย์เสริม“ก็ได้ๆ แต่...”“อย่าเพิ่งมีแฟนนะ เข้าใจมั้ย!” สองสาวพี่น้องประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมาย กับประโยคพี่ชายขี้หวงมักที่จะพูดกับพวกเธอมาตั้งแต่ตอนสมัยเรียน “แหม่ ดีใจจังยังจำกันได้” เมฆาพูดอย่างภาคภูมิใจที่คอยพร่ำบอกกรอกหูน้องสาวทั้งสองมานานหลายปี “เมฆก็...เพลาๆลงได้แล้วหน่า ฟ้าเขาดูแลตัวเองได้แล้วนะ หวงน้องเป็นเด็กไปได้” เอมิกาอดที่จะห้ามปลามสามีมิได้ “เออ ไหนเอ็งบอกกลัวพ่อตาลูกเอ็งไม่ยกลูกสาวเขาให้ไง หวงน้องนุ่งมากๆเดี๋ยวไม่ได้อุ้มหลานนะเว้ย” อาทิตย์เสริม เขายังจำได้ดีในวันที่บอกเพื่อนรักว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับม่านหมอก แต่เมฆากลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แถมยังรู้อยู่แล้วด้วยว่าทั้งสองคนจะต้องรักกันแน่ “โอ้ย พอๆข้าแค่ดีใจที่ฟ้ากับหมอกจำได้เว้ย ไม่ได้จะแต่...เรื่องนั้นสักหน่อย”“อ้าว” คราวนี้เสียงประสานกลายเป็นสี่“พี่จะบอกว่าแต่ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ พี่เป็นห่วง” เมฆาพูดก่อนเอื้อมมือไปจับหัวน้องสาวคนโตก่อนจับมันส่ายไปมาอย่างเอ็นดู ทำเอาสมาชิกในบ้านยิ้มไปตามๆกันกับความห่วงใยที่พี่ชายมีต่อน้องสาว ถึงแม้จะเห็นกันอยู่บ่อยครั้งแต่พวกเขาก็มิเบื่อที่จะแสดงออกถึงความรักที่มีให้กัน อย่างเช่นตอนเด็กๆที่นภารัตน์และภาคิน พ่อแม่ของพวกเขาคอยสอนเสมอว่าให้ทั้งสามคนรักกัน ‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่น้องก็จะไม่ทิ้งกัน จำไว้นะลูก’ สนามบินแม่ฮ่องสอนปลายฟ้าลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ใบหน้างามที่มีเครื่องสำอางบางๆทาอยู่บนหน้า ปากเล็กถูกทับด้วยลิปทินท์สีส้ม พวงแก้มแดงระเรื่อด้วยสีของบลัชออนที่คุณหมอสาวปัดมันไว้บนแก้มเบาๆก่อนออกจากบ้าน จั๊มสูทแขนกุดสีแดงเลือดนกนั้นได้ปกปิดเรือนร่างอรชรของสาวเจ้าไว้มิให้ผู้ใดเชยชมความงามไปมากกว่านี้ แล้วยิ่งบวกกับผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่ถูกหนีบให้ตรงยาวยิ่งทำให้เธอดูสวยมั่นเป็นไหนๆระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆในเครื่องบินที่แต่ละคนก็จะทำกิจกรรมของตัวเองไป บ้างก็ฟังเพลง บ้างก็ดูหนัง บ้างก็ใช้เวลาไปกับการพักผ่อน หลับใหล แต่กับคุณหมอสาวกลับไม่ใช่อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เธอรู้สึกกังวลใจ แม้จะปลอบตัวเองว่าไม่เป็นอะไรก็เถอะ เธอแค่กังวลว่าจะเจอกับอะไรที่รออยู่บนทางข้างหน้า...ทางที่เธอไม่ได้เลือกไม่น่านักที่สาวเจ้ายืนรออยู่ตรงทางออกของสนามบิน คุณหมอสาวเห็นชายหนุ่ม ที่อายุน่าจะอ่อนกว่าเธอหน่อยเดินมาแต่ไกล ต้องใช่เขาแน่ๆร่างโปร่งหยิบรูปในกระเป๋าถือคู่ใจออกมาดูอีกรอบ หลังจากใส่มันไว้ในกระเป๋าตั้งแต่ตอนที่ได้รับมา ‘เอานี่ หมอวิศรุตเขาจะไปรับคุณตอนไปถึงสนามบิน’‘หมอวิศรุต ค่ะขอบคุณค่ะอาจารย์’วิศรุต คุณหมอหนุ่มเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของโรงพยาบาลในอำเภอเมือง เขาเองก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เกรียงไกร เช่นเดียวกับคุณหมอสาวที่เพิ่งมาใหม่ แต่เพราะครอบครัวเขาอยู่ที่นี่จึงจำเป็นจะต้องกลับมาทำงานใกล้บ้าน มิได้เป็นหมอในเมืองกรุงอย่างที่เคยวาดฝัน“เอ่อขอโทษนะครับ หมอปลายฟ้าใช่มั้ย” เขาถามขึ้น เมื่อเดินเข้ามาใกล้สาวหน้าสวยพร้อมกับก้มๆเงยๆมองรูปของเธอจากโทรศัพท์ในมือ“ใช่ค่ะ หมอวิศรุต สวัสดีค่ะ”“สวัสดีครับ” เมื่อเข้ามาใกล้จนเห็นสีบลัชออนบนใบหน้านวลจนชัด ทำเอาชายหนุ่มมองเธอตาค้าง จนคุณหมอสาวอดขำไม่ได้“หมอคะ...หมอ...หมอวิศรุต” เมื่อเห็นว่าเขายังคงจ้องเธออยู่จึงใช้เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ “เอ่อ...ครับๆ ขอโทษทีครับมองเพลินไปหน่อย เอ่อ...ครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันเลยดีมั้ยคะ” “ครับๆ เชิญทางนี้ครับ” กว่าที่วิศรุตจะหลุดจากภวังค์ได้ก็เล่นเอาแทบแย่ ก็สาวเจ้าเล่นสวยตรงสเปกเขาทุกอย่างแบบนี้ ใบหน้านวล ผิวขาว อาจจะสูงโปร่งกว่าหญิงทั่วไปสักนิด แต่เมื่อยืนเทียบกับเขาแล้วเธอก็ยังสูงเพียงแค่บ่าเขาเท่านั้นคุณหมอหนุ่มเดินนำร่างโปร่งไปที่รถกระบะคันแดง กระเป๋าลากใบใหญ่ถูกคนร่างสูงกว่ายกขึ้นไว้หลังกระบะ ก่อนที่เจ้าตัวจะขึ้นนั่งฝั่งคนขับ โดยที่ปลายฟ้าขึ้นมานั่งเบาะข้างเขาอยู่ก่อนแล้วแม้จะใช้เวลาจากสนามบินเข้ามาในตัวมืองไม่ถึงสิบห้านาที แต่ปลายฟ้าก็คลายกังวลไปได้มาก วิศรุตที่ทำท่าจะเขินเธอให้คราแรกก็เริ่มถามไถ่กับหญิงสาวอย่างออกอรรถรส “นี่หมอวิตอายุน้อยกว่าชั้นรึเปล่าคะ”“ผมยี่สิบหกครับ หมอล่ะ”“นั่นไงว่าแล้วเชียว ชั้นยี่สิบแปดแล้วล่ะค่ะ”“จริงเหรอครับ ผมนึกว่าเรารุ่นเดียวกันเสียอีก หมอฟ้ายังดูเด็กอยู่เลยนะครับ” คำเรียกชื่อที่ดูสนิทสนมขึ้น พาให้เขาและเธอพูดคุยกันต่ออย่างเป็นกันเองอยู่พักใหญ่ เพื่อทำลายความเงียบงันภายในรถก่อนที่เธอจะมองออกไปนอกรถ บรรยากาศรอบๆที่เห็นช่างงดงามจริงๆ อากาศเย็นสบายโดยไม่ต้องเปิดแอร์ภายในรถ ภูเขาต่างๆตั้งสูงตระหง่านอยู่ที่ทิศที่เธอมองเห็น