ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมไปทั่วเมืองหลวง เกศรินทร์ยังคงนั่งคอตกอยู่เคียงข้างเตียงของกชกร ในมือถือใบที่แสดงค่าใช้จ่ายในการรักษาคร่าว ๆ หลังจากที่ไปติดต่อแผนกการเงินมา ตัวเลขที่ระบุไว้บนนั้นถึงมันจะยังไม่แน่นอนแต่ก็พอเดาได้เลา ๆ ว่าน่าจะอยู่ที่หกหลัก ซึ่งเงินมากมายขนาดนั้นต่อให้ไปร้องเพลงที่ผับทั้งเดือนก็แทบจะไม่ได้ถึงครึ่งนึงเลยด้วยซ้ำ
“แล้วทีนี้แกจะเอายังไงต่อล่ะ” ขจรเอ่ยถามพลอยคิดไม่ตกไปด้วยอีกคน ในขณะที่กชกรยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง มีเครื่องวัดและสายโยงระยางอยู่เต็มไปหมด
“หนูก็ยังนึกไม่ออกเลยค่ะลุง” เกศรินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ น้ำตาที่อัดอั้นไว้ไหลรื้นออกมาอีกครั้ง
“ลุงเองก็ตัวคนเดียว หาเช้ากินค่ำเงินเก็บในบัญชีก็ไม่ถึงหมื่นเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่เป็นไรหรอกลุง พรุ่งนี้หนูว่าจะลองไปหางานทำดู กลางวันทำงานประจำ กลับมาช่วยงานที่อู่ตอนหกโมง สาทุ่มค่อยออกไปร้องเพลงที่ผับน่าจะพอได้อยู่”
“แกจะบ้ารึไง ทำเหมือนตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ลืมไปแล้วรึไงว่าแกเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ถึงแม้ว่าแกจะห้าวไปนิดก็เถอะ”
ครืด ครืด ครืด
เสียงสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นทำให้บทสนทนาสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านั้น ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอทำให้เกศรินทร์รีบถลาออกไปกดรับสายทันทีเพราะเธอไม่อยากให้แก้วเจ้าจอมรู้ถึงเรื่องที่ครอบครัวกำลังพบเจออยู่ตอนนี้
“ว่าไงแก้ว”
(วันนี้ไม่มาทำงานเหรอ แก้วมารออยู่ที่ผับแล้วเนี่ยเห็นพี่บาสเจ้าของร้านบอกว่าเกดลา เป็นอะไรหรือเปล่า) คนปลายสายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่มาหาที่ผับเหมือนเช่นทุกวันแต่กลับไม่เจอ
“เราอยู่โรงพยาบาลน่ะ พอดีแม่เราป่วย เราเลยต้องมาอยู่เฝ้าแม่ก่อน”
(แม่ป่วยเหรอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า อยู่โรงพยาบาลไหน เดี๋ยวแก้วไปหา) น้ำเสียงอีกคนดูจะร้อนใจขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อได้ยินคำว่าโรงพยาบาล
“ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เราเหนื่อย...เราอยากพักผ่อนมากกว่า”
(อะ...อื้ม ได้สิ งั้นเราไม่กวนแล้วนะ) แก้วเจ้าจอมนิ่งเงียบไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้าด้วยไม้หน้าสาม เมื่ออีกคนชิ่งตัดสายไปเสียก่อนจนณัชชาและขวัญข้าวอดสงสัยไม่ได้จึงต้องเอ่ยถามออกไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าแก เกดไม่ได้มาเหรอ”
“อืม แม่เกดป่วยอยู่โรงพยาบาลน่ะ”
“ตายล่ะ แล้วอยู่โรงพยาบาลไหน พวกเราจะได้ไปเยี่ยม” ขวัญข้าวตาโตขึ้นทันที
“เกดไม่ยอมบอกอ่ะ เขาบอกเขาอยากพักผ่อนมากกว่า” แก้วเจ้าจอมหลบตาตอบพร้อมกับรอยยิ้มแบบเจื่อน ๆ ที่พยายามแสดงให้เพื่อนเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร “ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”
ร่างบางระหงลุกเดินออกไปจากโต๊ะมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำทันที โดยไม่ทันได้ระวังคนที่กำลังเดินไปในทางเดียวกันจนชนกับร่างนั้นเข้าอย่างจัง
“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ” แก้วเจ้าจอมโค้งกายให้ชายหนุ่มแปลกหน้าหนึ่งครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“เดี๋ยวก่อนสิครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้สองเท้าที่กำลังจากไปต้องชะงักกึก
“คะ”
“เอ่อ...ผมศิวา ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ...” เจ้าของร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีชา ส่งยิ้มพิมพ์ใจให้ก่อนจะยื่นมือมาข้างหน้าให้หญิงสาวจับไว้เพื่อเป็นการทักทายทำความรู้จักกันครั้งแรก
“ฉันแก้วค่ะ แก้วเจ้าจอม”
“ชื่อเพราะจัง มาเที่ยวที่นี่ทุกวันเหรอครับ” ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร คิ้วหนาคู่งามได้รูปเลิกขึ้นเมื่อรอคำตอบของอีกคน
“ก็มาบ่อยตอนที่ไม่มีสอบกับตอนที่ไม่มีเรียนเช้าน่ะค่ะ”
“นี่คุณแก้วยังเรียนอยู่เหรอครับเนี่ย” เขาดูแปลกใจเล็กน้อยที่ผู้หญิงตรงหน้าซึ่งเขาหมายตาไว้หลายคืนแท้จริงแล้วยังเป็นนักศึกษา แต่นั่นมันก็ไม่ใช่อุปสรรรคอะไรใหญ่โตอยู่แล้ว ถ้าเขาคิดจะเคลมขึ้นมาจริง ๆ
“ค่ะ แก้วเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว” แก้วเจ้าจอมตอบแบบผ่าน ๆ ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นักเพราะเธอรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไร
“งั้น...ถ้าไม่รังเกียจ ไปนั่งดื่มกับผมสักแก้วได้ไหมครับ”
“เอ่อ...” ดวงตากลมโตเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง ผิวที่ขาวจัดของเขาตัดกับแสงไฟในผับจนมันดูมีออร่าขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด กระดุมเม็ดแรกของเสื้อเชิ้ตสีเข้มถูกปลดออกจนเผยให้เห็นแผงอกกว้างจนหญิงสาวต้องรีบเสมองไปทางอื่น
ใช่...เขาดูดีมาก แต่ทว่ามันยังไม่ใช่ไทป์ของเธอออยู่ดี
“เกรงว่าจะไม่สะดวกน่ะค่ะ ฉันมีแฟนแล้ว” พูดจบจึงรีบเดินหายเข้าไปในห้องน้ำหญิงทันที โดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าคนที่เธอหยิบยื่นสถานะแฟนให้เขาจะไม่คิดแบบนั้นเลยก็ตาม
ศิวาตัวชาวูบเมื่อถูกผู้หญิงคนแรกปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใย ดวงตาคมกริบมองตามร่างเล็กไปจนหายลับ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะโซนวีไอพีของตัวเองกรอกน้ำสีสวยเข้าปากไปรวดเดียวจนหมดด้วยความผิดหวัง
“เป็นไงบ้างวะ ได้ผลหรือเปล่า” ชญานน เพื่อนสนิทที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่ใคร่จะสู้ดีในรอบศตวรรษของศิวา
“ไม่ว่ะ” เขาตอบกลับไปแต่เพียงสั้น ๆ พลางกรอกของเหลวเข้าปากอีกครั้ง
“ได้ไงวะ ปกติคนอย่างคุณศินี่แค่กระดิกนิ้วก็มีแต่คนต่อคิววิ่งเข้าหาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แกอย่าซ้ำเดิมฉันดิวะ อุตส่าห์เล็งมาตั้งนานใครจะไปรู้ว่ามีแฟนแล้ว”
“เขาโกหกเพราะไม่อยากให้แกไปยุ่งด้วยหรือเปล่า” คเณศ เพื่อนอีกคนเสนอขึ้น มือไม้ยังเกาะก่ายไปทั่วเรื่อนร่างงามงอนในชุดเดรสรัดรูปที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“เดี๋ยวนะ เขาบอกว่ามีแฟนแล้วเหรอ เป็นไปได้ไง ก็ตั้งแต่พวกเรามาที่นี่เมื่อสองสามวันก่อนไม่เห็นว่าจะควงผู้ชายคนไหนเลยนี่” ชญานนใช้ความคิดพลางจ้องมองไปที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามซึ่งมีแต่ขวัญข้าวและณัชชาเพื่อนสาวที่มาด้วยอยู่เป็นประจำเท่านั้น
“เป็นไงบ้าง ขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะ ถ้าต้องการน้อง ๆ มาช่วยดูแลเดี๋ยวจะจัดให้แจ่ม ๆ ” ตฤณ เจ้าของผับซึ่งเป็นก๊วนเดียวเดินเข้ามาทักทาย หลังจาที่ลูกค้าวีไอพีอย่างศิวา กลับมาจากต่างประเทศได้เพียงสัปดาห์ก็แวะเวียนมาหาที่ผับแทบทุกวัน
“ไอ้บาสมาพอดีเลย เดี๋ยวแกช่วยจัดมาแจ่ม ๆ ให้ไอ้ศิมันสักคนละกัน มันกำลังอกหักอยู่พอดี” คเณศโบ้ยใส่
“อย่างลูกพี่ศินี่อ่านะจะอกหัก” ตฤณถามย้ำราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง แต่แล้วก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจเมื่อคเณศช่วยยืนยันอีกเสียง
“มันจะไม่อกหักได้ไง ก็มันหลังเคลมผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะวีไอพีฝั่งโน้น แต่สาวเขาบอกมีแฟนแล้ว”
“แกก็พูดเกินไป ถึงฉันไม่ได้คนนั้นฉันก็ยังมีให้เลือกอีกเพียบ” ศิวารีบแก้ต่างให้ตัวเอง แม้จะรู้สึกเสียหน้าที่โดนปฏิเสธมาก็ตาม
“นั่นน่ะแก้วเจ้าจอม ลูกค้าประจำของร้าน เป็นถึงทายาทคนเดียวของคุณเอกภพนักธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ดีกรีดาวมหาวิทยาลัยเลยนะเว้ย!” ตฤณเอ่ยขึ้นเมื่อมองตามปลายนิ้วชี้ของคเณศออกไปก่อนจะพบกับร่างเล็กที่กำลังนั่งหน้าบอกบุญไม่รับเช่นเดียวกันอยู่โซนวีไอพีฝั่งตรงข้าม
“งั้นก็เข้าทางแกเลยดิวะไอ้ศิ แกก็ทายาทพันล้าน ดีกรีคาสโนว่าประจำตระกูลเหมือนกัน”
“ถ้าแกพูดอีกคำเดียวฉันต่อยหน้าแกแน่ไอ้นน”
“แหม อารมณ์รุนแรงเหมือนกินยาคุมผิดแถวเลย ว่าแต่...น้องเขามีแฟนแล้วจริง ๆ เหรอวะ ตั้งแต่พวกเรามาที่นี่ก้ไม่เคยเห็นว่ามีผู้ชายคนไหนมาด้วยเลยนี่”
“แฟนน่ะมีแล้วจริง ๆ แต่ไม่ใช่ผู้ชายหรอก” ตฤณตอบ สายตายังจับจ้องไปที่โต๊ะเดิมอีกครั้ง
“หมายความว่าไงวะ” ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นศิวาเสียเองที่อยากรู้จนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้
“แก้วเขากำลังคบกับเกศรินทร์นักร้องประจำที่ผับนี้อยู่น่ะ แล้วที่มาเป็นลูกค้าประจำก็มาเฝ้าไอ้เกดมันนี่แหละ”
“เกศรินทร์....ชื่อเหมือนผู้หญิงเลยแฮะ อย่าบอกนะว่าคุณแก้วนั่นเขาชอบผู้หญิงด้วยกัน” คเณศอ้าปากเหวอ
“ผู้หญิงที่ไหนกัน เกศรินทร์เขาเป็นทอมต่างหาก มองเผิน ๆ นี่คิดเหมือนผู้ชายจนแทบแยกไม่ออกเลยล่ะ”
“จะเหมือนแค่ไหนก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงอยู่ดีนั่นแหละ” ศิวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังดูขนลุกซู่พิกล
“เกศรินทร์ที่แกว่านี่คือนักร้องที่ชอบลงมานั่งที่โต๊ะนั่นบ่อย ๆ หรือเปล่า” คเณศเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ เพราะปกติมาเที่ยวที่นี่ก็แทบจะไม่ได้ฟังเพลงเลยสักนิดส่วนมากจะเอาเวลามาสำรวจของสวย ๆ งาม ๆ อย่างแม่สาวน้อยข้าง ๆ นี้เสียมากกว่า
“เออ นั่นแหละ ขวัญใจสาว ๆ ที่นี่เลยนะเว้ย” ตฤณตอบอย่างภาคภูมิใจ เพราะเขาเองก็ค่อนข้างชื่นชอบในตัวเกศรินทร์อยู่ไม่น้อย เพราะหญิงสาวเป็นเด็กกตัญญู มาทำงานตรงเวลา ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้เขาเลยสักครั้งตั้งแต่วันแรกที่มาขอทำงานด้วย มิหนำซ้ำยังเป็นตัวเรียกแขกสาว ๆ ให้มาเที่ยวได้ดีทีเดียว
“ถึงว่า...ผับแกนี่มีแต่ผู้หญิงจนฉันคิดว่าเมืองลับแล” ชญานนหัวเราะชอบใจ “ถ้าอย่างนั้นสงสัยฉันต้องมาบ่อย ๆ แล้วล่ะ อาหารตาเยอะขนาดนี้”
“แล้วคืนนี้นักร้องของแกไปไหนล่ะ ไม่มารึไง” ศิวาซึ่งนั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง เขาเองก็เป็นคนหนึ่งซึ่งไม่ได้สนใจกิจกรรมบนเวทีสักเท่าไหร่แม้ว่าจะมาที่นี่ถึงสามครั้งตั้งแต่เพิ่งกลับจากอเมริกา ส่วนมากจะมาหาเหยื่อหลอกไปเชือดที่คอนโดเสียมากกว่า
“แม่เกดไม่ค่อยสบายน่ะ ก็เลยโทรมาลา ทำให้แขกสาว ๆ ของฉันที่จองโต๊ะมา แคนเซิลไปเกือบหมดแน่ะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ฉันชักจะอยากเห็นตัวจริงใกล้ ๆ แล้วสิ” คเณศตา ลุกวาวขึ้นมาทันที
“งานนี้ดูเหมือนว่าไอ้ศิจะมีศัตรูหัวใจน่ากลัวซะด้วย”
“ก็แค่ของเลียนแบบ...” เจ้าของดวงตาคมกริบ เหลือบมองไปที่โต๊ะของแก้วเจ้าจอมอีกครั้งด้วยเจ็บใจ พลางกระดกเครื่องดื่มสีสวยเข้าปากไปแก้วแล้วแก้วเล่า ก่อนที่แผนการบางอย่างจะผุดขึ้นมาในหัว
ทายาทนักธุรกิจพันล้านคาสโนว่าตัวพ่ออย่างเขามีเหรอที่จะอยากได้อะไรแล้วมันจะไม่ได้