bc

แผนร้ายกลายรัก

book_age18+
554
FOLLOW
1.5K
READ
HE
confident
heir/heiress
drama
bxg
detective
lies
like
intro-logo
Blurb

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

ไม่ได้มีเจตนาสร้างความแตกแยกและดูหมิ่น หรือเหยียดเพศที่สามแต่อย่างใด

ทุกคน ทุกเพศ มีศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกัน

เพียงแต่ผู้เขียนอยากสะท้อนให้เห็นทัศนคติของตัวละครเท่านั้น

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

ไม่มีพล็อต เน้นด้นสดและความฟินเพื่อสนองนี้ดของไรต์ล้วน ๆ

"เธอหล่อ เธอสวย เธอดูดี เธอมีเสน่ห์

แต่เธอดันไม่ชอบผู้ชาย

มิหนำซ้ำยังมาเป็นศัตรูหัวใจเบอร์หนึ่งของเขาอีกด้วย"

แผนการแก้แค้นเอาคืนเริ่มต้นขึ้น

เมื่อหนุ่มหล่อ พ่อรวย คาสโนว่าตัวพ่อ ชนิดที่ว่าแค่กระดิกนิ้ว

ก็มีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา ต้องมาตกหลุมรัก สาวน้อยแก้มใสดีกรีดาวมหา'ลัย

แต่ใครจะคิดว่าเขาจะมาอกหักตัั้งแต่ยังไม่เริ่มเมื่อสาวเจ้าดันไปชอบอีกคน และต่อให้เขาพยายามตามจีบแค่ไหน ก็ดูท่าว่าจะไม่เป็นผล เพราะว่าเธอดันไปชอบ ทอม !!!

กระทั่งโชคเข้าข้างเมื่อแก้วเจ้าจอมกลับมาหาเขาอีกครั้งเพราะผิดใจกับเกศรินทร์ เขาจึงมีโอกาสเคลมสาวน้อยอีกครั้ง ทว่าไม่ทันได้ทำอะไร กลับดันไปพลาดท่าถูกซ้อนแผนเสียจนแทบเอาหน้ากลับบ้านไม่ได้ อับอายไปถึงต้นตระกูล

ประมุขใหญ่ของบ้านจึงวางคำขาด ให้เขาแต่งงานเพื่อกลบข่าวคาวนั้นเสีย ไม่อย่างนั้นจะถูกตัดออกจากมรดกทันที!!!

......

........

........

ในเมื่อ เธอ มาแย่งแฟนเขาไป แล้วยังทำให้เขาต้องเจ็บขายหน้าจนแทบจะถูกตัดจากกองมรดก

เขาก็จะทำให้เธอตายทั้งเป็น

ด้วยการวางแผนหลอกล่อ

ให้ทอมหน้าหล่ออย่างเธอ กลับกลายมาเป็นสะใภ้ของบ้านให้ได้ !!!!

โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากลับกลายเป็นเขาเสียเองที่หลงรักสาวหล่อคนนี้ชนิดที่แทบจะโงหัวไม่ขึ้น

chap-preview
Free preview
บทนำ หล่อหน้าใส (1)
แสงแดดตอนบ่ายยังคงแผดเผาลงมา บนถนนคอนกรีตที่ทอดยาวเข้าไปในซอยมีไอความร้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปรากฎร่างบางระหงกำลังเดินทอดน่องไปตามถนนสายเล็ก ๆ นั้นโดยมิได้เกรงกลัวว่าความร้อนนั่นจะทำลายผิวอันบอบบางของตัวเองเลยสักนิด เกศรินทร์สวมเสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงยีนขายาวสบาย ๆ มุ่งหน้าสู่บ้านไม้หลังเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ที่เป็นศาลาสำหรับพักผ่อนของฝูงสุนัขเจ้าถิ่น พวกมันชูหางส่งเสียงร้องอิ๋ง ๆ เมื่อเห็นร่างบางเดินผ่านมา พวกมันรู้ดีว่าจะได้กินข้าวที่หญิงสาวเอามาฝาก ร่างนั้นทิ้งตัวนั่งลงยอง ๆ ก่อนจะมองหาจานกะละมังสังกะสีเก่า ๆ ที่วางไว้ใต้พุ่มไม้เพื่อจะเทข้าวในถุงที่เหลือมาจากหม้อคลุกเคล้ากับไก่พะโล้ส่งให้เจ้าตูบนับสิบตัวกินกันอย่างทั่วถึง ทำแบบนี้ทุกวันจนมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว “วันนี้เหลือมาเยอะหน่อย ทานให้อิ่ม แล้วก็อย่าทะเลาะกันล่ะ” เสียงใสเจรจากับฝูงสุนัขจรจัดตรงหน้าราวกับว่าจะสื่อสารกับมันรู้เรื่อง เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจึงลุกขึ้นเดินกลับบ้านไปอย่างอารมณ์ดี เพื่อจะได้กลับไปช่วยมารดาล้างจานล้างหม้อต่อ “วันนี้ขายไม่ดีเหรอคะแม่ เห็นเหลือมาเยอะเลย นักเลงหน้าปากซอยก็พลอยอิ่มไปด้วย” เกศรินทร์เอ่ยถามผู้เป็นแม่พลางหยิบถ้วยจานจากรถเข็นคันเล็กไปวางไว้ในกะละมังใบโต แล้วนั่งลงบนม้านั่งเตี้ย ๆ บีบน้ำยาล้างจานลงไปแล้วล้างออกอย่างคล่องมือ “ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี ขายได้บ้างไม่ได้บ้างเหมือนทุกวันนั่นแหละ” กชกร ผู้เป็นแม่ตอบกลับไปพลางเช็ดเหงื่อที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากหน้าผากมน “แม่ไปพักเถอะจ่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง” ลูกสาวคนเดียวเสนอขึ้น เมื่อเห็นท่าทีเหนื่อยล้าของมารดาเพราะต้องตื่นแต่ไก่โห่มาทำกับข้าวแล้วเข็นรถออกไปขายที่ตลาดทุกวัน “ไม่ต้องหรอก ว่าแต่ตัวเองเถอะ วันนี้ไม่ออกไปทำงานรึไง” “ช่วยแม่เสร็จเดี๋ยวก็ไปแล้วจ้า” “ถ้างั้นก็ไปเลย เดี๋ยวแม่จัดการเอง” กชกรบอกลูกสาวแล้วผลักร่างนั้นให้ออกห่างจากกะละมังใบโตเพื่อที่เธอจะได้จัดการมันเสียเอง “แม่...ให้หนูช่วยก่อนก็ได้ หนูไม่ได้รีบขนาดนั้นเสียหน่อย” เกศรินทร์ขันอาสา แม้ท่าทางจะออกไปทางผู้ชายเสียมากกว่าจะเป็นสตรีร่างบอบบาง แต่หน้าที่การงานในครัวแทบไม่มีขาดตกบกพร่องเลยสักนิด ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะสู้ดีในปัจจุบันส่งผลการงานพลอยหาทำยากไปด้วย ทำให้นักศึกษาจบใหม่อย่างเธอต้องเดินระเห็ดเตะฝุ่น มานานหลายเดือนแล้ว จะมีก็แต่งานเล็กๆ น้อย ๆ ที่อู่รถของผู้เป็นลุงเท่านั้นที่พอใช้ประทังชีวิตได้ “รีบไปเถอะ ไปสาย เดี๋ยวลุงขจรเขาจะเอ็ดเอา” มารดาตอบแล้วจึงก้มหน้าล้างถ้วยล้างจานต่อ เกศรินทร์จึงต้องเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคล้ายกับช่างยนตร์จะได้ออกไปช่วยงานขจร ลุงแท้ ๆ ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของมารดาที่อู่หน้าซอย เพื่อแลกกับเงินรายวันเล็ก ๆ น้อย ๆ เก็บไว้ใช้อยู่ใช้กินกับแม่ในบ้านเช่าหลังเล็กแห่งนี้ “ค่ำนี้แม่ไม่ต้องรอทานข้าวนะคะ เดี๋ยวจะกินมาจากข้างนอกเลย” เจ้าของร่างบอบบางเอ่ยกับมารดาพลางก้มลงใส่รองเท้าผ้าใบคู่ใจตรงบันไดเล็ก ๆ หน้าบ้าน จากนั้นจึงถลาไปหอมแก้มมารดาฟอดใหญก่อนจะเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี กชกรมองตามร่างของบุตรสาวไปด้วยความรู้สึกผิดที่จุกอยู่เต็มอก ถ้าหากวันนั้นเธอใจแข็งที่จะอยู่ต่อสู้ในบ้านหลังใหญ่สักนิด ชีวิตของเกศรินทร์คงไม่ต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้ เมื่อเดินออกมาถึงหน้าบ้านแล้ว หญิงสาวจึงหันกลับไปชะโงกหน้ามองผู้เป็นแม่อีกครั้งจนแน่ใจแล้วว่ากชกรไม่เห็นจึงรีบลงไปหยิบกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่แอบซ่อนไว้ตรงพุ่มไม้หน้าบ้านขึ้นมา แล้วเดินออกไปตามถนนที่กว้างเพียงแค่เมตรครึ่งนั้นทันที ตลอดสองข้างทางมีบ้านเรือนผู้คนมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบ้านสังกะสีเก่า ๆ ทั้งสิ้น หญิงสาวยิ้มทักทายเพื่อนบ้านอย่างอารมณ์ดีจนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหญ่ กลุ่มคู่อริกำลังตั้งวงก๊งเหล้าแต่หัววัน รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าจึงหายไปในทันที “ว้าว ๆ ๆ แม่นางฟ้าประจำอู่มาแล้ว เว้ย!” ไอ้กล้า หัวหน้าแกงค์เอ่ยขึ้นพลางย่างสามขุมเข้าไปใกล้เกศรินทร์ที่ยืนนิ่งตามเดิม ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด เพราะไอ้แกงค์พวกนี้หญิงสาวเจอมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ถึงปากมันจะพาจนแต่พอเอาเข้าจริงไม่มีใครกล้าแหยมเลยสักคน “พวกเอ็งไม่หาเรื่องฉันสักวันนี่กินข้าวไม่ลงหรือไงฮะ!” ร่างเล็กยืนท้าวสะเอวชีหน้าด่าอย่างไม่นึกเกรง “แหม ยิ่งดุนี่ยิ่งน่า...” ไอ้กล้ายิ่งได้ใจจึงค่อยเลื่อนมือขึ้นหมายจะแตะแก้มแดงระเรื่อนั่นสักครั้ง เกศรินทร์จึงคว้าข้อมือหนาจับล็อคไว้แล้วยกขาเตะผ่าหมากจนร่างนั้นล้มลงนอนตัวงอหน้าดำหน้าแดง ลูกน้องหางแถวจึงได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่กก่อนจะพากันมาช่วยประคองร่างไอ้กล้าให้ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล “ไอ้เกด! ฝากไว้ก่อนเหอะมึง!” “รีบ ๆ มาเอาคืนนะคะพี่ขา” เกศรินทร์แกล้งทำเป็นส่งจุ๊บให้แล้วเดินจากไป ไอ้กล้ามองตามร่างนั้นไปอย่างนึกเจ็บใจที่หญิงสาวมาทำให้กล่องดวงใจบอบช้ำถึงเพียงนี้ “คอยดูเถอะ กูจะเอามันมาเป็นเมียให้ได้ อ้าก!” หญิงสาวเดินมาทรุดกายนั่งลงบนม้าหินอ่อนหน้าอู่ซ่อมรถของขจรด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่ต้องเจอแต่พวกของไอ้กล้าคอยตามตอแยอยู่ตลอดตั้งเด็กยันโต “เป็นอะไรของเอ็งอีกล่ะเนี่ย ปากกับจมูกจะติดกันอยู่แล้วนั่น” ขจร ผู้เป็นลุงเอ่ยถามในขณะที่ยังคงนอนอยู่ใต้ท้องรถ “ก็พวกไอ้กล้าไงลุง ไม่รู้ชาติที่แล้วทำบุญมาด้วยอะไร พวกมันถึงตามรังควาญหนูนัก” “มันก็แค่เห่าไปงั้นแหละ มันคงอิจฉาเอ็งล่ะมั้งที่เอ็งไปหล่อกว่ามัน” “เรื่องหล่ออ่ะมันแน่อยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องที่จะจับหนูทำเมียเนี่ย หนูรับไม่ได้” มือเรียวกำหมัดแน่นก่อนจะทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง “มันก็แค่แซวเล่นจะไปคิดมากอะไร ใคร ๆ เขาก็รู้ว่าเอ็งมันชายชาตรีที่เกิดมาอยู่ผิดร่าง ฮ่า ๆ ๆ” “ลุงอ่ะ หนูไม่พูดด้วยแล้ว!” เกศรินทร์ค้อนขัวบจากนั้นจึงเดินหายเข้าไปในอู่เพื่อจะช่วยทำงานเหมือนเช่นทุกวัน จนกระทั่งความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วเมืองหลวง นาฬิกาเรือนเก่าบนฝาผนังบอกเวลาเกือบสองทุ่ม “หนูต้องไปแล้วอ่ะลุง ถ้าเกิดแม่โทรมาถามฝากลุงโกหกแม่ให้หน่อยนะว่าหนูยังอยู่ที่นี่” ไม่รอให้อีกคนตอบรับ ร่างบางระหงนั้นก็คว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่หายเข้าไปในห้องน้ำทันทีก่อนจะออกมาอีกครั้งในชุดทำงานชุดใหม่ ผมที่ถูกตัดด้านข้างและด้านหลังให้สั้น ถูกเซ็ตเป็นทรงหยุงเหยิงมีหน้าม้าปรกลงมาเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตลายฮาวายสีครามตัวใหญ่พับแขนมาครึ่งหนึ่งถูกสวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำอีกชั้นกับกางเกงสแล็คสีเดียวกันตัดกับสีของผ้าใบคู่ใจที่สวมไว้เป็นอย่างดี หากมองแค่ผิวเผินแทบไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในร่างนี้แท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง “เป็นไงลุง หนูหล่อไหม” เกศรินทร์เอ่ยถามพลางหยิบลิปมันในกระเป๋าขึ้นมาปาดริมฝีปากแค่บางเบา “นี่แกจะไปทำงานที่ผับนั่นอีกแล้วเหรอ นี่ถ้าแม่แกรู้มีหวัง...” “โถ่ลุง ก็ถ้าลุงไม่บอกแม่จะไปรู้ได้ไง ลุงก็รู้ว่าลำพังเงินที่ได้ขายข้าวแกงกับเงินที่หนูมาช่วยลุงทำงานอ่ะ มันแทบไม่พอค่าเช่าบ้านเลยด้วยซ้ำ ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ งานอะไรที่หนูทำได้หนูก็ต้องทำอ่ะ” เจ้าของใบหน้าหวานโอดครวญ พยายามอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องไปทำงานเสริมพลางเข้ามาบีบนวดขจรเป็นการใหญ่ “ลุงอย่าบอกแม่เลยนะ ช่วยหลานหน่อย” “ทีแบบนี้ล่ะปากหวานเชียวนะเอ็ง ไปเถอะ แล้วอย่ากลับดึกนักล่ะ” “ครับลุง” ขจรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในขณะที่หลานสาวกำลังเดินออกจากบ้านหายไปในความมืด แม้จะนึกเป็นห่วงแค่ไหนแต่ก็ได้คอยดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น เพราะเกศรินทร์เติบโตขึ้นทุกวันไม่ใช่เด็กตัวน้อยเหมือนแต่ก่อนแล้ว

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.3K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
8.0K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.2K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook