EP.06
ประวัติความเป็นมาของแม่เป็นอย่างไร เธอไม่อยากจะรื้อฟื้น เพราะยิ่งรื้อเธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันจะยิ่งเป็น ‘ความลับ’ มากขึ้นเท่านั้น หลายครั้งที่เธอถามหาคนเป็น ‘พ่อ’ หลายครั้งที่เธอถามหา ‘สามี’ ที่แท้จริงของแม่ กลับได้รับคำตอบกลับมาแค่ว่า
“แกจะรู้เรื่องนี้ไปทำไมฮึ ยายภา รู้แค่ว่าแกเป็นลูกของฉันคนเดียวก็พอ”
เธอเคยสังเกตสีหน้าของแม่จะเศร้ายิ่งนัก เวลาที่พูดถึงเรื่องนี้ และก็ยิ่งโกรธที่คนถามเป็นเธอ
เมื่อไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงเป็นใคร หลังมาเจอคุณไกรวิทย์ที่ทั้งรักและเอ็นดูเธอ หญิงสาวจึงถือว่าท่านคือพ่อแท้ๆ ของเธอ
และดูเหมือนว่าความคิดนี้จะยิ่งได้รับคำสนับสนุนจากปาริฉัตรผู้เป็นแม่มากเสียด้วยสิ
“ดีแล้วที่แกคิดอย่างนั้น ไม่เสียแรงที่เกิดมาเป็นลูกของฉัน”
“คนนี้ค่ะ หนูภา ลูกสาวของดิฉัน”
ปาริฉัตรลากปุรัมภาเข้ามาหาแขกคนหนึ่ง หลังการสวดอภิธรรมสิ้นสุดลง คล้ายเป็นการส่งแขกและแนะนำถึงบุตรสาวสุดที่รักของเธอที่จะมีหน้ามีตาสำหรับเธอต่อไป
ปุรัมภายกมือไหว้ผู้ใหญ่สองผัวเมียนักธุรกิจท่าทางใจดีที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าของมารดาด้วยกิริยาอาการที่นอบน้อม
“สวัสดีค่ะ” กรอบหน้าหม่นเศร้าแฝงรอยยิ้มจางๆ เมื่อทางฝ่ายผู้ใหญ่ส่งยิ้มมาให้กับเธอ
“ตอนนี้แกกำลังเรียนอยู่ปีสองค่ะ คณะนิเทศศาสตร์ เห็นบอกว่าแกจะพยายามคว้าเกียรตินิยมมาให้ดิฉันด้วยค่ะ”
“อืม...ก็ดีนะ สวยยังไม่พอ แถมยังเก่งอีกด้วย”
ฝ่ายผู้ใหญ่มิวายเอ่ยชมตามประสา ถึงในใจจะนึกหมั่นไส้เจ้าภาพอยู่ก็ตามเถอะ แต่ก็ยังนึกชมหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย อ่อนหวาน มีมารยาท ผิดกับมารดาอย่างลิบลับ
“ถ้าหนูภาเรียนจบ ดิฉันคงได้มีโอกาสเข้าไปฝากลูกสาวกับบริษัทของท่านนะคะ”
แม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์นึกถึงธุรกิจใหญ่ของบุคคลตรงหน้าว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน หากมีโอกาส ‘เกาะ’ หล่อนก็ควรจะทำไว้
“ได้สิ เอส. โปรดัก ยินดีต้อนรับหนูภาเสมอ”
ชายชราเจ้าของร่างท้วมพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเลี่ยงสายตาไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเดินผ่านมาตรงนั้นพอดี เขาจึงหันไปเอ่ยทักในที่สุด
“นั่นไกรธวัต ลูกชายของคุณไกรวิทย์หรือเปล่า”
ไกรธวัตหันมาตามเสียงเรียก สายตาคมเลื่อนมองเจ้าของเสียงแวบหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเมียน้อยของพ่อที่หันมามองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
ชายหนุ่มจุดยิ้มที่มุมปาก แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่กลางหัวใจที่เย็นชานั้น พร้อมกับร่างสูงที่เคลื่อนเข้าไปหาบุคคลทั้งหมด
“สวัสดีครับคุณลุงดิสกร คุณป้ามาริสา ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้มาทักทายตั้งแต่ทีแรก”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหลาน ป้ารู้ว่าเรายุ่งอยู่กับงานมาก ก็เลยไม่อยากจะรบกวนเหมือนกัน เสียใจด้วยนะ”
เขาพยักหน้ากับคำนั้นของผู้ใหญ่ทั้งสอง แต่ก็มิวายเลื่อนสายตาไปมองปาริฉัตร...กับใครอีกคนที่แม้ลึกๆ จะรู้สึกคุ้นหน้า หากแต่ความรู้สึกภายในก็ยิ่งทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
ชายหนุ่มรับรู้ ‘หญิงสาว’ คนนั้นคือปุรัมภา ลูกสาวคนเดียวของปาริฉัตรนั่นเอง
เพียงแค่แรกเห็นก็ยิ่งทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว แต่ชายหนุ่มก็พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจะข่มอารมณ์เหล่านั้นลง แล้วหันมาทางผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้ง
ทั้งสามต่างพูดคุยทักทายกันโดยลืมไปเสียสนิทว่ายังมีบุคคลอีกสองคนยืนฟังอยู่ด้วยความรู้สึกเหมือนว่าตนไร้ความหมาย
โดยเฉพาะปาริฉัตรที่บางครั้งก็แอบถลึงตาใส่ทั้งสาม ‘หน็อย อุตส่าห์เข้ามาทักทายก่อน แต่ดันไม่สนใจฉันเสียนี่’ แม่ม่ายสาวแอบค้อนและเข่นเขี้ยวด้วยความโกรธขึง
หลังพูดคุยทักทายกันสักครู่ สองสามีภรรยานักธุรกิจก็ขอตัวกลับ ไกรธวัตมองตามทั้งคู่ที่เดินลับไป ก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ปาริฉัตร เขาบิดยิ้มที่มุมปากเป็นการเย้ยหยัน ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
กิริยาเช่นนั้นทำให้ภายในใจของปาริฉัตรเดือดจัด ‘นี่มันหมายความว่ายังไงไอ้หมาขี้เรื้อน กลับมาให้ฉันด่าเดี๋ยวนี้เลยนะ กลับมาสิ กลับมา’ ปาริฉัตรเอ็ดด่าอยู่ในใจ พร้อมกับส่งแรงบีบไปที่ต้นแขนของบุตรสาวอย่างแรง
“โอ้ย แม่เป็นอะไร”
ปุรัมภาร้องลั่นรีบขืนตัวออกจากมือของแม่ ดูตรงต้นแขนของตัวเองปรากฏเป็นรอยเขียวช้ำอย่างน่าสงสาร
“แกดูสิยายภา แกดูไอ้ลูกเลี้ยงจอมโอหังสิ สักวันเถอะ สักวันมันจะได้เห็นดีกัน”
ปาริฉัตรเข่นเขี้ยวพูด นัยน์ตาที่พุ่งมองตามร่างของไกรธวัตวาวโรจน์ ก่อนจะสะบัดตัวเดินไปอีกทาง ขณะปุรัมภามีใบหน้าแหยเก นึกงงต่อคำพูดของแม่กับกิริยาที่มาลงกับเธอเมื่อครู่ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ