EP.01
EP.01
รถบนท้องถนนแล่นสวนกันไปมาจนหนาตา พร้อมกับขบวนรถที่จอดติดกันยาวเหยียด ยามที่มันติดไฟแดง เหล่าฝุ่นผงและควันจากท่อไอเสียลอยคว้างอยู่แทบจะทุกตารางนิ้วของพื้นที่
ภายในรถคันหนึ่งในจำนวนรถที่จอดติดเป็นแถวยาว เมื่อยามไฟแดงปรากฏบนช่องสัญญาณนั้น มีชายหนุ่มอายุประมาณ ๒๖ ปี นั่งอยู่ที่เบาะหลังด้วยความกระวนกระวายในหัวใจ
ไม่ถึงห้านาทีสัญญาณไฟบนช่องจึงเปลี่ยนอีกครั้ง เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นบอกคนขับรถอีกครั้งหนึ่ง
“พี่ครับ รีบๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
“คุณก็เห็นว่ารถมันติด ใจเย็นๆ ก่อนสิ”
ชายหนุ่มคนนั้นมองไปยังทางข้างหน้าด้วยสีหน้าที่ร้อนใจ ในใจนั้นก็นึกภาวนาขอให้ ‘ทัน’ สลับกับขอให้ ‘ไม่เป็นอะไร’ ตลอดทาง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาต้องรีบบินกลับมาจากต่างประเทศ และทันทีที่เท้าแตะลงแผ่นดินเกิด เขาก็รีบเรียกแท็กซี่ให้มุ่งตรงมาที่โรงพยาบาลในทันที ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวนั่นคือ...
“คุณธวัตครับ กรุณากลับมาเมืองไทยด่วนครับ กลับมาดูใจคุณพ่อของคุณเป็นครั้งสุดท้ายด้วยครับ”
เสียงของคุณฉัตรชัย เลขานุการของบิดาเขาบอกผ่านโทรศัพท์ทางไกลด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ไกรธวัตขบกรามแน่น เขาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หมายความว่ายังไง คุณฉัตรชัย”
“ตอนนี้คุณไกรวิทย์กำลังป่วยหนัก แพทย์บอกว่ามีโอกาสรอดไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ ไม่แน่ท่านอาจจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วันนี้”
“ว่าอะไรนะ คุณฉัตรชัย”
เขาจำได้ว่าได้ตะโกนใส่ทางปลายสายเสียงดังลั่น และเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้เขากลับมาเมืองไทยอีกครั้ง กลับมาพบพ่อแท้ๆ พ่อที่เขาไม่เคยให้อภัยมาตลอดห้าปีเต็ม
ห้าปีเต็มที่แม่ต้องจากโลกนี้ไป...เพราะพ่อ
ร่างบอบบางของหญิงวัยกลางคนนอนทอดนิ่งอยู่บนเตียงในห้อง แม้ด้วยอายุแล้วอาจจะไม่ทำให้เธอมีสภาพแบบนี้ หากสิ่งที่มาจากจิตใจนี่สิที่ทำให้เธอหมดเรี่ยวแรง
สามีของเธอ...คุณไกรวิทย์ ทำให้เธอเจ็บปวดในหัวใจในวันที่พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน
เพราะอะไร เพราะเหตุผลใด ทั้งๆ ที่เธอเป็นภรรยาที่ดีมาตลอด เขาถึงได้คิดนอกใจเธอ เธอเทิดทูนและรักเขามาตลอด ถึงจะรู้แม้ภายในเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่ที่ผ่านเขาไม่เคยทำให้เธอเจ็บปวดมากขนาดนี้เลย
เธอยังจำได้ ในวันนั้นก่อนที่เธอและลูกชายจะพากันย้ายออกจากบ้านหลังนั้นมา บ้านหลังเล็กที่เธอและเขาเคยอยู่ด้วยความสุข และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เมื่อมี...ไกรธวัต บุตรชายเพียงคนเดียวที่คอยเป็นโซ่คล้องหัวใจของเธอและเขาเอาไว้
และเมื่อเขาได้พาเธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านดารากาญจน์ คฤหาสน์หลังใหญ่ กว่าบ้านหลังเดิมมาก ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเริ่มเปลี่ยนไป
คุณไกรวิทย์เริ่มหันเหความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่การทำงานและการพัฒนาบริษัทขึ้นไปสู่ตลาดแนวหน้าของประเทศ เขารุกพัฒนาในด้านต่างๆ โดยละทิ้งครอบครัว เอาไว้ข้างหลังโดยไม่สนใจ
คุณธวิราบอกกับตัวเองเสมอ หากครอบครัวของเธอมีทุกอย่างพร้อม มีบ้านหลังใหญ่ มีรถเอาไว้ใช้ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เมื่อต้องการ มันก็มักจะมีคนใส่พานมาทูนให้ หากแต่ชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข เธอก็ขอกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมเสียจะดีกว่า
แล้วสิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้น หลังรู้ข่าวจากคนใกล้ชิดว่าสามีของเธอมีผู้หญิงมาเกาะติด ความเจ้าชู้เริ่มกระเตื้องขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนแรกเธอไม่เชื่อ และยิ่งคิดว่าคนพวกนั้นใส่ร้าย
แต่แล้ว...
“คุณธวิรา ผมขออนุญาตพาคุณฉัตรมาอยู่บ้านของเราด้วยนะ ตอนนี้บ้านของเธอถูกยึดเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าผ่อนบ้าน ผมสงสารจึงช่วยเหลือเอาไว้”
ถึงน้ำเสียงที่เอ่ยจะเป็นการขออนุญาต แต่คุณธวิรารู้ การกระทำเช่นนี้ของสามีมันก็เหมือนการอนุญาตอยู่แล้ว
“คุณไกรวิทย์!!”
ผู้เป็นภรรยาเรียกชื่อของเขาเสียงดัง ตลอดมาเธอเชื่อว่าเขาจะไม่ทำแบบนี้ หากแต่วันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอนึกกลัว มันได้เกิดขึ้นแล้ว
ภาพตรงหน้าคือผู้หญิงหน้าด้านคนหนึ่งที่ใช้มือกอดที่แขนของสามีของเธออย่างหน้าไม่อาย คุณธวิราหลุบเปลือกตาลงทั้งน้ำตา ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างจำยอม
“ตามใจคุณสิคะ ก็นี่มันบ้านเป็นของคุณนี่”
เสียงแผ่วดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเลี่ยงความอ่อนแอของตนโดยการวิ่งหนีจากเขา...ไปให้ไกล
เสียงครวญครางกระเส่าผสมกันระหว่างชายหญิง คนหนึ่งเธอจำได้ว่ามันเป็นเสียงของคุณไกรวิทย์ สามีของเธอ ส่วนอีกเสียงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
ปาริฉัตร ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า ‘แย่ง’ สามีของเธอไปอย่างหน้าด้านหน้าทนที่สุด
คุณธวิราหยุดจังหวะการก้าวเดินอยู่เพียงแค่นั้น สองหูที่ได้ยินทำให้หัวใจเจ็บปวด เธอจะไม่เจ็บปวดมากถึงขนาดนี้เลย ถ้าหากว่าเสียงเหล่านั้นมันไม่ดังมาจาก...ห้องของเธอ
ร่างบางหยุดยืนนิ่ง หยดน้ำตาเริ่มเอ่อไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ‘เขา’ ผู้ที่ได้ชื่อว่าสามี ทำกับเธอมากมายถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ
พากันมาอยู่และหยามหน้าเธอในบ้านยังไม่พอ หากพวกเขากลับมาเสพสุขกันถึงในห้องนอนของเธอเลยอย่างนั้นเลยหรือยังไง
หน้าไม่อาย..ประโยคนี้ดังก้องในหัวใจ มันเสมือนสิ่งตอกย้ำให้หัวใจเจ็บปวด คุณธวิราทอดสายตามองเข้าไปยังห้องของตัวเองที่บัดนี้ มีผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นกำลังเสพสุขอยู่กับสามีของเธออย่างที่ไม่อายฟ้าอายดิน
“คุณไกรวิทย์!!”
เธอเรียกสามีเสียงดังลั่นบ้าน ต่อคำนั้นเธออยากจะกรีดร้องออกมาให้ดังๆ แต่ทำไมนะเธอถึงทำไม่ได้สักที เธออาจจะไม่เหมือนนางผู้หญิงแพศยาคนนั้นก็ได้ที่มักจะใช้มารยาบริหารเสน่ห์ของตัวเองอยู่เสมอ
เสียงเรียกที่ดังขึ้นพอจะทำให้สองร่างหยุดการกระทำที่ต่ำช้าลงไปได้บ้าง คุณไกรวิทย์พลิกกายลงจากร่างของปาริฉัตรด้วยสภาพที่บนตัวไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยสักชิ้น ใบหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อเห็นหน้าของภรรยาที่ยืนอยู่ตรงประตูเปิดอ้า
“คุณธวิรา ผมคิดว่าคุณจะยังไม่กลับ”
“ทำไมคะ ถ้าฉันไม่กลับคุณกับผู้หญิงคนนี้จะได้มีความสุขกันทั้งคืนหรือยังไง บัดสี มันน่าบัดสีที่สุด”
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ไม่ใช่แบบนั้น”
สิ่งที่ทำได้ก็เป็นแค่การขอโทษ คุณไกรวิทย์รีบถลาร่างมาหาภรรยา หากแต่เธอกลับถอยหนี
“อย่าค่ะ คุณอย่าเอามือสกปรกนั่นมาแตะต้องเนื้อตัวของฉันอีกเลย เชิญคุณกลับไปเสพสุขกันให้เต็มอิ่มเถอะค่ะ”
ถึงหัวใจจะเจ็บปวด เสียงที่ตะโกนก้องกลับเป็นความแค้นเคืองที่เต็มเปี่ยม ก่อนร่างนั้นจะรีบถลาออกจากบ้านไป