เมื่อมาถึงหน้าบ้าน นนท์กับน้ำมนต์ก็เปิดประตูลงจากรถมาทันที เขาเปิดหลังรถหยิบถุงอาหารสุดหรูที่เขาสั่งให้ผู้ช่วยเอามาให้จากหนึ่งเป็นสองชุด
“ช่วยถือหน่อย”
“ค่ะ”
น้ำมนต์ช่วยเขาถือของพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด ส่วนเขานั้นถือแฟ้มเอกสารที่มันหนักกว่าที่เธอถือเยอะพอสมควร สองคนเดินเข้ามาด้วยกันเจอคุณแม่กำลังเดินออกมาพอดี
“อ่าว ตานนท์หนูน้ำมนต์มาด้วยกันได้ยังไงลูก”
“เจอกันหน้าปากซอยค่ะ เฮียนนท์ก็เลยให้น้ำมนต์ติดรถมาด้วย จะให้ช่วยถือของน่ะค่ะ”
“พูดแค่ให้ติดรถมาด้วยก็ได้ อันหลังไม่ต้องพูดเธอกำลังทำให้ฉันดูไม่ดีนะ”
เขาหันไปแขวะหญิงสาวเสียงไม่จริงจังนัก คุณหญิงมองสองคนที่ทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอกันก็ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ
“จะเลิกเถียงกันได้ยังสองคนนี้ แม่ว่าคุยกันดีๆดีกว่ามั้ย”
“ดูยัยน้ำเน่ามันทำตัวสิแม่ กวนประสาทไม่เลิก”
น้ำมนต์ทำหน้ามุ่ยใส่เขาก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณหญิงป้า วันนี้เธอจะขออนุญาตพาคุณแม่ไปทานข้าวนอกบ้าน แล้วตอนดึกจะต้องมาไลฟ์สดขายของออนไลน์ต่อ
“ยิ้มอะไรจ้ะน้ำมนต์คนสวย”
“วันนี้ตอนเย็นจะขออนุญาตพาแม่ออกไปทานข้าวนอกบ้านค่ะ”
“ไปทานข้าวที่ไหน แล้วไปยังไง”
คุณหญิงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงสองแม่ลูก ผู้หญิงสองคนออกไปช่วงเย็นอันตรายจะตายไป แล้วก็ไม่ยอมซื้อรถใช้บอกว่าให้มาจอดด้วยกันก็ไม่ยอม แล้วถ้าต้องออกไปนั่งรถเมล์เธอคงไม่ยอมแน่
“น่าจะนั่งแท็กซี่ไปค่ะ น้ำมนต์ขายของได้เยอะก็เลยอยากพาแม่ไปกินของอร่อยค่ะ ไปไม่ดึกหรอกค่ะเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว น้ำมนต์ต้องมาไลฟ์สดขายของต่ออีก”
เธอเอ่ยออกมาตามความจริง คุณหญิงหันไปมองหน้าลูกชายอย่างขอความเห็น เขาส่งแฟ้มเอกสารให้แม่บ้านถือไปไว้ให้ที่ห้องนอนก่อนจะเอาถุงอาหารในมือของเธอแบ่งออกเป็นสองชุด
“ถ้าอยากไปก็ไปช่วงเช้ากับบ่าย เย็นมันอันตรายไปกันสองคน แล้ววันนี้ไม่ต้องไปเอานี่ไปกิน อาหารโรงแรมดังมิชลินสองดาว รับรองว่าอร่อยกว่าร้านที่เธอคิดจะไปแน่นอน”
น้ำมนต์มองถุงอาหารในมือตาโต มิชลินสองดาวเลยเหรอตั้งแต่เกิดมาเป็นคนยังไม่เคยกินซักครั้งเดียว เธอเหลือบสายตาดูผ่านๆ มีทั้งอาหารอิตาเลียน ญี่ปุ่น น่ากินทั้งนั้น
“ให้น้ำมนต์กับแม่หมดนี่เลยเหรอคะ แล้วเฮียนนท์ไม่เอาไปกินเองอ่ะ”
“นี่ไงคนละชุด ไปชวนแม่กินได้แล้วเดี๋ยวมันจะไม่อร่อยนะ ไปละ”
เขาชูถึงในมือให้เธอดูก่อนจะยื่นถุงไปให้แม่บ้านจัดใส่จานให้เขาก่อนจะเดินผิวปากขึ้นไปบนบ้านอย่างอารมณ์ดี น้ำมนต์และคุณหญิงมองตามชายหนุ่มก่อนจะหันมามองหน้ากัน
“วันนี้ใจดีแปลกๆ”
“นั่นสิคะ น้ำมนต์ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”
คุณหญิงหลุดขำออกมาก่อนจะดันแผ่นหลังหญิงสาวให้ไปพักผ่อน อยู่ด้วยกันมานานยี่สิบกว่าปีจนเหมือนครอบครัวเดียวกันไปแล้ว
“พี่เขาใจดีก็ไปว่าเขา ไปได้แล้วไปชวนแม่เรากินของอร่อยเถอะ บอกแม่พักผ่อนบ้างเอาแต่ทำงานอยู่นั่นเตือนยังไงก็ไม่ฟัง งานก็ให้คนอื่นเขาทำบ้าง”
“น้ำมนต์พูดก็ไม่ฟังหรอกค่ะ งั้นหนูขอไปก่อนนะคะ ขอไปนวดให้ช่วยสี่ทุ่มนะคะ น้ำมนต์ต้องไลฟ์สดขายของก่อน”
“ไม่เป็นไรจ้ะวันนี้ไม่ปวด ไปทำงานของเราเถอะ แล้วเรื่องฝึกงานพี่เขาคุยกับเราแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ เฮียนนท์ให้น้ำมนต์ไปฝึกงานที่ช่องค่ะ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบ คนที่สั่งก็คงจะเป็นคุณหญิงป้าเนี่ยแหละ ถ้าไม่งั้นคนอย่างเขานะเหรอจะยอมให้เธอไปฝึกงานด้วย
“ดีแล้วจะได้ไปด้วยกัน เรียนจบมาก็ไปช่วยพี่เขาทำงาน รีบไปๆแม่จะรอ”
“ค่ะคุณหญิงป้า”
คุณหญิงมองเด็กสาวที่เดินไปทางห้องครัว ก็คงไปหาแม่นั่นแหละที่ประจำชอบไปคลุกอยู่ในครัว จากนั้นเธอก็เดินมาห้องอาหารรอกินข้าวกับลูกชายและสามีพร้อมหน้ากัน
“มาแล้วเหรอลูก มาๆพ่อกับแม่รออยู่”
“ครับ ทำไมไม่กินก่อนผมอ่ะรอทำไม”
เขาเอ่ยออกมาก่อนจะนั่งลงแล้วยกน้ำเย็นขึ้นดื่ม ทั้งสามคนนั่งทานข้าวด้วยกันคุณหญิงแปลกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆวันนี้ลูกชายซื้ออาหารโรงแรมกลับมาที่บ้าน
“ว่าแต่นึกยังไงซื้ออาหารโรงแรมกลับมาที่บ้าน”
พอได้ยินคำถามนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งไม่หาย ถ้าวันนี้ได้เซ็นสัญญาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เขาคงได้ทานเมนูพวกนี้กับทางค่าย และคงไม่ได้หิ้วกลับมาฝากที่บ้าน
“พูดแล้วก็เซ็งไม่หาย ผมยังไม่ได้เซ็นสัญญากับทางค่ายเกาหลีเลยครับ พายุเข้าเครื่องบินต้องลงจอดด่วน และการเซ็นสัญญาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โคตรซวยเลยแม่”
เขาบ่นออกมาอย่างระบาย แทนที่จะได้คุยรายละเอียดอย่างอื่นกลับพังลงไม่เป็นท่า
“เป็นงั้นไปเสียได้ พายุอะไรมาตอนนี้สภาพอากาศก็ดีออก หรือว่า…”
คุณหญิงหันไปไปจ้องหน้าลูกชายอย่างคาดโทษ หรือเพราะเขาไม่เชื่อหนูน้ำมนต์ที่ให้ก้าวเท้าซ้ายออกบ้าน แถมยังใส่สีอัปมงคลไปด้วย
“หรือว่าอะไรครับแม่”
“ก็เราอ่ะไม่เชื่อน้อง น้ำมนต์บอกให้ใส่สูทสีกรมก็ไม่ฟังยืนยันจะใส่ดำ ให้ก้าวเท้าซ้ายออกบ้านก็ท้าทายเหยียบขวา เป็นยังไงล่ะซวยเลย”
คุณหญิงเอ่ยออกมาอย่างสมน้ำหน้าลูกชาย เขาส่ายหน้าไม่เชื่อเด็ดขาด ของแบบนี้ต้องโทษสภาพอากาศไม่ใช่มาเชื่ออะไรแบบนี้มันไร้สาระ
“ไร้สาระมากครับ ที่ซวยเพราะพายุหรอก พ่อเชื่อเรื่องพวกนี้หรือไง”
เขาหันไปหาพรรคพวก คนเป็นพ่อที่กำลังตั้งใจกินข้าวก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย
“เชื่อไว้ก็ไม่เสียหายนี่จริงมั้ย”
“ไม่อ่ะ ผมไม่เชื่อ”
เขายังยืนยันคำเดิมก่อนจะตักกินอาหารตรงหน้าต่อ คุณหญิงมองลูกชายก่อนจะส่ายหน้าอย่างปลงๆ คนแบบนี้ต้องเจอกับตัวเองซักครั้ง อาจจะเปลี่ยนใจเชื่อบ้างก็ได้
ทางด้านของน้ำมนต์เธอชวนแม่มานั่งทานของอร่อยหน้าบ้าน คุณหญิงท่านใจดีให้สองแม่ลูกมาพักอยู่ที่บ้านไม้ริมน้ำ
“ไปเอาของแพงๆแบบนี้มาจากไหนเยอะแยะ แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ไข่เจียวแม่ก็กินได้เปลืองเงินเปล่าๆ”
เธอมองเมนูตรงหน้าอย่างลำบากใจ คงแพงมากแน่ๆสงสารลูกที่อยากเอาใจเธอหาของดีๆมาให้กิน และเธอก็รู้สึกผิดที่ซื้อของแพงขนาดนี้ให้ลูกกินไม่ได้
“แม่ไม่ต้องห่วงจ้ะอาหารพวกนี้ได้มาฟรีค่ะ เฮียนนท์ใจดีแบ่งให้ชุดหนึ่ง”
“อะ..อะไรนะ คุณนนท์ให้มาเหรอ”
น้ำมนต์พยักหน้ายิ้มๆ
“ใช่จ้ะ ตอนแรกหนูขออนุญาตคุณหญิงป้าพาแม่ไปกินข้าวข้างนอก คุณนนท์บอกว่ามันเย็นแล้วก็เลยแบ่งให้ แม่กินเถอะนะจ้ะหนูอยากให้แม่ได้กินของอร่อย”
น้ำมนต์ตักอาหารตรงหน้าใส่จานให้แม่ น้ำผิงมองอาหารตรงหน้าสลับกับลูกสาวก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด
“แม่ขอโทษนะที่ไม่สามารถซื้อให้ลูกกินได้”
“ทำไมแม่พูดแบบนั้นคะ หนูไม่เคยน้อยใจอะไรแบบนี้เลยนะ ทุกวันนี้หนูมีความสุขที่สุดแล้วส่วนของพวกนี้ถ้าหนูเรียนจบมีงานทำ จะกินเมื่อไหร่ก็ได้”
น้ำมนต์ไม่อยากให้แม่รู้สึกผิด แค่ท่านเลี้ยงดูเธอมาอย่างดีแค่นี้ก็ดีมากแล้ว เธอไม่ได้ต้องการของแพงหรือของหรูหรา แค่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากที่สุดแล้ว
“แม่โชคดีที่มีลูกแบบหนู”
“หนูก็โชคดีที่มีแม่เป็นแม่จ้ะ รักแม่ที่สุดเลย”