บทนำ
“ผมไปก่อนนะครับแม่ วันนี้มีเซ็นสัญญาสร้างซีรี่ย์กับทางค่ายของเกาหลี พวกเขาบินมาเช้านี้ครับคงจะถึงบ่ายๆ”
“โชคดีนะลูก ขอให้ทุกอย่างราบรื่น”
คุณแม่ลูบผมลูกชายพร้อมกับอวยพรให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เธอกับสามีมีธุรกิจของตัวเองแต่ลูกชายชอบมาทางด้านนี้พวกเขาจึงไม่ขัดข้องอะไรปล่อยให้เขาทำตามความชอบ ส่วนพวกเธอก็คอยดูอยู่ห่างๆเท่านั้น
“เฮียนนท์คะ อย่าเพิ่งไปรอน้ำมนต์ก่อน”
เด็กสาวในชุดนักศึกษาคะโกนเรียกชายหนุ่มก่อนที่เขาจะเดินออกไปพ้นจากประตูบ้าน เขาหยุดชะงักไปก่อนจะหันไปมองเธออย่างสงสัย
“อะไรยัยน้ำเน่า ฉันรีบวันนี้ไปเรียนเองแล้วกัน”
“ไม่ได้จะไปด้วยค่ะ วันนี้เฮียนนท์ใส่สูทสีดำไม่ได้นะคะมันไม่นำโชค ไปเปลี่ยนเป็นสีกรมค่ะ แล้วเวลาเดินออกบ้านเหยียบเท้าซ้ายก่อนนะคะ รับรองว่าโชคดีไร้อุปสรรคค่ะ”
น้ำมนต์เอ่ยแนะนำชายหนุ่ม วันนี้เขาต้องไปเซ็นสัญญากับทางค่ายของเกาหลีร่วมทุนสร้างซีรี่ย์มันเป็นการเซ็นสัญญาที่สำคัญมากๆ เขาจะต้องเพริ้มความโชคดีเข้าไปจะได้ไม่เจออุปสรรคระหว่างทาง
“ไร้สาระฉันรีบ”
“ฟังน้องไว้ก็ไม่เสียหายนะลูก หนูน้ำมนต์เขาศึกษาศาสตร์ทางด้านนี้มา เราไม่เชื่อก็ต้องเชื่อของแบบนี้มันมีจริงนะ”
“ผมไม่เชื่อคนหนึ่งแล้วครับ ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์เท่านั้น ใส่สูทสีกลมอย่างนั้นเหรอ ไม่อ่ะผมชอบสีดำ แล้วเมื่อกี้บอกอะไรนะก้าวเท้าซ้ายออกบ้านใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
น้ำมนต์พยักหน้ายิ้มๆ เขาเดินออกไปถึงประตูก่อนจะเหยียบเท้าขวาออกบ้านแล้วหันมายิ้มมุมปากใส่เด็กสาว
“เท้าซ้ายนะคะ”
“อ่าวเหรอ… เหยียบผิดนะสิแย่จัง”
เขายักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปขึ้นรถ น้ำมนต์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เขาเป็นผู้ชายที่ดื้อที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาเลย แถมยังเปลี่ยนความคิดของเขายากอีก
“เฮ้อ! ตานนท์นี่นะ ไม่เป็นอะไรนะลูกวันนี้ไปเรียนยังไงเอ๋ย”
“นั่งรถเมล์ไปค่ะคุณหญิงป้า สายแล้วงั้นน้ำมนต์ไปก่อนนะคะ”
เด็กสาวยกมือไหว้ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที คุณหญิงดึงมือเธอไว้ก่อนจะสั่งให้คนขับรถพาน้ำมนต์ไปส่งที่มหาวิทยาลัย ถึงจะเป็นแค่ลูกสาวแม่บ้านแต่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก คอยอบรมสั่งสอนมารยาทต่างๆเหมือนเป็นลูกอีกคนก็ว่าได้
“ให้ลุงพร้อมไปส่งเถอะ จะนั่งรถเมล์ไปทำไมอันตรายคนก็เยอะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะน้ำมนต์เกรงใจ แค่นี้คุณหญิงป้าก็ดีกับหนูมากแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยเรียนจบได้ทำงานก็ซื้อรถได้แล้วค่ะ”
“ป้าซื้อให้มั้ย”
น้ำมนต์รีบโบกมือส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไว แม่บอกว่าอย่าเอาอะไรจากคุณหญิง ท่านมีพระคุณกับเราสองคนมากที่สุดแล้วตั้งแต่ไหนแต่ไรมาอย่าไปรบกวนท่านอีกเลย
“ไม่เอาค่ะไม่เอาเด็ดขาด งั้นน้ำมนต์ไปแล้วนะคะเจอกันตอนเย็นค่ะเดี๋ยวมานวดให้”
“จ้ะก็ได้ งั้นวันอื่นให้พี่เขาไปส่งนะลูก ทางเดียวกันติดรถไปนั่นแหละดีแล้ว”
“ค่ะ”
น้ำมนต์ยกมือไหว้ท่านอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปทันที เธอเดินออกจากบ้านไปยังป้ายรถเมล์ขึ้นไปอย่างชำนาญเพราะขึ้นมาตั้งแต่เด็กเล็ก แม่บอกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเราถ้าจะซื้อรถแล้วไปขอจอดกับพวกท่านก็เกรงใจ แม่ก็เลยบอกว่าอนาคตถ้าเธอเรียนจบได้ทำงาน จะซื้อให้แล้วจะอนุญาตให้เธอออกไปอยู่ข้างนอกได้ เธอวางแผนอนาคตไว้ว่าถ้าเรียนจบจะไปหางานทำแล้วซื้อบ้านซักหลังจะพาแม่ไปอยู่ด้วยกัน นี่เป็นความฝันที่เธอคิดไว้
ทางด้านของคุณหญิงท่านเดินมาหาคุณแม่ของน้ำมนต์ในห้องครัว น้ำผิงกำลังล้างจานอยู่เจอคุณหญิงก็ยิ้มออกมาทันที
“มีอะไรให้น้ำผิงรับใช้หรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกน้ำผิง ฉันแค่จะมาปรึกษาอะไรนิดหน่อย หนูน้ำมนต์โตเป็นสาวแล้วนะจะเรียนจบอยู่แล้วทำไมปล่อยให้ลูกนั่งรถเมล์ไปเรียน ซื้อรถให้ซักคันสิฉันจะซื้อให้ก็ไม่เอา”
“อย่าเลยค่ะคุณหญิง แค่นี้ก็มีพระคุณกับน้ำผิงแล้วก็ลูกมากแล้ว อีกอย่างเดี๋ยวก็ฝึกงานแล้วค่ะดิฉันอาจจะให้ลูกไปอยู่หอพักใกล้ที่ทำงาน จะได้เดินทางสะดวก”
เธอคิดไว้ว่าจะให้ลูกออกไปอยู่ข้างนอก เธอโตเป็นสาวแล้วจะต้องไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยู่ที่นี่ก็ต้องเป็นลูกแม่บ้านไปตลอด ลูกควรจะไปเผชิญโลกภายนอกบ้าง
“ไปทำไม หนูน้ำมนต์เรียนนิเทศก็ให้ฝึกงานที่ช่องของตานนท์ ไปกลับด้วยกันทุกวันก็ได้ที่เดียวกัน”
“เกรงใจคุณนนท์ค่ะ ถ้าต้องรับส่งแบบนี้จะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว จะนัดทานข้าวกับใครหรือไปกับใครก็จะลำบากใจเสียเปล่า”
เธอเกรงใจทุกคนที่บ้าน ตอนที่เธอท้องแล้วมาขอทำงานที่นี่คุณหญิงกับคุณดลท่านมีเมตตา ขนาดเธอท้องอยู่ยังรับมาทำงานช่วยดูแลค่าใช้จ่ายของลูกอีก เจ้านายใจดีขนาดนี้หาที่ไหนได้อีกกัน เธอสำนึกในบุญคุณของพวกท่านและจะไม่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจแน่นอน
“เกรงใจอะไรกัน เฮ้อ! น้ำผิงนี่ดื้อไม่เปลี่ยน”
“ผิงจะไปตลาดค่ะคุณหญิงอยากได้อะไรมั้ยคะ”
“ไม่จ้ะไปเถอะ”
น้ำผิงยิ้มออกมาก่อนจะขอตัวไปจ่ายตลาด เธอขอให้ลุงพร้อมออกไปส่งที่ตลาดใจกลางเมือง เดินซื้อของหลากหลายเอาไว้ใช้ทำอาหารทุกมื้อ มีแม่บ้านอีกคนมาช่วยถือของด้วย
“พี่น้ำผิงเดี๋ยวเดือนไปห้องน้ำก่อนนะ”
“อืม ไปเถอะพี่อยู่แถวนี้แหละ”
น้ำผิงเดินไปเรื่อยๆก่อนจะชะงักไปเมื่อเจอชายที่คุ้นเคย เธอก้มหน้าให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปอีกทาง แต่ว่าถูกเขาดึงเข้ามาหาเสียก่อน
“ทำไมปล่อยลูกนั่งรถเมล์ บอกว่าให้ซื้อรถให้ลูกไม่ใช่เหรอ ถ้าอยู่ที่นั่นลำบากออกมาอยู่ข้างนอกสิผมจะซื้อบ้านให้”
เธอเงยหน้ามองเขาก่อนจะส่ายหน้า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องอะไรกัน ตั้งแต่เธอท้องจนลูกอายุ22ปี เธอไม่เคยขอเงินเขาแม้แต่บาทเดียว ใช้เงินของตัวเองเลี้ยงลูกมาจนโตขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังวนเวียนเสนอเงินให้ทุกอย่าง แต่เธอไม่อยากจะยุ่งด้วยเพราะสถานะของเธอไม่ต่างจากเมียน้อย ถึงแม้ว่าตอนที่คบกันเธอจะไม่รู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้วก็เถอะ แต่พอรู้เรื่องเธอก็เลิกยุ่งกับเขาทันทีและไม่คิดอยากจะติดต่อสานความสัมพันธ์ต่อ จนเมื่อสองปีก่อนภรรยาของเขาเสียชีวิตลงเขาเริ่มมาเจอเธอบ่อยขึ้น จะพาไปอยู่บ้านด้วยจนเธออึดอัด และอีกอย่างกลัวว่าน้ำมนต์รู้เรื่องแล้วจะรับไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของพ่อ
“อย่าดีกว่าค่ะ ต่างคนต่างอยู่เถอะค่ะอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเราสองคนอีกเลย ขอตัวนะคะ”