เปลือกตาขวากระตุกหลายครั้ง กษมาต้องพาร่างกายอ่อนแรงไปนั่งในป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง รอบกายฟ้ามืดแต่หล่อนยังกลับไม่ถึงบ้าน ป่านนี้ทุกคนคงเป็นห่วงแต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อหล่อนเหนื่อยแทบขาดใจแต่ต้องกัดฟันเดินกลับบ้าน ล่วงเลยนับสัปดาห์แล้วยังหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งไม่ได้ สมัครที่ไหนเขาก็ปฏิเสธทันทีจนบางครั้งก็อดน้อยใจและคิดตามไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของคุณทรงพล เขาอาจจะแค้นใจที่หล่อนขัดขืนอีกทั้งยังทำให้เลือดตกยางออกเลยมาแก้แค้นด้วยวิธีนี้ แต่กษมาก็พยายามคิดในแง่ดีเบี่ยงเบนไปว่าคงจะไม่ใช่ฝีมือเขา
กัดฟันลุกขึ้นเดินต่อผ่านผู้คนมากมายที่มุ่งหน้ากลับบ้าน กลับไปหาครอบครัวหรือใครสักคนที่กำลังรออยู่ที่ปลายทาง เหมือนหล่อนที่มีพ่อแม่กับลูกชายรอคอย เปลือกตายังคงกระตุก ไม่รู้เพราะเหตุใดแต่ใจหล่อนกลับคิดวนเวียนแค่ไม่ครอบครัวก็คงจะเป็นเขาคนนั้นกระมัง
เพราะคนที่หล่อนรักก็มีอยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือ พี่เก้า
น้ำตาไหลอาบแก้มอีกแล้ว กษมายกหลังมือเช็ดออกอย่างเร็ว พอแล้ว ไม่อยากร้องไห้เพราะคิดถึงเขาคนนั้นอีก เส้นทางที่แยกออกจากกันคงไม่มีวันกลับไปบรรจบกันได้ ป่านนี้เขาคงกำลังมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่นต่างจากหล่อนที่ยังหวนคิดถึงอดีตอยู่ทุกคืนวัน
อดีต… ที่ได้เคยใช้คำว่า ‘เรา’ ร่วมกัน
ใช้เวลาเดินเท้าร่วมสิบห้านาทีกษมาก็กลับมาถึงบ้านเช่าหลังเล็ก น้องวินกำลังนอนระบายสีอยู่กับคุณยายขณะรอคอยหล่อนกลับมาบ้าน เป็นอีกวันที่กษมาค่อนข้างเหนื่อยแต่ก็เป็นประจำที่ต้องกัดฟันข่มความเหนื่อยไว้ในใจนำเงินที่หามาได้ให้มารดาเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายครอบครัว
บิดาหลบตาส่วนมารดานั้นไม่พูดอะไรเพียงยกมือขึ้นลูบศีรษะหล่อนเบาๆ กษมาเข้าไปกอดพวกท่านสองคนก่อนขยับมานั่งข้างลูกชาย “ระบายสีสนุกไหมครับ”
“สนุกคับ ทำไมคุณแม่กลับบ้านช้าจังเลย”
เด็กชายวัยสี่ขวบถามพลางระบายสีอย่างมีความสุข ร่างเล็กกึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นเย็นเฉียบ
“ช่วงนี้คุณแม่เลิกงานช้าครับ”
บอกลูกชายก่อนหันกลับมามองหน้ามารดา “แม่พาพ่อไปพักผ่อนเถอะนะคะเดี๋ยวกั้งอยู่ดูแลน้องวินต่อเอง”
“จ้ะ” นางกฤษณารับคำก่อนพาวีลแชร์ของสามีไปยังห้องพัก ตรงกลางบ้านจึงเหลือแค่สองแม่ลูก
“วันนี้ไปโรงเรียนคุณครูสอนอะไรบ้างครับ”
“คุณครูสอนน้องวินกับเพื่อนๆ วาดรูปแล้วก็ให้เอากลับมาระบายสีที่บ้านคับ คุณยายซื้อสีใหม่ให้น้องวินด้วย สวยไหมคับคุณแม่” เด็กชายอวดกล่องสีของตัวเองด้วยรอยยิ้ม รู้สึกภูมิใจในสมบัติน้อยชิ้นที่เป็นของตนเอง นัยน์ตาของกษมาลดลงมองสีกล่องเล็กแล้วยิ้มไม่ออก สงสารลูกที่เกิดมามีแม่อย่างหล่อนเลยต้องมีชีวิตยากลำบากตามไปด้วย หล่อนอยากให้ลูกสบาย แต่ก็รู้เต็มอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
“ระบายสีให้สนุกนะคับ ถ้าหมดแล้วคุณแม่จะซื้อให้ใหม่กล่องใหญ่ๆ เลย”
“จริงเหรอคับ”
“จริงครับ”
“ขอบคุณคับคุณแม่ ดูสิคับ น้องวินวาดรูปคุณพ่อด้วย ตรงนี้มีคุณพ่อคุณแม่น้องวินคุณตาบนรถเข็นกับคุณยาย สวยไหมคับ” เด็กชายหยิบกระดาษที่แอบซุกซ่อนไว้มาส่งให้มารดาดู ก่อนหน้านี้ไม่กล้าส่งให้คุณตาคุณยายดูเลยรอให้คุณแม่ดูคนเดียว
กษมามองรูปนั้นด้วยแววตาอ่อนโยน รูปนี้ทำให้หล่อนคิดถึงเขาอีกครั้ง “สวยครับ สวยที่สุดเลย”
เด็กชายธาวินกลับมาระบายสีต่อ พลางพูดเบาๆ “น้องวินอยากเจอคุณพ่อจังเลย คุณแม่พาน้องวินไปหาคุณพ่อได้ไหมคับ”
“ไม่ได้หรอกลูก คุณพ่อทำงานหนักไม่มีเวลาว่างให้เราหรอกครับ”
“คุณพ่อไม่รักน้องวินเหรอคับ”
“ไม่ใช่ครับ คุณพ่อรักน้องวินมากแต่คุณพ่อทำงานหนัก สักวันน้องวินจะต้องได้เจอคุณพ่อแน่นอนเก็บรูปนั้นไว้ให้ดีๆ นะครับ”
“คับ น้องวินเก็บไว้กับตัวตลอดเลย น้องวินอยากเจอคุณพ่อที่สุดในโลก” เด็กชายบอกเสียงสดใสตามประสาเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามารดาที่นั่งอยู่ข้างหลังกำลังน้ำตาไหล
กษมาสมเพชตัวเองที่ขายความฝันลมๆ แล้งๆ ให้ลูกมีความหวังทั้งที่ความจริงหล่อนคงไม่มีหน้ากลับไปพบเขาอีก