ตอนที่ 2

1070 Words
ด้วยนางตระหนักดีว่าทุ่งไร่ทุ่งนาของชนบทบ้านนอกแห่งนี้คงไม่สามารถให้อนาคตที่ดีกับพิมพิลา          และเงินทองที่ตินน์เสนอให้เพื่อแลกกับพิมพิลา ก็ไม่ใช่น้อย มันมากพอที่ป้านวลกับปู่ดำจะเอาไปไถ่ถอนไร่นาและบ้านที่จำนองเอาไว้ และยังมีเหลือเผื่อไว้ใช้จ่ายอย่างสบาย                  “ทำแบบนี้… ไม่เท่ากับว่าเราขายหลานกินหรือจ๊ะพี่ดำ”          ป้านวลเอ่ยถามสามี แม้จะตัดสินใจยกหลานสาวให้เขาไปแล้ว หากแต่หล่อนก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย          “อย่าไปคิดอย่างนั้น คิดเสียว่าเรายกพิมพิลาให้เขาก็เพราะเราห่วงอนาคตของหลาน เราส่งหลานไปสู่อนาคตที่ดีกว่า”          ลุงดำสรุปพลางปลอบใจภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก มองดูหลานสาวก้าวขึ้นรถจากัวร์คันหรู จากไปพร้อมกับชายหนุ่มผู้เป็นทายาทของเศรษฐีตระกูลดัง          ครอบครัวของตินน์อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ โอบล้อมไว้ด้วยกำแพงอิฐและสวนป่าเขียวขจี          ผู้คนขนานนามคฤหาสน์แห่งนี้ว่า ‘คฤหาสน์สีเทา’ เพราะว่าทั้งหลังทาด้วยสีเทา          แม้คฤหาสน์สีเทาหม่นทึมหลังนี้จะตั้งตระหง่านอยู่ใกล้เชิงเขามานานหลายสิบปี แต่ก็มีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวภายในของคฤหาสน์หลังนี้มากนัก          เพราะว่าผู้คนในตระกูลนี้ค่อนข้างเก็บตัว จึงไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับผู้คนภายนอก แต่สามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับตระกูล ด้วยการทำการค้ากับผู้คนทั่วโลก ผ่านช่องทางการสื่อสารทันสมัยของปัจจุบันที่ทำให้โลกแคบเข้าหากันทุกวัน            อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา          เมื่อพิมพิลาถูกนำตัวเข้ามาในคฤหาสน์ ตินน์พาหล่อนมาแนะนำให้รู้จักกับผู้คนในครอบครัวของเขา          ทว่าการแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายในครอบครัวครั้งนี้ ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะว่ามันเป็นการแนะนำด้วยภาพถ่ายบานใหญ่ที่ติดไว้ข้างฝาผนังของห้องรับแขก          “นี่คุณปู่รามพ์”          ตินน์เอานิ้วชี้ไปที่รูปของผู้ชายสูงวัย ตัวใหญ่ ผิวสีแทน อายุแปดสิบปี ‘รามพ์’ เป็นนายใหญ่ของบ้าน นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ พนักเก้าอี้แกะสลักเป็นรูปพญาอินทรี แผ่ปีกโอบชายอีกสามคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง          “คนนี้คือพ่อรอนน์… เป็นพ่อของผม”          ตินน์กล่าว จากนั้นก็ชี้มาที่คนถัดมา          “แล้วคนนี้พี่แดนน์… เป็นพี่ชายของผม”          ตินน์แนะนำคนที่ยืนอยู่ติดกับตัวเอง          “แล้วเมื่อไรหนูจะได้เจอตัวจริงของพวกเขาคะ”          พิมพิลารู้สึกตื่นเต้น เพราะดูเหมือนว่าอะไรๆ ในคฤหาสน์แห่งนี้จะดูลึกลับไปเสียหมด          “ไม่ต้องใจร้อนแม่สาวน้อย… เดี๋ยวเธอจะได้เจอทุกคนจนครบแน่ๆ”                   วันรุ่งขึ้น          เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายของชายหนุ่มผู้เกิดในตระกูลที่มี ‘ขนบประเพณี’ แปลกๆ เป็นของตัวเอง ก็มาถึงงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ถูกจัดขึ้นในตอนค่ำ          ทว่านอกจากตินน์กับพิมพิลา ก็ไม่มีแขกเหรื่อคนอื่นๆ หรือญาติพี่น้องของตินน์คนใดมาร่วมงาน จะมีก็แค่สาวใช้ที่คอยเข้ามาดูแลรับใช้          “เอ่อ… แล้วคุณปู่… คุณพ่อ… และพี่ชายของคุณยังไม่มาหรือคะ”          พิมพิลาถามด้วยความสงสัย อันที่จริงยังมีความสงสัยอีกมากมายที่ผุดเข้ามาในหัว นับจากก้าวแรกที่ย่างกรายเข้ามาในคฤหาสน์สีเทาหลังนี้          “อย่าใจร้อน… คืนนี้เธอจะได้เจอพวกเขาทุกคนจนครบ”          ตินน์กล่าว แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวหายสงสัย          ในระหว่างงานเลี้ยง          เหตุการณ์ทุกดำเนินไปอย่างปกติ กระทั่งถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ พิมพิลาจึงสังเกตเห็นความไม่ปกติบางอย่าง เมื่อเข้ามาอยู่ด้วยกันในห้องนอนแล้วตินน์ไม่ยอมแตะต้องล่วงเกินหล่อนแม้แต่น้อย ทั้งที่ก็อยู่กันสองต่อสอง และเขามีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ ในฐานะสามีของหล่อน          “เกิดอะไรขึ้นคะ… คุณตินน์”          เจ้าสาวถามเจ้าบ่าวด้วยความสงสัย          “พิมพ์… ”          ตินน์เรียกชื่อภรรยา เขาเดินเข้ามาจับมือหล่อน ยกขึ้นมาจุมพิต กุมไว้แนบอก สวมกอดแนบแน่นแล้วกล่าวประโยคที่ทำให้พิมพิลารู้สึกกลัวกับเรื่องแปลกๆ ภายในคฤหาสน์สีเทาหลังนี้          “ฉันรักเธอนะแม่สาวน้อย… แต่ตระกูลของเรามี ‘จารีต’ บางอย่างที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่ของปู่… และฉันต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอแต่แรก”          ตินน์ยกมือขึ้นมาเชยแก้มนวลของเจ้าสาว คืนนี้พิมพิลาสวยมากจนผู้ชายทุกคนในตระกูลเอ่ยชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่าตินน์ตาแหลมคม เลือกสะใภ้ได้ถูกใจทุกคนในบ้าน ตอนที่เขาเอาภาพถ่ายของหล่อนมาอวด          “จารีตที่ว่า… มันคืออะไรคะ?”          หัวคิ้วของหญิงสาวชิดเข้าหากันด้วยความสงสัย          “ตระกูลของเราเรียกมันว่า ‘ราคะจารีต’... ”          ถึงเวลาที่ตินน์ต้องบอกความจริงทุกอย่าง          “คืออะไรคะ?”          หัวคิ้วโค้งเรียวชิดเข้าหากัน          “คือประเพณีที่ผู้ชายในตระกูลของเราใช้สะใภ้ร่วมกัน”          ตินน์บอกเรื่องที่ทำเอาหัวใจของเจ้าสาวหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หล่อนยกมือขึ้นทาบอก ตกใจแทบช็อกกับเรื่องประหลาดในตระกูลนี้          “แต่ที่หนูแต่งงานกับคุณตินน์… ก็เพราะว่าหนูรักคุณตินน์นะคะ”          พิมพิลาบอกเป็นนัยว่าหล่อนไม่ต้องการเป็นของคนอื่นนอกจากเขา แต่ประโยคที่ตินน์ตอบกลับมาก็ทำให้หล่อนถึงกับอึ้ง          “ฉันเข้าใจ… ที่ฉันแต่งงานกับเธอก็เพราะว่าฉันรักเธอมาก… และผู้ชายทุกคนในตระกูลนี้ก็จะรักเธอไม่น้อยไปกว่าฉัน… ทุกคนจะยกย่อง เชิดชู ให้เกียรติว่าเธอคือ ‘ยอดสะใภ้แห่งวงศ์ตระกูล’… ”          ตินน์สรุป และมันทำให้ความเจ็บแปลบแล่นร้าวเข้ามาในอกของหญิงสาว          น้ำตาของพิมพิลาเอ่อคลอเบ้ากับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าจะต้องตีความคำว่า ‘ยอดสะใภ้แห่งวงศ์ตระกูล’ ให้เข้าใจง่ายๆ  ฐานะของหล่อนก็คงไม่ต่างจาก ‘โสเภณีบำเรอกาม’ เป็นที่ปลดเปลื้องระบายอารมณ์ให้กับผู้ชายทุกคนในคฤหาสน์ลึกลับหลังนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD