CHAPTER 3 #Korn

1918 Words
หลังไปทำแผลที่โรง’บาลประจำเสร็จ ผมก็กลับบ้านไปกินข้าวเย็นกับแม่ และแน่นอนว่าการลอบทำร้ายในลานจอดรถนั่นถึงหูบุพการีของผมเรียบร้อยแล้วด้วยฝีมือเลขาของท่าน ต้องปลอบประโลมกันยกใหญ่กว่าแม่จะสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต กว่าจะถึงคอนโดก็มืดค่ำ แต่เพราะผมยังไม่ง่วง ก็เลยลงไปแกล้งคนเล่นฆ่าเวลา ผมให้คนไปสืบมาแล้วมาพีทพักอยู่ห้องอะไร ถึงจะเช่าห้องต่อคนอื่นอีกทีก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถหรอก ตอนนี้ผมมาหยุดอยู่หน้าห้อง 902 ของเจ้าตัว เพิ่งรู้ว่าห้องชั้นล่างๆ ไม่ได้ติดกริ่ง ผมจึงต้องเคาะประตูเอา รอบแรก ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนมาเปิด ผมเลยลองเคาะรัวๆ อีกที คราวนี้เจ้าของห้องก็ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะกลายเป็นตกใจ “Hi” ผมทัก จากนั้นก็หาเรื่องคุยโดยการเอาเรื่องยามาอ้าง ผมไม่โง่ขนาดไม่รู้หรอกนะว่ายาต้องกินตอนไหน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกยิงเสียหน่อย แค่อยากมาเห็นมันทำสีหน้าตลกๆ เท่านั้นแหละ ผิดคาดไปหน่อยที่สุดท้ายมันถึงกับชวนผมเข้าห้อง แต่ไม่เป็นไร ผมเล่นตามน้ำไปได้ “ถอดเสื้อ” มันสั่ง แน่นอนว่าถูกผมกวนกลับ “มึงจะทำอะไรกู” พร้อมแอคติ้งสาวแตกสุดชีวิต พีทดีดหน้าผากผมหนึ่งทีอย่างที่ชอบทำ แต่เหมือนมันจะนึกขึ้นได้ว่าเราไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วเลยรีบผละออกไป ไม่นานมันก็มาเรียกให้ผมตามเข้าไปในห้องน้ำ แหม เป็นสเต็ป 18+ ที่คุ้นๆ นะครับ ชวนเข้าห้องแล้วไปห้องน้ำต่อเนี่ย ถ้าคนที่ชวนไม่ใช่พีทผมบอกเลยว่าฉากต่อไปคือการตัดภาพไปที่โคมไฟแน่นอน แต่เพราะคนที่ชวนคือพีทไงล่ะ แม้ว่าจะจับผมถอดเสื้อแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็มีแค่การเช็ดตัวเท่านั้น เซ็งเลย ผมมองตามมือเรียวที่ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดๆ ราวกับว่ากลัวผมจะเจ็บ พีทเป็นอย่างนี้เสมอแหละ ทำอะไรเบามือเสียจนผมสงสัยว่ามันจะมีแรงพอเปิดขวดกระทิงแดงมั้ย ผมนั่งเงียบๆ มองมันเช็ดตัวไปสักพักก็เบื่อ เลยพูดทำลายความเงียบขึ้นมา “มึงดูเกร็งนะ” พีทชะงักมือก่อนเฉไฉไปเรื่องอื่น ขณะที่มันกำลังจะลุกเอาของไปเก็บผมก็รั้งมันไว้ แต่อาจจะแรงไปหน่อยร่างนั้นก็เลยเสียหลักปล่อยทิ้งกะละมังลงใส่ผมซะงั้น ดีนะที่แผลไม่เปียกมาก เจ้าตัวระล่ำระลักขอโทษ ก่อนจะค่อยๆ ใช้นิ้วปาดน้ำออกจากรอบๆ แผลของผม วินาทีที่ปลายนิ้วสัมผัสหน้าอกเปลือยเปล่า ผมรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าเบาๆ วิ่งออกมาจากจุดนั้นไปทั่วร่าง แต่คงเป็นความรู้สึกของผมคนเดียว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเลยแม่แต่น้อย หลังกลับจากเปลี่ยนเสื้อผมก็โดนดุอีกครั้งข้อหาไม่ใส่เสื้อ พีทมันเป็นคนมีระเบียบครับ อีกนิดนึงก็เข้าข่ายเป็นคนเยอะแล้ว มันมีกฎระเบียบของมันอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด บางเรื่องก็ดูมีเหตุผลดีหรอก แต่บางเรื่องผมก็ไม่เข้าใจ พอไม่เข้าใจก็จำไม่ได้ อย่างเรื่องไม่กินน้ำเย็นนั่นไง ตอนหลังผมถึงมานึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่มันไม่กินน้ำเย็น มันบอกว่าเคยป่วยหนักและโดนงดน้ำเย็นเป็นอาทิตย์ๆ หลังจากหายก็รู้สึกว่าน้ำเย็นไม่อร่อยอีกเลย “แล้วมึงจะเดินกลับห้องสภาพนี้เหรอ” มันมองมันหัวจรดเท้า “งั้นให้กูนอนนี่ได้ป่ะ” “ฝันไปเหอะ!” ถึงปากจะห้ามอย่างนั้น แต่พอผมแกล้งทำหน้าจ๋อย พีทก็เหมือนจะรู้สึกผิดขึ้นมา “คือเตียงกูเล็ก จะนอนยังไงสองคน” “กูนอนโซฟาก็ได้” “มึงเป็นแผลอยู่ เกิดพลัดตกขึ้นมาแผลเปิดอีกทำไง” “งั้นมึงก็ไปนอนโซฟา” “แต่นี่มันห้องกูนะ” “แต่นี่คอนโดกู” พีทอมลมในปากแบบที่ชอบทำเวลาไม่พอใจ มันฟึดฟัดดันหลังผมไปที่ประตู โถ คิดว่าสู้แรงกูได้เหรอ ลูกหมาเอ๊ย “ไล่กูจังเลยนะ กลัวอยู่ใกล้ๆ กันนานๆ แล้วจะหวั่นไหวเหรอ” แก้มขาวขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะทุบหลังผมดังอั่ก “กูรังเกียจมึงหรอก ตัวเหม็นขนาดนี้กูให้เข้าห้องก็บุญแล้ว” มันย่นจมูกทำท่าประกอบจนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดึงจมูกเล็กๆ นั่นเล่น “โอ๊ย!” “กวนตีน” ผมด่ามันกลับด้วยประโยคที่มันชอบใช้ด่าผมมาตั้งแต่สมัยเรียน “ดึกละ บอกมามึงต้องการอะไรจากกู เอาดีๆ” พีทเปลี่ยนมากอดอกพูดจามีสาระแทน “หมอ” ผมตอบมันไปตรงๆ “ฮะ?” “กูบอกว่ากูต้องการหมอ” “ล… แล้วทำไมต้องเป็นกู ลูกน้องมึงก็เช็ดตัวให้มึงได้” “แต่ไม่เหมือนมึงเช็ด” “ถ้าเรื่องทำแผล กูว่าไปโรงพยาบาลที่เครื่องมือพร้อมดีกว่า” “หมอที่โรง’บาลเขาไม่สนหรอกว่ากูจะเจ็บหรือเปล่า กูเลยชอบให้มึงทำมากกว่า” พีทก้มหน้าเม้มปากเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันจะต้องพินิจพิเคราะห์อะไรขนาดนั้น ไอ้สัดไม่ได้จะซื้อหุ้น Forex นะ กูเครียดตามเลยเนี่ย “งั้นมึงไปอยู่ห้องกูก็ได้ถ้างั้น” สุดท้ายก็เป็นผมที่ทนไม่ไหวเลยชิงพูดขึ้นมาก่อนจะถูกปฏิเสธ “ฮะ?” “ก็มึงไม่อยากให้กูนอนเตียงมึง งั้นมึงก็ไปนอนเตียงกูก็ได้” “ฮะ!” “มึงจะอีกกี่ฮะเนี่ย ไปๆ เก็บของ อาบน้ำแล้วใช่มั้ย ตามมาเลย” สุดท้ายผมก็ล่อลวงมันมาที่ห้องได้อย่างงงๆ นี่ทำไปเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้สึกว่ามันสนุกดีที่ได้แกล้งคนตัวเล็กๆ แบบนั้นอ่ะ “แล้วลูกน้องมึงไปไหนหมด” พีทถามหลังกวาดดวงตากลมใสของมันไปทั่วห้องแล้วไม่พบใครนอกจากผม “อยู่ห้องข้างๆ นี่แหละ” แล้วก็ยังมีเฝ้าที่หน้าลิฟต์และบันไดหนีไฟด้วย “ชีวิตมึงอันตรายขนาดนี้เลยเหรอวะ” ผมเดินเข้าห้องนอนเพื่อไปใส่เสื้อ ได้ยินมันบ่นอะไรงึมงำๆ กับตัวเองสักอย่าง แต่ไม่ได้สนใจ พอกลับออกมาอีกทีก็เห็นเจ้าตัวกำลังชื่นชมห้องครัวของผมอยู่ “เสียดายครัวดีๆ” มันพูดขึ้นเมื่อเห็นผมเดินกลับมา “มึงทำกับข้าวเองบ้างป่ะ” “ก็อาหารง่ายๆ” “เสียดาย ดูดิทั้งเตาอบ เครื่องดูดควันอีก เคยใช้บ้างมะถามจริง” “ช่างกูเหอะ” ผมบอกปัด “เสียดายนักก็มาใช้บ่อยๆ” “ได้เหรอ” “ไม่ได้หรอกกูพูดให้ความหวังมึงไปงั้นอ่ะ” “กวนตีน” พีทว่ายิ้มๆ “งั้นพรุ่งนี้เช้ากูทำกับข้าวให้” “ไม่ทำงานหรอ” “ทำ ก็กินก่อนไปไง” “กูคงตื่นไม่ทัน” “เดี๋ยวกูทำไว้ให้ไง ตื่นเมื่อไรก็มากิน” “ใจดีจัง” สิ้นคำนั้น ไอ้หมอพีทชะงักไปแวบหนึ่ง ก่อนจะผละออกจากห้องครัวไปโดยไม่พูดอะไร ทำไมวะ ผมพูดไรผิด หรือว่า... อย่าบอกนะว่ามันยังชอบผมอยู่อ่ะ ทั้งๆ ที่ควรจะรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่เปล่าเลย ผมกลับรู้สึกดีใจนิดๆ ด้วยซ้ำ นี่คือกูโรคจิตเหรอวะ หรืออะไร ผมยอมรับว่าช่วงแรกๆ ที่เลิกกันผมเสียใจจนแทบบ้า ส่วนหนึ่งก็เพราะรู้ว่าเป็นความผิดของตัวเองที่วู่วามบอกเลิกเนี่ยแหละ ทั้งๆ ที่เราเข้ากันได้ดีขนาดนั้น ผมกลับบอกเลิกมันด้วยเหตุผลโคตะระงี่เง่าคือมันไม่มีเวลาให้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องเรียนเรื่องอนาคตมันสำคัญกว่าความรักก็เหอะ แต่หลังจากนั้นชีวิตของผมก็ปกติดี มีนึกถึงบ้างเวลาทำอะไรที่เคยทำด้วยกัน แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับช้ำใจจนไม่สามารถ move on ต่อไปได้เสียหน่อย “เหม่อไรมึง ไปนอนๆ” เสียงพีทเรียกจากกรอบประตูทำผมหลุดออกจากภวังค์ แต่เดี๋ยวนะ ไอ้มือที่หอบหมอนผ้าห่มอยู่นั่นหมายความว่าไงวะ “มึงจะไปไหน” “กูจะนอนโซฟา กลัวกลิ้งไปชนแผลมึงตอนหลับ” “ไม่ต้องเลย มานี่” ผมรวบตัวทั้งคนทั้งผ้าห่มลากไปยังห้องนอน พีทดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแต่สุดท้ายก็สู้แรงผมไม่ได้ เอาวะ ในเมื่อผมยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง งั้นตอนนี้ก็ขอพิสูจน์สมมติฐานเรื่องความรู้สึกของมันก่อนแล้วกัน “นอน” ผมเหวี่ยงร่างที่สูงประมาณจมูกลงกับเตียงก่อนทาบทับโดยมีเพียงผ้าห่มกั้น พีทมีสีหน้าเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ตากลมๆ สั่นไหว มองซ้ายมองขวาหาทางหนีทีไล่ เป็นภาพที่ดูน่ารักชอบกล หืม? น่ารักเหรอ นี่กูกำลังคิดว่ามันน่ารักอยู่เหรอ พีทอาศัยจังหวะที่ความคิดผมกำลังตีกับตัวเองสไลด์ร่างไปด้านข้าง ก่อนจะไปยืนตั้งการ์ดเตรียมด่าอยู่ข้างเตียง “มึงเล่นไรเนี่ย!” ไม่รู้หน้าแดงๆ นั่นมาจากอาการเขินหรือหัวเสีย แต่เสียงดังแบบนี้ผมว่าน่าจะอย่างหลังแล้วล่ะ “ขอโท...” “มึงนอนคว่ำแบบนั้นได้ไง เพิ่งเย็บมาอย่าเพิ่งเอาแผลไปถูอะไรสิวะ” “…” เดี๋ยวนะ นี่คือด่าเพราะห่วงกูเหรอ กูควรดีใจใช่มั้ย แต่ที่ทำนี่กูกะให้มึงเขินนะ “มึงไปนอนดีๆ เลยคุณภากร” มันสั่งเสียงเขียว ผมเลยยอมเดินไปปิดไฟแล้วมาล้มตัวลงนอนข้างๆ อย่างว่าง่าย คุณหมอนอนตะแคงหันหลังให้ผม ไม่รู้ว่าเพราะถนัด อยากหนีหน้าหรืออยากมองวิวด้านนอกกันแน่ “หลับยัง” ผมถาม “…” เงียบ โอเคหลับก็หลับ ผมนอนฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนตรงข้างอยู่อีกครู่ ไม่รู้อะไรดลใจให้ค่อยๆ ขยับพาร่างตัวเองเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนหน้าอกเกือบจะชิดแผ่นหลังเจ้าตัว เสียงสั่นเตือนว่ามีข้อความเข้าจากมือถือของผมทำให้ร่างตรงหน้าขยับตัวอย่างรำคาญนิดหน่อย ผมควานมือไปด้านหลังก่อนหยิบเอาเจ้าเครื่องมือสื่อสารยี่ห้อผลไม้ชื่อดังที่ตกใส่หัวนิวตันมาเปิดอ่านข้อความจากลูกน้องคนสนิท ‘รถเช่า เอกสารปลอม’ ข้อความมีความยาวแค่นั้น ระหว่างผมกับจิตตินเราคุยงานกันแบบนี้เสมอ พิมพ์มาแค่คีย์เวิร์ดไม่เวิ่นเว้อ ไม่ส่งผ่านแอพพลิเคชั่นหรืออินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล หรือในกรณีที่มือถือผมโดนค้นก็ยังเป็นการยากสำหรับศัตรูที่จะเข้าใจได้ว่าผมมีข้อมูลในมือเท่าไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็คงเข้ามารายงานรายละเอียดตามปกติ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ได้เวลาพักผ่อนเสียทีสินะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD