พยศบทที่ 4 : Everything is change.

1664 Words
SAIHMOK PENTHOUSE. หลังกลับมาจากคอนโดไอ้โฮม ผมก็เอาเเต่เเช่ตัวอยู่ในอ่าง สไลด์มือถือเล่นไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ภาพของบันนี่น้อยสีขาวเร้าใจยังติดใจผมไม่หาย พอนึกถึงเเล้วก็พลอยให้ผมยิ้มมุมปากอย่างนึกขำตอนที่น้องมันมีท่าทีพยศใส่ พูดง่ายๆ ก็คือเด็กคนนี้พิเศษตรงที่เตะตาผมเป็นพิเศษ เเละเวลาที่ผมอยากได้อะไร ผมไม่เคยปล่อยให้หลุดมือไปอยู่แล้ว เเต่ที่จริงสายฟ้าก็ทำให้ผมนึกถึงใครบางคนเหมือนกัน.. ใครคนหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว.. ใครสักคนที่ผมไม่เคยคิดที่จะลืมเขาเลยเเม้เเต่วินาทีเดียว.. "ทำไมวันนี้พี่หมอกถึงเมินผมล่ะครับ" "อย่าคิดมากเลย วันนี้ไปหาของอร่อยกินกันมั้ย" "ผมไม่น่ารักใช่มั้ยครับ พี่หมอกก็เลยไม่อยากเข้าใกล้.." "ไม่ใช่แบบนั้นคือพี่เเค่.. ช่างมันเถอะนะครับ" "ผมจะเข้าบ้านเเล้ว พี่หมอกเองก็เข้าบ้านเถอะครับ" สามปีผ่านไป ผมยังจดจำเรื่องราวในวันวานได้ชัดเจน เเก้มขาวใสดูกลมเหมือนซาลาเปา จะจับกอดก็เนื้อเเน่นเต็มไปหมด มีเเว่นตาอันหนาเตอะของน้องมันที่กำลังบดบังความน่ารักอยู่ ซึ่งในสายตาคนอื่นคงมองว่าเด็กคนนั้นเนิร์ดสัดๆ เลยล่ะครับ เเต่ความจริงเเล้ว เขาเป็นเด็กที่น่ารักคนนึงเลย ถึงจะพูดน้อยเเต่ใส่ใจคนรอบข้างเก่งมาก เเล้ววันนึงความน่ารักก็ต้องย้ายบ้านไปไกลโดยไม่ลาผมสักคำ ตอนนั้นผมเตะบอลอยู่ที่โรงเรียน พอกลับมาก็ไม่เจอน้องเขาเเล้ว ชื่อของเขาผมยังจำมันได้ดี ..ศิระกานต์ อีกครั้งที่ผมมารู้ข่าวจากพ่ออีกทีว่ารถของน้องประสบอุบัติเหตุ เท่านั้นเเหละหัวใจของผมมันก็เหมือนจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ เหมือนสิ่งของหนักๆ ที่หล่นมาทับถมที่อก ปวดหนึบจนชาไปทั้งใจ น้องเป็นรักเเรกของผม เพราะงั้นผมถึงรู้สึกเสียใจที่วันนั้นเราไม่ได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้าย ไม่อยากผิดหวังก็เเค่ไม่คาดหวัง ผมมักจะพูดกับตัวเองตลอดหลังจากที่ไม่มีเขา.. ตั้งเเต่นั้นมาผมก็มั่นใจว่าตัวเองจะไม่จริงจัง หรือพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันตัวเองอีกเด็ดขาด เพราะมันทำให้ผมคิดถึงคนตัวเล็ก ..สุดหัวใจ ผมถึงกลายเป็นคนที่หลักลอยไม่จริงจังไม่ผูกมัดกับใคร เพราะเวลาเสียใจ ผมมั่นใจว่าผมรับมันไม่ไหวเเน่ๆ "เฮ้อ น่าเบื่อชิบหาย" ผมลุกออกจากอ่าง มือก็คว้าผ้าขนหนูมาคาดเอวไว้ พร้อมกับส่องโปรไฟล์ของสายฟ้าบนอินสตราเเกรม เจ้าตัวไม่ค่อยลงรูปเท่าไหร่ จะมีบ้างประปราย เเต่เป็นภาพที่โคตรจะน่ารักเลย ทั้งมุมกินไอติมเเล้วยิ้มเเฉ่ง ภาพกับเเหล่งท่องเที่ยวต่างๆ "ทักไปหน่อยดีกว่า" ผมยกยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะเข้าข้อความเเล้วพิมพ์ทักสายฟ้าไปก่อน shm.rich : อยากทานข้าวด้วยจังครับ saifah.20 : ถ้าเรื่องงานรบกวนทักไลน์ส่วนตัวนะครับลูกค้า shm.rich : พี่ไม่เล่นไลน์ คุยกับเราในนี้ไม่ได้เหรอ saifah.20 : ครับ ชั่วโมงละสามพัน ล่วงเวลาเเล้วเเต่ตกลง shm.rich : กินข้าวอะไรชั่วโมงละสามพัน ทำอย่างอื่นด้วยปะ saifah.20 : ไม่ครับ ผมกลั้นหัวเราะจนเเก้มพอง เเค่หยอกเล็กน้อยอีกฝ่ายก็อ่านเเล้วตอบกลับเท่าความไวเเสง ไม่ต้องเห็นหน้าก็พอจะรู้ว่าคงจะไม่ชอบใจมากเเค่ไหน เเต่ทำไงได้ เวลาน้องมันทำปากงุ้ยเเล้วน่ารักดีนี่หว่า ถึงจะมีหน้ากากมาบดบังไปครึ่งหน้าก็เถอะ shm.rich : โอเค ไม่เเกล้งละ ถ้างั้นพรุ่งนี้พี่จะไปรับเราไปทานข้าวตามชั่วโมงที่เราบอก saifah.20 : ถ้างั้นขอทราบชื่อด้วยครับ shm.rich : สายหมอก คู่สนทนาเงียบไปเกือบสามนาที ไม่รู้ว่าบทสนทนาระหว่างเรามันจบแค่นี้หรือสายฟ้าบันนี่ของไอ้หมอกจะอึ้งจนเผลอตอบกลับกันเเน่ shm.rich : ตกลงตามนั้นนะครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ พิมพ์เสร็จผมก็โยนมือถือลงเตียง เเล้วเดินไปเเต่งตัวอย่างอารมณ์ดี ผมว่าผมเจออะไรใหม่ๆ ที่จะทำให้ชีวิตนี้ไม่น่าเบื่อเเล้วว่ะครับ หึ SAIFAH TALK shm.rich : โอเค ไม่เเกล้งละ ถ้างั้นพรุ่งนี้พี่จะไปรับเราไปทานข้าวตามชั่วโมงที่เราบอก saifah.20 : ถ้างั้นขอทราบชื่อด้วยครับ shm.rich : สายหมอก ผมกำมือถือเเน่น ทั้งห้องปิดไฟหมดเเล้วเหลือเพียงเเค่หน้าจอจากโทรศัพท์มือถือที่เเสดงเเชทระหว่างผมกับพี่หมอกเมื่อครู่ ผมคิดว่าการที่ไม่เจอเขาตั้งเเต่วันนั้นจะทำให้เจ้าตัวเลิกตามตอแยได้ แต่เปล่าเลย มันเหมือนกับว่าเขายิ่งขยับเข้าใกล้ผมเรื่อยๆ เเล้ว เเต่ก็นั่นเเหละ ถ้าเขาเข้ามาในฐานะลูกค้าผมก็ปฏิเสธงานไม่ได้ ไม่ว่าใครคนนั้นจะเคยเป็นอะไรในอดีตมาก็ตาม "ยังไม่นอนอีกเหรอฟ้า" เสียงงัวเงียของคนอีกเตียงดังขึ้นงัวเงีย "อ่อ จะนอนแล้ว" ผมตอบกลับพร้อมปิดมือถือเเล้ววางไว้หัวนอนตามเดิม "อืม ฝันดี" "ฝันดี" ผมมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม นอนคุดคู้กอดเข่าตัวเอง ในหัวมีเรื่องราวมากมายให้ผมต้องคิดมาก ไหนจะเรื่องค่ารักษาเเม่ เเละบ้านที่ผมอยากจะซื้อกลับคืนมาอีก มันทำให้หลายคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ ชีวิตไม่เคยง่ายเลยสักนิด ..ไม่เคยเลย ตกเย็น "สายฟ้า" ผมชะงักฝ่าเท้าที่กำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับพี่หมอกอยู่ เเละเมื่อเจ้าตัวมาถึงผมก็กดปิดหน้าจอมันลงอย่างรวดเร็ว พลางหันไปยิ้มให้คนที่เรียกผมไว้ด้วย "เราชื่อเจตไง จำได้ป่ะ" "อ่อ จำได้ดิ มีอะไรหรือเปล่า" "เปล่าอะ เเค่จะขอเดินไปด้วย เดี๋ยวเจตต้องขึ้นรถเมล์กลับเหมือนกัน" "เอาดิ" ถึงผมจะดูไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัวสักเท่าไหร่ เเต่ผมก็คอยสังเกตเพื่อนหรือผู้คนรอบข้างเสมอนะครับ อย่างเจตเนี่ยตัวสูงเเล้วก็ดูดีเหมือนนายเเบบเลย เเถมรุ่นพี่ยังอยากจะดึงตัวไปเป็นเดือนคณะอีกต่างหาก ผมว่านะถ้าเจตลงประกวดก็อาจจะมีสิทธิ์ชนะเลยเเหละ หน้าตาดีขนาดนี้ "ปกติสายฟ้ากลับแบบนี้ตลอดเลยเหรอ" ผมพยักหน้าเเทนคำตอบ "อ่อ" ผมเดินตรงไปที่ร้านขายน้ำปั่น เเล้วสั่งมะพร้าวปั่นมาเเก้วนึงไว้ยืนดื่มระหว่างรอรถเมล์ ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ การรอรถโดยสารประจำทางตอนเย็นเป็นอะไรที่คนโคตรจะเยอะ เผลอๆ กินสองเเก้วไม่รู้จะได้กลับบ้านหรือเปล่า "ที่จริงแล้วเรา.. ขับรถมา" คนตรงหน้าผมสารรภาพเสียงค่อย "หะ เเล้วมารอรถทำไม หรือว่ารถเสียหรอ" "เปล่าหรอก เเค่อยากเดินมาส่ง" เจตระบายยิ้ม "หือ" "งั้นไปก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้" ผมยกมือขึ้นเกาหัวมองคนตรงหน้าที่โบกมือลาเเล้วก็วิ่งหายกลับเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัยต่อ อะไรของเขาวะ ตุบ ตัวผมชะงักงันไปชั่วขณะหันหน้าจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์ หากเเต่มะพร้าวปั่นในมือมันกระฉอกไปโดนคนที่เดินสวนมาเเล้วเรียบร้อย "เอ่อ ขอโทษครับ" ผมก้มหน้าขอโทษขอโพย จะโดนตีนตั้งเเต่ก้าวเท้าเเรกเข้ามาเรียนไหมครับเนี่ย "ไม่เป็นไร" คู่กรณีเอ่ยเสียงเรียบ โชคดีที่มะพร้าวมันสีขาวเหมือนเสื้อนักศึกษาเลยดูไม่เลอะเท่าไหร่ ชะตาผมยังไม่ขาดสินะ "พี่โซล" ผมเบิกตาโตราวกับมีสายฟ้าสถิตย์ที่กลางอก สายตามองเเผ่นหลังของคนเมื่อครู่อย่างไม่ละสายตา เหมือนเขาเองจะไม่ได้มองผมสักเท่าไหร่ เเล้วรีบเดินเลี่ยงไปอีกทางนึงทันที "สายฟ้า" "เอ่อ" ผมหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่ลดกระจกลงมาครึ่งหนึ่ง พี่หมอก.. ผมเดินไปเกาะที่กระจก "ผมจะกลับไปอาบน้ำก่อน เเล้วเราค่อยไป.." "ไม่ต้อง" "เเต่ว่าตัวผมเลอะสีอยู่นะ จะไปเลยได้ยังไง" "ไม่ต้องหรอก ไปอาบบ้านพี่ก็ได้ น้ำอุ่นกว่าอีก" รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่มุมปากของชายตรงหน้า เขาเลียริมฝีปากก่อนจะเอื้อมมาเปิดประตูให้ผม "เร็วสิครับ คันหลังเขาบีบเเตรเเล้วนะ" เขาเร่งเร้า สุดท้ายผมก็ต้องลนลานเข้ามานั่งบนรถพี่หมอกมา สายตาพยายามหลบเลี่ยงเเววตาเจ้าเล่ห์เขาตลอดเวลา เหมือนเขาจะจำผมไม่ได้เลย พี่หมอกไม่มีท่าทีที่ระเเคะระคายเลยสินะ คงเพราะผมเปลี่ยนไปล่ะมั้ง เพราะผมเองก็คิดว่าตัวเองในเมื่อก่อนกับตอนนี้ต่างกันเหลือเกิน ทั้งรูปร่างหน้าตาเเละความคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะเลย "บอกไว้ก่อนนะครับ ว่าเเค่ทานข้าว ไม่มีอย่างอื่นเเน่นอน" "ทำไมอะ เราคิดอะไรอยู่" "เปล่าครับ เเค่บอกเอาไว้เฉยๆ" "ไม่ได้จะล่อลวงไปกินซะหน่อย เราอะคิดมาก" เเต่รอยยิ้มเขามันทำให้ผมคิดจนเครียดเลยต่างหาก ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก "เเต่ว่า.." "....." "ถ้าเราอยากทำอย่างอื่นระหว่างทานข้าวด้วยพี่ก็ไม่ขัดนะครับน้องบันนี่"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD