เธอก็เถียงบิดานะ เพราะเหนื่อย เมื่อยล้า อดหลับอดตาย เครียด แต่เธอไม่ได้เป็นซึมเศร้าเพราะคิดเสมอว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตก็ต้องก้าวเดินต่อไป เครียดทุกข์เธอก็ฟังธรรมะบ้าง ฟังยูทูบบ้าง หลายครั้งทำใจได้ แต่หลายครั้งก็ทำใจไม่ได้
เรื่องเวทิตาเธอก็นึกสงสารเพื่อน และคิดว่าตัวเองไม่น่าไปอิจฉาเพื่อนเลย แต่พอไปเจอว่าเวทิตานั้นมีความสุขเธอก็รู้สึกทนไม่ได้
“เพชร เพชร” เสียงเรียกที่ดังอยู่หน้าบ้านคือเสียงของเวทิตา พลอยเพชรเดินออกมาดูก็เห็นรอยยิ้มของเพื่อนที่ส่งมาให้
“มีอะไรเหรอเว”
“เวเอาแกงหัวตาลกับกุ้งสดมาฝาก รู้ว่าเพชรชอบ”
“ขอบใจนะ” พลอยเพชรรับแกงมาถือเอาไว้ รู้สึกละอายใจเหลือล้น ตอนนั้นเธอยังเด็กเลยอิจฉา แต่ตอนี้โตแล้ว เจออะไรมาเยอะแล้ว เธอไม่ควรอิจฉาเวทิตาอีก
เธอทำบ้าอะไรไปนี่ ก่อนหน้านี้ยังไปยุให้การันต์จับเวทิตาไปปล้ำทำเมีย น่าเอาค้อนปอนด์ทุบหัวตัวเองให้เละนัก
จู่ ๆ ก็คิดได้ว่าไม่ควรทำ พลอยเพชรมองเพื่อนอย่างละอายใจ เธอเครียดมากที่ต้องรับภาระดูแลบิดามารดาป่วย เลยขี้บ่น ปากร้าย แต่หลัง ๆ พอได้ฟังเทศน์ ฟังเรื่องดีๆ จากยูทูบเธอก็เริ่มผ่อนคลายและคิดได้
“ขอบใจมาก ฉันยังไม่ได้ทำกับข้าวอะไรเลย ไม่มีอะไรให้เธอเพื่อตอบแทนน้ำใจ”
“เพชรยุ่ง ต้องดูแลแม่ เราเข้าใจ เราเลยทำกับข้าวมาฝากไง จำได้ไหมตอนเราเลี้ยงลูก เพชรก็ทำกับข้าวไปฝากเราเหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องเกรงใจเราหรอก ไม่มีอะไรให้เราก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้อยากได้ของเพชร แค่เอามาฝากเพชรเท่านั้น” เวทิตาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบใจมากนะ” พลอยเพชรเอ่ยขอบใจ พอเวทิตาออกไปจากบ้านแล้ว เธอก็ตั้งสติ ก่อนหน้านี้ที่คุยกับการันต์คือความผิดพลาดรอบที่สอง เธอไม่ควรเอาความอิจฉาริษยามาทำให้ตัวเองทำเรื่องผิดพลาดรอบที่สองอีก
เธอรีบกดโทรศัพท์หาการันต์ในทันที บ้าบอที่สุด นี่เธอวางแผนกับการันต์ไปได้ยังไงกันนะ
“เฮียฉันเองนะ”
“ว่าไง”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้วนะ สงสารเว เวต้องเลี้ยงลูกคนเดียว สาเหตุก็มาจากฉัน ฉันไม่ช่วยเฮียทำร้ายเวอีกแล้ว” คนพูดพูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ ก่อนจะยิ้มออก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่เธอจะไม่ทำผิดซ้ำสองอีกแล้ว
พลอยเพชรไม่รอให้การันต์ได้พูดอะไรอีก หล่อนกดวางสายในทันที เพื่อตัดสายการพูดคุย เธอกลัวการันต์จะโทร. มาอีก เลยกดปิดเครื่องเสียเลย
เป็นจริงอย่างที่พลอยเพชรคิด การันต์กดโทรศัพท์มาหาอีกหลายสิบสาย ยิ่งไม่มีคนรับก็ยิ่งหงุดหงิดแทบเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
“โธ่โว้ย!” การันต์สบถอย่างหัวเสียเมื่อโทร. ไม่ติด เขาสับปังตอลงบนเขียงเต็มแรง
“เป็นอะไรของเอ็งว่าไอ้รันต์ เดี๋ยวเขียงก็แบะเป็นสองท่อนหรอก หรือว่านังกากีไม่คุยด้วย” นังกากีที่มารดาพูดถึงคือเวทิตา ท่านเรียกผู้หญิงที่เขารักว่านังกากี ทำเอาเขารู้สึกโกรธพวกท่านพอสมควร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทุกวันนี้เหมือนทำงานเป็นลูกน้องที่เขียงหมู เงินทองบิดามารดาเก็บไปจนหมด ให้เขาใช้จ่ายบ้างตามความจำเป็น แต่จะใช้จ่ายอะไรก็จะถามย้ำจนน่าอึดอัด ถ้าไม่เพราะบิดามารดามีสมบัติเยอะ แล้วเขาเป็นลูกคนเดียว เขาคงไม่ทนขนาดนี้
“ม๊าหยุดว่าเวเป็นนังกากีเสียทีเถอะ”
“อ้าว... แกรู้ด้วยรึว่าฉันว่าใคร” การัต์ไม่อยากเถียงกับมารดา เพราะเถียงอย่างไรก็เถียงไม่ชนะ เขาเลยเลือกที่จะเดินหนี แผนการอาจมีเปลี่ยนแปลง แต่เขาจะไม่ยอมสูญเสียเวทิตาไปอย่างแน่นอน
ทางด้านสิบทิศ เขาตามสืบเรื่องของเวทิตาโดยการถามเพื่อนบ้านของหล่อนนั่นแหละ
มีคนเคยบอกเขาว่า อยากรู้เรื่องบ้านไหนให้ถามเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านรู้ดีที่สุด น่าจะจริง
เขาได้คำตอบจากเพื่อนบ้านของเวทิตาได้ใจความว่าหลังจากยายของหล่อนเสีย หล่อนก็ท้องโตแบบไม่มีพ่อ หมายความว่าเวทิตาไม่ได้แต่งงานกับใคร ไม่ได้คบหากับใคร แถมยังไม่เคยปริปากบอกใครว่าพ่อของลูกเป็นใคร
ยายของเวทิตาป่วยหนักในตอนนั้น เขาไม่รู้เลยสักนิด อาจเพราะว่าบิดามารดาของเขาเพิ่งเสียชีวิต และตอนนั้นเขาก็มีเรื่องระหองระแหงกับเธออยู่
สิบทิศบอกตัวเองว่าหากอยากได้คำตอบ ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เขามีคนที่จะให้คำตอบเขาได้ นั่นก็คือเพื่อนของเวทิตา พลอยเพชรนั่นเอง
เมื่อหลายปีก่อนเขาฝากพลอยเพชรไปบอกเวทิตาว่ากำลังจะย้ายไปดูแลยายที่ป่วยอยู่กรุงเทพฯ เมื่อรอเวทิตาแล้วหล่อนไม่มา เขาก็เลยฝากที่อยู่ไว้กับพลอยเพชร และรอให้เวทิตาโทร. มาหาเขา ด้วยว่าหล่อนไม่มีโทรศัพท์ เขาจะซื้อให้ก็ไม่ยอม เขารอโทรศัพท์เธอ รอแล้วรอเล่า โทร. กลับมาหาพลอยเพชรก็ปรากฏว่าโทร. ไม่ติด ยิ่งการันต์นั้นก็ยิ่งไม่ค่อยรับโทรศัพท์ของเขา รับแล้วก็ได้ยินเสียงด่าของป๊ากับม๊าของการันต์ลอดมาตามสาย ทำให้เขาเกรงใจเพื่อน ไม่กล้ารบกวนเพื่อนอีก พอถามถึงเวทิตาเพื่อนก็บอกว่าไม่รู้ มัวแต่ยุ่งขายหมู สุดท้ายเขาก็ต้องหันเหความสนใจไปดูแลผู้เป็นยายแทน เพราะเขากับยายผูกพันกันมาแต่เด็ก ท่านเลี้ยงเขามาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เขาจึงไม่อยากสนใจเรื่องของคนอื่นไปมากกว่าญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
เสียงเรียกที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้พลอยเพชรต้องรีบออกมาดู พอเห็นว่าเป็นสิบทิศ เธอก็ถึงกับทำของในมือหล่น
“ใครมาน่ะนังเพชร” เสียงของมารดาทำให้พลอยเพชรได้สติ
“เพื่อนมาน่ะ” เธอเดินออกมารับสิบทิศหน้าบ้าน ไม่ได้เจอกันหลายปี เขายังดูดีไม่เคยเปลี่ยน
ไม่สิ... จะเรียกว่าเขาดูดีกว่าแต่ก่อนมากนักก็ย่อมได้
“พี่สิบทิศกลับมาเมื่อไหร่แล้วคะ” พลอยเพชรชวนคุย รีบกุลีกุจอไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา อาจเพราะเธอตกหลุมรักเขานั่นเอง
“พี่กลับมาสองสามวันมาแล้ว เพชรสบายดีเหรอ”
“เพชรก็เรื่อย ๆ ค่ะ”
“ได้ข่าวว่าแม่ป่วยเหรอ”
“ค่ะ”
“พี่ขอเข้าไปเยี่ยมหน่อยได้ไหมครับ” สิบทิศพูดเช่นนั้น พลอยเพชรก็ไม่ได้ขัดอะไร อาจเพราะเขามีน้ำใจกับเธอและคนอื่นเสมอ
“สวัสดีครับคุณป้า” สิบทิศยกมือไหว้
“นั่นใครน่ะ”
“ผมสิบทิศไงครับ” ประโยคนั้นของเขาทำให้ท่านยิ้มออก
“สิบทิศเหรอจ๊ะ ไม่ได้เจอกันเสียนาน สบายดีเหรอ” พลอยเพชรคิดว่ายังดีที่มารดาของเธอยังสมองดี จำใครต่อใครได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงปวดหัวไม่น้อย
มารดาของเธอก็ดีอยู่อย่าง เวลามีคนมาเยี่ยมท่านก็พูดดี ไม่เคยฉีกหน้าด่าเธอให้ใครฟังหรือนินทาเธอ มักจะเอ่ยชมว่าเธอกตัญญู แต่พออยู่ด้วยกันก็องค์ลง
เมื่อไม่ได้ดั่งใจ เธอก็จะโดนมารดาด่าสาดเสเทเสีย ถามว่าชินไหม ตอบได้เลยว่าไม่ชิน ก็เพราะว่าการดูแลคนป่วยนอกจากจะเหนื่อยกายเหนื่อยใจแล้ว บางทีก็ยังสติแตกอีก คนป่วยบางคนเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ด่าว่าอย่างไม่เกรงใจ ไม่สนไม่แคร์ สนแต่ตัวเอง คิดว่าตัวเองป่วยไม่มีใครเข้าใจ คนที่ไม่ป่วยก็ต้องหันมาดูแลตัวเองให้ดี ไม่คิดว่าคนไม่ป่วยก็เหนื่อยมากเหมือนกัน ที่ต้องดูแลคนป่วย แถมยังไม่มีเวลาเป็นของตัวเองอีก
พลอยเพชรเข้าใจและเห็นใจทุกคนที่ดูแลคนป่วย ทั้งติดเตียง หรือคนป่วยด้วยโรคชราต่าง ๆ ที่มักขี้บ่น จู้จี้จุกจิก ด่าว่าลูกหลาน การทำใจให้ได้นั่นคือสิ่งที่ดี แต่บางครั้งเราก็เป็นแค่มนุษย์เดินดินคนหนึ่ง มีโกรธ มีท้อ มีเหนื่อย เสียใจและล้าเหมือนกัน แต่เอาจริง ๆ เหนื่อยกายเธอคิดว่าพักกก็หายเหนื่อย แต่เหนื่อยใจมันเหนื่อยจริง ๆ พักแล้วยังไม่หายเหนื่อยเลย